วันที่ 4 สิงหาคม 2557 เวลา 11.00 น.
หมอวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ ผู้ต้องขังคดีฆาตกรรม
พญ.ผัสพร บุญเกษมสันติ ด้วยการฆ่าหั่นศพ แล้วอำพรางคดีด้วยการนำชิ้นส่วนศพไปทิ้งในชักโครกของโรงแรมแห่งหนึ่ง ได้ออกจากคุกแล้ว
หมอวิสุทธิ์ ติดคุกบางขวางรวมระยะเวลาทั้งสิ้น 10 ปี 7 เดือน กับอีก 25 วัน โดยได้รับการพระราชทานอภัยโทษจากโทษประหารชีวิต ลดเหลือจำคุกตลอดชีวิต และได้ลดโทษอีกหลายครั้ง จากสาเหตุที่เป็นนักโทษชั้นดีมีความประพฤติดี บำเพ็ญประโยชน์ในคุก สุดท้ายได้ออกจากคุกแล้ว
จากโทษประหารชีวิต เหลือ จำคุกจริง 10 ปี !!
แต่หมอวิสุทธิ์ ต้องมารายงานตัวตามเหตุพักโทษ ต่ออีกจนกว่าจะครบกำหนดพ้นโทษจริงใน
เดือนกันยายน ปี 2560
คลิปข่าว ไทยพีบีเอส ย้อนคดี และ วันหมอวิสุทธิ์ออกจากคุก
ถามว่า ติดคุกแค่ 10 ปีมันถูกต้องยุติธรรมต่อสังคมแล้วหรือไม่ ?
ในความเห็นส่วนตัว ผมไม่เคยโกรธแค้นต่อหมอวิสุทธิ์แต่อย่างใด ผมเคยดูทั้ง
รายการตี 10 ที่คุณวิทวัสไปสัมภาษณ์หมอในคุก
ผมเคยได้ดูคลิปรายการ ฅนค้นฅน ก็รู้ว่าหมอได้สำนึกผิด และได้ทำหน้าที่หมอรักษาพยาบาลนักโทษในคุกบางขวางมาหลายปี
ผมเองเชื่อว่า หมอได้สำนึกในความผิดและกลับตัวกลับใจเป็นคนดีแล้วจริง ๆ
แต่ผมก็ยังมองว่า การที่หมอได้ติดคุกจริงแค่ 10 ปีเท่านั้น มันเร็วไป และดูไม่ยุติธรรมต่อสังคมส่วนรวม ที่คดีฆ่า และไม่ใช่การฆ่าธรรมดา เช่น การฆ่าเพราะบันดาลโทสะ
แต่นี่คือการฆ่าที่มีการวางแผนซ่อนเงื่อน และเป็นการฆ่าที่โหดเหี้ยมในสายตาผู้คนในสังคม เพราะคือการฆ่าหั่นศพ
ซึ่งเป็นคดีสะเทิอนขวัญอย่างมาก และผู้ตายก็เป็นถึงภรรยาของหมอ เป็นแม่ของลูกหมอ แถมผู้ตายก็เป็นแพทย์หญิง ที่สามารถทำประโยชน์ให้สังคมและประเทศชาติได้อีกมาก
ผมไม่ได้ติดใจที่หมอวิสุทธิ์ จะได้รับพระราชทานอภัยโทษจากโทษประหาร จนเหลือจำคุกตลอดชีวิต และผมก็ไม่ติดใจที่หมอได้ลดลงมากกว่านั้นอีก
แต่ผมว่า การติดคุกแค่ 10 ปี มันยังน้อยไปหน่อยนะครับ ทั้ง ๆ ที่หมอก็ได้รับสิทธิพิเศษในการติดคุกสบา่ยกว่านักโทษคนอื่น ๆ เพราะหมอได้รับเกียรติให้ทำหน้าที่หมอในคุก ได้ทำกุศลต่อเพื่อนนักโทษที่เจ็บป่วย
แต่ก็นั่นแหละ คนเป็นหมอก็ย่อมได้สิทธิพิเศษมากกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว เพราะหมอมีความรู้ความสามารถที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น ๆ ได้มาก
แต่คดีฆ่าหั่นศพ กับติดคุกแค่ 10 ปี มันไม่ยุติธรรมต่อสังคมเท่าไหร่ เพราะทำให้คนชั่วเห็นเป็นตัวอย่างว่า ทำชั่วอย่างโหดเหี้ยมก็ติดคุกจริงไม่นาน
อย่างคดีฆ่าหั่นศพของ
อดีตนักศึกษาแพทย์ เสริม รายนั้นก็เหมือนกันติดคุกแค่ 10 ปีเท่านั้น ก็ออกจากคุกไปหลายปีแล้ว
มันยุติธรรมกับสังคม กับผู้ตาย และกับญาติของผู้ตายเหรอครับ
แน่นอน
เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
แต่ผมว่า การติดคุกของหมอวิสุทธิ์ และนายเสริม ด้วยคดีฆาตกรรม ฆ่าหั่นศพยังติดคุกน้อยไปจริง ๆ
ที่สำคัญหมอวิสุทธิ์ ยังไม่เคยยอมรับสารภาพว่าตนได้กระทำผิดในคดีนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
ผมไม่ได้โกรธหรือเกลียดอะไรนักโทษทั้งสองคน แต่ผมมองในภาพรวมว่า บทลงโทษของประเทศไทย เมตตามากเกินไปหรือเปล่า ??
