วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

รัฐบาลไทยยังโง่กรณีกัมพูชาขึ้นทะเบียนโขนเป็นมรดกโลก







โดนเขมรใช้แผน 2 ชั้นรัฐไทยยังไม่รู้ตัว

คนที่มองตื้น ๆ ก็เฮว่า โขน ไทยได้ขึ้นทะเบียนแม้จะคนละประเภทกับละครโขนของเขมร
.
เขมร มันฉลาดที่ทำให้คำว่า "ละครโขน" เป็นของเขมรคิดเอง เขมรสร้างมาเอง ทั้งที่เดิมเขมรเลียนแบบการแสดงโขนมาจากไทย
.
ทั้งที่แต่ดั้งเดิม โขน มันคือศิลปะการแสดงชั้นสูงประจำชาติไทย ถ้าคนในโลกได้ยินคำว่า โขน เขาย่อมเข้าใจทันทีว่าหมายถึง ศิลปะการแสดงชั้นสูงของไทย ที่คนไทยคือผู้คิดค้นรูปแบบการแสดงแบบนี้ และเป็น ออริจินอล
.
เหมือนเช่น งิ้ว ก็คือศิลปะการแสดงชั้นสูงของจีน เป็นออริจินอล แม้ว่าต่อมาชาติอื่น ๆ จะนำงิ้วมาแสดงเองในประเทศตัวเองบ้าง แต่คนทั้งโลกต่างยอมรับว่า งิ้ว มีต้นกำเนิดที่จีนแดง

แต่ต่อไปถ้าคนในโลกได้ยินคำว่า โขน เขาอาจจะไม่คิดว่าโขนไทยคือ โขนออริจินอล แล้ว เขาจะเริ่มคิดว่า หรือดั้งเดิมเป็นของเขมรหว่า

และนานวันเข้า ๆ ยิ่งเขมรมีนครวัตนครธมที่เก่าแก่นับพันปีในประเทศเป็นตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างดี  ต่อไปคนในโลกเขาจะค่อย ๆ เริ่มเชื่อไปเองว่า

"อ้อ สงสัย โขน จะมีต้นกำเนิดจากเขมรมาก่อน"
.
สรุปง่าย ๆ คือ ภาครัฐไทยตั้งแต่ยุคจอมพลสฤษดิ์ ก็ยังโง่กว่าเขมรวันยังค่ำ
.
เขมรมันฉลาดที่ขึ้นทะเบียนอ้อม ๆ ไปก่อนในเบื้องแรก แต่ถ้าดูจากพฤติกรรมในโลกโซเชียลของเขมรที่ผ่าน ๆ มา  เราจะเห็นการบิดเบือนมาตลอดว่า โขน เขมรคิดเอง ไทยนั่นแหละที่มาเลียนแบบเขมร

ตัวอย่างความเห็นคนเขมรหลังจากไทยขึ้นทะเบียนมรดกโลก โขน โดยคนเขมรีคนนนี้เขาเชื่อว่า โขน มีต้นกำเนิดมาจากเขมร


ฉะนั้นใครที่ยังหลงโง่หลงปลื้มว่า ไทยขึ้นทะเบียนโขนประเภท 1 ดูมีค่ากว่า

ผมขอบอกเลยว่า ในอีกไม่เกิน 20 ปี คนทั้งโลกเขาจะเชื่อว่า โขนออริจินอล คือ โขนเขมร แน่นอน

ลองนึกภาพตามนะ เช่น ต่อไปที่นครวัตนครธม เมื่อมีการจัดแสดงแสงสีเสียงเมื่อไหร่ จะมีการแสดงโขนร่วมแสดงด้วยทุกครั้ง ต่อไปชาวโลกก็อยากมาดู โขน ที่นครวัตนครธม เพราะมันคือ โขนออริจินอล เขมรจะโฆษณาประชาสัมพันธ์แบบนี้.

