วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

จับกุมคนในตระกูล อัครพงษ์ปรีชา คือผลงานยอดเยี่ยมของ คสช.






หลังจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จับกุมและทลายขบวนการส่วยหมื่นล้านแอบอ้างเบื้องสูงได้จนเป็นข่าวใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์คดีส่วยของไทยแล้ว

แต่กระนั้นก็ตามแค่การจับนายตำรวจใหญ่ฝีมือดีที่เป็นหัวหน้าขบวนการอย่าง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ นายตำรวจฝีมือดีที่ทำคดีใหญ่ ๆ สำคัญระดับชาติได้มากมายได้นั้น ก็ยังไม่ใช่เรื่องที่น่าทึ่งเท่ากับการจับกุมผู้ร่วมในขบวนการนี้ที่ใช้นามสกุลพระราชทาน ก็คือ ผู้ต้องหาในนามสกุล อัครพงษ์ปรีชา 

ถือว่า นี่คือผลงานที่สุดยอดของรัฐบาล คสช. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจริง ๆ ที่ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมใด ๆ ไม่ว่าคุณใหญ่ขนาดไหน ก็จับได้ทั้งนั้น

จนมาวันนี้ได้มีประกาศจากราชเลขานุการในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ ประกาศออกมาว่า ได้มีคำสั่งยกเลิกชื่อสกุลพระราชทาน "อัครพงษ์ปรีชา" ตามเอกสารนี้ โดยให้คนในตระกูลนี้กลับไปใช้นามสกุลเดิม คือ "เกิดอำแพง"

แต่ล่าสุด ทาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตรวจพบว่า ชื่อสกุลเดิม คือ สุวะดี



จึงทำให้ผู้คนมากมายสงสัยว่าสกุล อัครพงษ์ปรีขา นามสกุลพระราชทานนี้เป็นของใคร แล้วทำไมคนในตระกูลนี้กลับไปทำเรื่องที่ร้ายแรงเช่นนี้ได้ ?

คำตอบก็คือ ผู้ต้องหาทั้ง 5 คนในตระูกูลอัครพงษ์ปรีชา เป็นญาติสนิทของพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ฯ นั่นเอง

โดยเฉพาะ นายณัฐพล อัครพงษ์ปรีชา หรืออดีตว่าที่ พ.ต.ณัฐพงษ์ อัครพงษ์ปรีชา อายุ 29 ปี เขาเป็นน้องชายแท้ ๆ ของพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ฯ

โดยยังมีคนในตระกูลนี้อีก 2 คน คือ นายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา อายุ 41 ปี, นายสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นญาติกันโดนจับในคดีนี้ด้วย


นายณัฐพล อัครพงษ์ปรีชา หรือนามสกุลเดิมคือ นายณัฐพล สุวะดี


คลิกที่รูปนี้เพื่อขยาย


ซึ่งต่อมา หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ได้มีคำสั่งปลดข้าราชการ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ออกจากราชการ ประกอบด้วย ว่าที่ พ.ต.ณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา ผู้ช่วยนายทหารธุรการ และจ่าสิบเอกสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา เสมียนกองบังคับการ สำนักงานฝ่ายเสนาธิการ ในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร

ด้านสำนักพระราชวัง มีคำสั่งไล่ออกจากราชการ นายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา ข้าราชการพลเรือนในพระองค์ ฐานกระทำการอันได้ชื่อว่า เป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงด้วย

คลิกอ่านคำสั่งไล่ออกจากราชการบุคคลทั้ง 3 คนที่สำนักข่าวอิศรา


1. นายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา 2. นายสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา 3. นายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา



ขอบคุณรูปจาก astv

และที่ยังเป็นเครือญาติสนิทของพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ ยังมีอีก 2 คนคือ นางสุดาทิพย์ ม่วงนวล ซึ่งเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ ขณะที่สามีคือ พ.ต.ท.โกวิท ม่วงนวล อดีต ผกก.ตม.สมุทรสาคร ก็คือพี่เขยของพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ ที่โดนจับในคดีนี้เช่นเดียวกัน แต่ทั้งสองคนนี้ได้รับการประกันตัว เนื่องจากยังมีเพียงคดีบุกรุกป่าสงวนคดีเดียว