ถ้าหมอวิสุทธิ์ได้อยู่ทำกุศลในเรือนจำบางขวาง รักษานักโทษให้นานกว่านี้อีกสักหน่อย ผมว่า หมอจะได้กุศลอีกมหาศาลนะครับ
ผมก็ไม่ทราบว่า หมอวิสุทธิ์ ยังจะกลับมาทำหน้าที่หมอรักษานักโทษต่อไปหรือไม่ เช่น ไปเช้าเย็นกลับ ?
ข่าวก็ไม่ได้รายงาน
แต่ยินดีด้วยครับ เมื่อหมอได้อิสรภาพแล้ว ก็จงอย่าหยุดทำความดี
---------------------
ญาติหมอผัสพร อโหสิกรรมแล้ว
พ่อของแพทย์หญิงผัสพร ผู้ฟ้องร้องหมอวิสุทธิ์เอง (เพราะอัยการไม่สั่งฟ้อง) ได้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี 2553 จากโรคชรา
แต่สำหรับน้องชายของหมอผัสพร อโหสกรรมให้หมอวิสุทธิ์นานแล้ว แต่ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกันอีก
-----------------
ย้อนรอยคดีหมอวิสทธิ์ ผู้ไม่เคยยอมรับสารภาพว่า ได้ลงมือกระทำ
จากสกู๊ปข่าว astv
ในปี 2550 ที่ผ่านมา มีคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญที่ศาลได้มีคำพิพากษาไปหลายคดี แต่ที่อยู่ในความสนใจที่สุดคงต้องยกให้คดีที่
ศาลฎีกาพิพากษาประหารชีวิต “ นพ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ ” อดีตสูตินรีแพทย์ รพ.จุฬาฯ จำเลยคดีฆ่าหั่นศพ พญ.ผัสพร บุญเกษมสันติ อดีตสูตินรีแพทย์ รพ.บุรฉัตรไชยากร (รพ.รถไฟ) ภรรยาตัวเอง ปิดฉาก “ คดีพิศวาสฆาตกรรม ” ที่สังคมไทยเฝ้าติดตามมานานกว่า 6 ปี
จุดเริ่มของคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ก.พ. 44 เมื่อนพ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน. พญาไทว่า
พญ.ผัสพร ภรรยาหายตัวไปอย่างไร้ร่องลอย จนกลายเป็นคดีครึกโครมผ่านหน้าสื่อมวลชน โดยตำรวจได้เบาะแสสำคัญว่า นพ.วิสุทธิ์ เป็นคนสุดท้ายที่พบกับพญ.ผัสพร โดยไปรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันที่ร้านโออิชิ ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ ซึ่งมีหลักฐานจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่นพ.วิสุทธิ์เดินประคองภรรยาที่มีอาการสะลึมสะลือคล้ายถูกมอมยา
นอกจากนี้ในทางสอบสวนยังได้ข้อมูลสำคัญว่า นพ.วิสุทธิ์ มีปัญหาขัดแย้งกับภรรยา ถึงขั้นฝ่ายหญิงต้องฟ้องหย่า และร้องเรียนเรื่องพฤติกรรมต่อแพทยสภา ซึ่งอาจเป็นปมสำคัญที่ทำให้ นพ.วิสุทธิ์ โกรธแค้นจนต้องลงมือฆ่า
และยังได้เบาะแสสำคัญเป็นหลักฐานการใช้โทรศัพท์ ที่ นพ.วิสุทธิ์ ติดต่ออาคารวิทยนิเวศน์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งต่อมาทราบว่าเป็นสถานที่ที่ใช้ลงมือฆ่าและชำแหละศพอดีตภรรยา เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จึงระดมกำลังเข้าตรวจสอบห้องพักในทันที โชคดีที่ยังหลงเหลือคราบเลือดอยู่ในห้องน้ำและอ่างล้างหน้า และเมื่อตรวจสอบภายใน
“บ่อเกรอะ” ของอาคารดังกล่าว จนพบเศษชิ้นเนื้อของมนุษย์จำนวนมากถูกชำแหละทิ้งเอาไว้ ทำให้ชุดสอบสวนคลี่คลายคดีมั่นใจว่า นี่คือ “ คดีพิศวาสฆาตกรรม” ที่จะพลิกประวัติศาสตร์งานนิติวิทยาศาสตร์ไทย