ดังนั้น การขึ้นทะเบียน ละครโขน ของเขมรในวันนี้ เจตนาเพื่อประกาศว่า เขมร มีละครโขนเป็นของตัวเอง เขมรคิดค้นโขนเอง ไม่ได้ไปลอกขโมยโขนของชาติอื่นมา เพียงแต่ โขนของเขมรในวันนี้ เริ่มสูญหายสมควรให้โลกช่วยกันอนุรักษ์

โดยเฉพาะ โขนวัดสวาย ของเขมรที่นำไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกประเภท 2

แต่เดิมโขนทวาย ก็เป็นโขนที่รับมาจากโขนไทยเช่นกัน เพียงแต่ว่า พอมาในยุคเขมรแดง การแสดงโขนทั่วประเทศกัมพูชาได้หายสาปสูญ คงเหลือโขนที่วัดสวาย เพียงแห่งเดียวที่เหลือรอดมาเท่านั้น
.
การขึ้นทะเบียนโขนสวาย คราวนี้เป็นมรดกโลกที่ควรอนุรักษ์เร่งด่วย เจตนาของเขมร ก็เพื่อจะชูโขนสวายว่า คือ โขนที่เขมรคิดค้นเองแล้วพัฒนาต่อมาเป็นโขนที่สวยงามอลังการในปัจจุบัน ด้วยภูมิปัญญาเขมรเอง

รัฐบาลไทยอย่าโง่ ช่วยส่งครูโขนไปช่วยสอนให้เขมรมันอีกล่ะ รับรองต่อเขมรมันจะเป็นศิษย์คิดล้างครู มั่วเอาโขนไทยไปเป็นของมันเองอีกแน่นอน

----------

ณ เวลานี้ ผมยังขอชื่นชม ลาว กับ พม่า ที่เขายอมรับว่า การแสดงรามายณะของเขาได้รับอิทธิพลโขนมาจากไทย แล้วนำไปปรับเปลี่ยนรูปแบบไปตามแบบฉบับของเขาเอง โดยทั้งสองประเทศเขายังให้เกียรติโขนไทยเป็นออริจินอล ไม่ไปขอขึ้นทะเบียนมรดกโลก

เช่น โขนของลาว ก็มีรูปแบบคล้าย ๆ โขนไทย แต่ก็พอดูออกว่า มีความแตกต่างกันอยู่บ้าง

กรณีพม่า ถ้าเขาจะขึ้นทะเบียนมรดกโลกการแสดงรามเกียรติ์แบบพม่าบ้าง เขาก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริง ๆ ท่าร่ายรำและชุดสวมใส่แตกต่างจากโขนโดยสิ้นเชิง และไม่ใช่คำว่า โขน แต่พม่าเขาเรียกว่า ยามะซะตอ

ซึ่งการแสดง ยามะซะตอ ของพม่า ได้รับอิทธิพลจากโขนไทยก็เมื่อครั้ง กรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าในปี พ.ศ. 2310 พม่าได้กวาดต้อนผู้คนจากกรุงศรีอยุธยาเป็นเชลย ชนเหล่านี้มีทั้งเจ้านาย ช่างฝีมือ นักแสดง และนักดนตรีรวมอยู่ด้วย

หลังจากนั้นเป็นต้นมา รามายณะฉบับพม่า จึงรับอิทธิพลจากรามเกียรติ์ของอาณาจักรอยุธยาค่อนข้างสูงผ่านเชลยเหล่านี้ โดยต่อมา พม่าก็เริ่มปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดง ท่าร่ายรำ และเครื่องดนตรีให้เป็นรูปแบบเฉพาะที่เป็นเอกลักษณ์ของพม่าขึ้นมาใหม่ แบบที่เราเห็นในปัจจุบัน

ดูคลิปรามเกียรติ์พม่า 


แต่เขมรเนี่ยลอกเลียนไทยเราแบบเป๊ะ ๆ โดยเฉพาะท่ารำเลย เพียงแต่ว่าฝีมือการตัดชุดวิจิตรสู้ไทยยังไม่ได้เท่านั้นเอง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น