----------------------

กรุณาอย่า มโน ต่อแบบที่พวกล้มเจ้ากำลัง มโน ให้ร้ายสถาบัน

การแอบอ้างเบื้องสูงเพื่อใช้ข่มขู่ผู้อื่นเพื่อเรียกรับผลประโยชน์ในทางที่ผิดโดยอาศัยที่ตัวเองเป็นพระญาติสนิทนั้น ถือเป็นการกระทำชั่วที่ร้ายแรงต่อชาติอย่างมาก

โดยในความเห็นส่วนตัวของผม ผมถือว่า ขบวนการส่วยหมื่นล้านแอบอ้างเบื้องสูงนี้กระทำเลวยิ่งกว่าพวกล้มเจ้าที่ใส่ร้ายป้ายสีสถาบันฯ เสียอีก

ซึ่งก่อนที่รัฐบาล คสช. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะจับกุมญาติสนิทของพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ฯ นั้น ผมมั่นใจว่า โดยมารยาททาง ผบ.ตร. คงได้มีการกราบทูลการจับกุมครั้งสำคัญนี้ต่อทั้งสองพระองค์ก่อนแล้วอย่างแน่นอน (การบอกก่อนโดยมารยาทคือการให้เกียรติ ซึ่งถึงไม่บอกก่อนก็จับกุมอยู่ดี เรื่องมารยาทแบบนี้บางคนอาจไม่เข้าใจ)

และทั้งสองพระองค์ก็คงโปรดเกล้าให้ดำเนินคดีพระญาติสนิทไปอย่างเต็มที่ ซึ่งพวกเราก็ได้เห็นไปแล้วตามข่าวในสื่อต่าง ๆ

ฉะนั้น ผมว่า พวกเราทุกคนอย่าได้ไปมโนเรื่องราวให้ไกลไปกว่าข้อเท็จจริงของคดีที่เกิดขึ้น เพราะผมเชื่อว่า การที่ญาติพี่น้องจะกระทำผิด ก็ไม่ได้แปลว่า คนในตระกูลนั้นทุกคนจะต้องกระทำผิดหรือเป็นคนผิดไปด้วย

อย่างเข่น ถ้าพี่น้องของคุณผู้อ่านไปกระทำผิดอาญาร้ายแรง ก็ไม่ได้แปลว่า คุณผู้อ่านต้องกระทำผิดด้วยจริงหรือไม่ ?

แต่แน่นอน การที่คนในตระกูลอัครพงษ์ปรีชา แถมเป็นคนในลำดับต้น ๆ ของตระกูล หรือที่เรียกว่าสายตรงของตระกูลได้กระทำผิดเสียเอง ย่อมสมควรได้รับการลงโทษ จึงได้มีคำสั่งให้ยกเลิกนามสกุลพระราชทานนี้ทันที

นั่นก็แปลว่า แม้แต่พ่อและแม่ของพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์เอง ก็ได้รับผลกระทบจากการถูกยกเลิกนามสกุลพระราชทานนี้เช่นกัน เหตุเพราะลูกชายและลูกสาวได้กระทำผิดคดีอาญาร้ายแรง ซึ่งตามหลักถ้าลูกกระทำผิด พ่อแม่ย่อมมีส่วนร่วมรับผิดชอบไม่มากก็น้อย

นี่จึงถือเป็นการลงโทษโดยที่ไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น นับเป็นความยุติธรรมอย่างที่สุด ที่พวกเราทั้งหลายควรถวายการยกย่องสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ที่ทรงเด็ดขาดแม้แต่พระญาติใกล้ชิดของพระองค์เองก็ตาม

การแอบอ้างเบื้องสูงเพื่อไปแสวงหาผลประโยชน์ในทางที่ผิดนั้น เป็นเพราะความโลภของคนชั่วเฉพาะบุคคล ๆ ไป เพราะการได้รับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท ก็ไม่ได้ทำให้ร่ำรวยได้ คนโลภมากก็เลยอาศัยความใกล้ชิดนี้ไปแสวงหาผลประโยชน์ในทางชั่ว

ฉะนั้นคุณผู้อ่านกรุณาอย่าได้เหมารวมเด็ดขาด นี่จึงจะเรียกว่าให้ความเป็นธรรมแก่ผู้บริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งพวกเราควรแยกแยะเป็นเรื่อง ๆ ไป แยกแยะเป็นคน ๆ ไป จริงไหม ? (ซึ่งคนไทยจำนวนมากมักมีปัญหาเรื่องการแยกแยะถูกผิด)

แต่แน่นอนพวกที่ไม่จงรักภักดี จ้องหวังทำลายสถาบันฯ พวกนี้ย่อมได้ใจหาทางมโนในทางร้าย ๆ ต่อไปอีก