เมื่อได้หลักฐานชุดสืบสวนจึงควบคุมตัว นพ.วิสุทธิ์ มาสอบปากคำ
แต่นพ.วิสุทธิ์ กลับปฏิเสธที่จะตอบทุกคำถาม ด้วยสีหน้าสุดเย็นชา แววตาดุจดั่งเพชรฆาต
ต่อมามีการรวบรวมพยานหลักฐานสรุปสำนวนการสอบสวนส่งต่อให้อัยการ แต่ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ทำให้ญาติผู้ตาย และพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีถึงกับ ช๊อก !!ไปตามๆกัน เมื่อ
“พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง นพ.วิสุทธิ์”
โดย
นายเสริมเกียรติ วรดิษฐ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 4 (ในขณะนั้น) อ้างเหตุผลว่าคดีไม่มีประจักษ์พยาน และไม่มีศพผู้ตาย
ทำให้
นายโชติ วัฒนเชษฐ์ บิดาของ พ.ญ.ผัสพร เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นพ.วิสุทธิ์ เป็นจำเลยต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ในความผิดฐานฆ่า พญ.ผัสพร ภรรยาตนเองโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซ่อนเร้น ทำลายศพ กักขังหน่วงเหนี่ยว ปลอมเอกสาร จนเมื่อศาลเห็นคว่าดีมีมูลและมีคำสั่งประทับรับฟ้องแล้ว พนักงานอัยการจึงบากหน้าเขามาขอเป็นโจทก์ร่วมในคดี
คดีนี้
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 7 มี.ค.46 ให้
ประหารชีวิต นพ.วิสุทธิ์ แม้คดีไม่มีประจักษ์พยานเห็นในขณะลงมือฆ่า แต่พยานแวดล้อมกรณีรวมทั้งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ มีความสอดคล้องเชื่อมโยงเป็นขั้นเป็นตอนมีน้ำหนักให้ศาลเชื่อโดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยเป็นผู้ฆ่าผู้ตายจริง
ต่อมา
ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 4 ก.ค.48 ยืนตามศาลชั้นต้น และศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาเป็นที่สิ้นสุดในวันที่ 26 ก.ค.50 ที่ผ่านมา ยืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้
ประหารชีวิต นพ.วิสุทธิ์ สถานเดียว ปิดฉากตำนาน “หมอฆ่าเมีย” ที่สังคมเฝ้าติดตามมายาวนานกว่า 6 ปี
หลังถูกศาลฎีกาพิพากษาประหารชีวิต หนทางดิ้นรนเฮือกสุดท้ายของ
นพ.วิสุทธิ์ คือการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ในการยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ และเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2550 ที่ผ่านมา ซึ่งพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2550 มีผลใช้บังคับ นพ.วิสุทธิ์
ก็ได้รับโปรดเกล้าฯ พระราชทานอภัยโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิตในครั้งนี้ด้วย
--------------------
ผมขอตั้งข้อสงสัย สรุปว่า เมื่อ พ.ศ.2550 หมอวิสุทธิ์ได้รับพระราชทานอภัยโทษจากประหารชีวิต คงเหลือจำคุกตลอดชีวิต
และจากโทษจำคุกตลอดชีวิต ในปี พ.ศ.2550 อีกเพียงแค่ 6 ปีกว่าๆ เท่านั้น หมอวิสุทธิ์ ก็ได้ออกจากคุก...
เร็วจริง ๆ
คลิกอ่าน ปฏิรูปขั้นตอนการขอพระราชทานอภัยโทษ !!