(แต่ไม่ต้องห่วงครับ อุบัติเหตุในไทยที่ตายแบบพิสดารหรือตายแปลกกว่าอุบัติเหตุทั่วไป ส่วนใหญ่นั้นคือพวกล้มเจ้าทั้งสิ้น คลิกอ่านเรื่องนี้ต่อ)

-----------------------

ใช้นามสกุลดัง ก็ต้องยิ่งระวัง

ในประเทศไทยนั้น มีคดีมากมายที่แอบอ้างนามสกุลดังไปหากิน หาผลประโยชน์ อย่างเช่น ถ้าใครนามสกุลเดียวกันกับนายตำรวจใหญ่ นักการเมืองใหญ่ หรือ นายทหารใหญ่ ก็มักจะพลอยได้หน้าได้ตาที่ใช้นามสกุลนั้น ๆ ไปด้วย

ซึ่งนามสกุลของผู้มีอำนาจ ก็มักถูกคนในตระกูลเอาไปเบ่งทั้งแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจมากมาย คนไทยเราเข้าใจเรื่องนี้กันดี จริงไหม ?

--------------

ความเข้าใจในการให้ใช้ชื่อสกุลร่วม

อย่างเช่น ถ้าคุณได้รับนามสกุลพระราชทานมาโดยตรง ก็จะถือว่า คุณเป็นเจ้าของนามสกุลนั้นสายตรง เพราะจะมีหนังสือพระราชทานชื่อสกุลนั้นให้คุณถือไว้ ว่าคุณเป็นเจ้าของนามสกุลนี้ 

ซึ่งก็คล้ายกับที่คุณไปตั้งนามสกุลของคุณขึ้นมาเอง คุณก็จะได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของนามสกุลนี้โดยตรง

ซึ่งผู้เป็นเจ้าของนามสกุลก็สามารถที่จะอนุญาตให้ใครก็ได้ใช้นามสกุลร่วมกับคุณ แต่เมื่อคนที่เขาได้ใช้นามสกุลของคุณแล้ว ถ้าเขามีพ่อมีแม่ มีพี่น้อง ถ้าลำดับว่าเป็นญาติสนิทกันได้ ก็ทำให้ญาติสนิทสายตรงของคน ๆ นั้นสามารถเปลี่ยนนามสกุลตามเขาได้ด้วยนั่นเอง โดยไม่ต้องมาขอเจ้าของนามสกุลอีก

ดังนั้น การอนุญาตให้ใช้นามสกุลร่วมกันจึงสามารถแตกสายได้ออกไปอีกมากมายไม่รู้จบ โดยที่เจ้าของนามสกุลเดิมอาจไม่รู้จักคนในนามสกุลของเขาเลยก็ได้

ฉะนั้น การที่ญาตินามสกุลเดียวกันไปทำชั่ว ก็ไม่ได้แปลว่า คนในตระกูลนั้น ๆ จะรู้เห็นด้วยเสมอไป

----------------



สุดท้าย ผมขอพูดถึง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ หัวหน้าขบวนการส่วยหมื่นล้านนี้สักนิด ที่มีคนพูดกันว่า เขาเคยเป็นนายตำรวจสายของกำนันสุุเทพ เทือกสุบรรณนั้น

เรื่องนี้ต้องยอมรับว่า เป็นความจริง เพราะ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เคยได้รับการเลื่อนตำแหน่งแบบพิเศษ ทั้งๆ ที่ขัดต่อระเบียบการเลื่อนตำแหน่งของข้าราชการตำรวจ เพราะเขายังมีคุณสมบัติไม่ครบ โดยคำสั่งของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ สมัยเป็นรองนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ได้ทำหนังสือเวียนถึงคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ขอแต่งตั้งเป็นกรณีพิเศษ

คลิกอ่านรายละเอียดข่าวเรื่องนี้

(ซึ่งตั้งแต่วันที่บิ๊กกิ๊กได้รับการแต่งตั้งเป็นกรณีพิเศษ จนกระทั่งก่อนเกิดคดีส่วยหมื่นล้านนี้ ไม่มีใครในประเทศนี้ปฏิเสธว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ คือนายตำรวจฝีมือดี แทบทุกคนในประเทศนี้ต่างเชื่อกันว่า เขาเป็นนายตำรวจน้ำดี เพราะแม้แต่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของกำนันสุเทพ เองก็เชื่อเช่นนั้นเหมือนกัน)

แต่อย่าลืมว่า คสช. ก็เคยถูกกล่าวหาว่า เอียงเข้าข้างนายสุเทพ และกลุ่มกปปส. ใช่ไหม ?

นี่จึงเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า คสช. ไม่ไว้หน้าใคร ไม่ได้สนใจว่าเคยเป็นคนของใคร จริงไหม ?

ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก นี่สิการบริหารบ้านเมืองที่เป็นธรรม

------------------

30 พ.ย. 57 ได้จับเพิ่ม 2 ผู้ต้องหาเครือข่าย "พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์"

ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มทวงหนี้ของนายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา เพิ่มอีก 2 คน ที่บ้านพักย่านดินแดง เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา (29 พ.ย.2557) สารภาพถูกว่าจ้างให้ไปลักพาตัวเจ้าหนี้เพื่อบังคับให้ลดหนี้สินจาก 120 ล้านบาทให้เหลือ 20 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่ามีความเชื่อมโยง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์




------------------

เพิ่มเติม 10 ธ.ค. 2557 ได้จับนางสุดาทิพย์ ม่วงนวล ในความผิดตามข้อหา ม. 112 เพิ่มอีก โดยไม่ให้ประกันตัว เพราะเกรงจะหลบหนีเพราะอัตราโทษสูงหลายคดี

จากรายงานข่าว นางสุดาทิพย์ นอกจากเป็นพี่สาวคนโตของอดีตตระกูลอัครพงศ์ปรีชา ก็ยังเป็นญาติกับพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ หัวหน้าขบวนการอีกด้วย






เครือข่ายธุรกิจ นางสุดาทิพย์ ม่วงนวล กับพวก



-----------------------------

การลาออกจากฐานันดรศักดิ์ ของ ศรีรัศมิ์ สุวะดี

พลตรีหญิง ท่านผู้หญิง ศรีรัศมิ์ สุวะดี (เกิด: 9 ธันวาคม พ.ศ. 2514) หรือเดิม พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ภายหลังได้ลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ อันมีผลตั้งแต่วันที่วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบที่คนในครอบครัวของท่าน ได้นำมาซึ่งความเสื่อมเสียพระเกียรติแก่สมเด็จพระบรมฯ

วันที่ 12 ธันวาคม2557 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นลายลักษณ์อักษรว่าขอพระราชทานกราบบังคมทูลลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ มีผลตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2557

-----------------

คดีล่าสุด แม้แต่พ่อและแม่ของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ ก็ต้องติดคุก 2 ปี 6 เดือน จากคดีแอบอ้างเบื้องสูง กลั่นแกล้งผู้อื่น

คลิกที่รูปเพื่ออ่านข่าวนี้


บทสรุป ของคดีอดีตคนในตระกูลอัครพงษ์ปรีชา แสดงให้เห็นว่า อย่ามัวเมาในอำนาจวาสนาแล้วนำไปใช้ในทางที่ผิด


คลิกอ่านการลาออกจากฐานันดรศักดิ์ของพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ ยังใช้ชื่อเก่า และพระกรณียกิจสุดท้าย


คลิกอ่าน นายนพรพ ศุภพิพัฒน์ มหาเศรษฐีอันดัน 31 กรณีตัวอย่างตลาดหุ้นไทยคือแหล่งฟอกเงินที่ดีที่สุด





5 ความคิดเห็น:

  1. คนทำผิดก็ว่าให้เป็นคนๆไป คนที่ไม่ได้ทำก็อย่าไปว่าเขา อย่ามโนๆ

    ตอบลบ
  2. เด็กท่านกำนันรับส่วยมากขนาดนี้ แล้วท่านกำนันหละจะมากขาดไหน ค.ส.ช. ตรวจสอบด่วน

    ตอบลบ
  3. มีการแต่งตั้งกันอย่างพิเศษ เพื่อ...... แล้วเงินไปอยู่ที่ไหน มันต้องไปตามดูที่การเงิน คงเจอต่อแน่ สรุป คือ งานนี้ก็คงเป็นมวยล้มตามเคย ไม่เชื่อก็ค่อยดู

    ตอบลบ
  4. ผิดก็ว่าไปตามผิดถูกต้องแล้วทำความผิดต้องได้รับการลงโทษ

    ตอบลบ
  5. ประเทศกำลังพัฒนา หากอยากเป็นประเทศพัฒนาควรเริ่มต้นด้วยการกวาดล้างอิทธิพลมืด

    ตอบลบ