วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2557

จะสอบ U net ไปทำไม มาสอบ Pu net ดีกว่า






กลายเป็นประเด็นฮอตมาหลายวัน กับการที่ สทศ. จะจัดสอบ U net กับนักศึกษาที่กำลังจะเรียนจบทุกมหาวิทยาลัย อ้างว่าเพื่อทดสอบความรู้ความสามารถนักศึกษาจบใหม่ ว่ามีระดับความรู้ความสามารถผ่านเกณฑ์มาตรฐานหรือไม่ ?

ทั้งนี้จะยกเว้นบางคณะที่มีใบประกอบวิชาชีพเฉพาะทาง เช่น แพทย์ พยาบาล วิศวะ สถาปนิค เป็นต้น ที่ไม่ต้องสอบ U net

ก็เลยก่อเกิดการคัดค้านอย่างมากจากองค์กรนักศึกษาทั่วประเทศ ทุกคณะ ในทุก ๆ สถาบันว่า สทศ. จะจัดสอบ U net ไปทำแม้วทำไม ?

กลุ่มนักศึกษาที่คัดค้านการสอบ U net จึงตั้งเฟสบุ้คขึ้นมาเพื่อต่อต้านการสอบ U net เพื่อรวบรวมรายชื่อผู้คัดค้านการสอบนี้ ซึ่งแค่เปิดมาไม่กี่วัน ก็มีคนไปกดไลค์แล้วร่วมแสนคน (รวมทั้งผมด้วย)


คลิกที่รูปเพื่อไปเพจต่อต้าน U net



แม้ สทศ. จะอ้างว่า นักศึกษาไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการสอบ และไม่บังคับให้นักศึกษาสอบก็ตาม แต่ทาง สทศ. กลับคิดจะไปประสานงานกับบริษัทเอกชน รวมถึงหน่วยงานราชการต่าง ๆ  ว่าต่อไปให้พิจารณาใช้ผลคะแนน U net ในการพิจารณารับนักศึกษาจบใหม่เข้าทำงานด้วย

ทางองค์กรต่อต้านการสอบ U net บอกว่า นี่แหละคือการมัดมือชกของ สทศ. !!

องค์กรต่อต้านการสอบ U net บอกว่า เอางบประมาณไปทำอย่างอื่นดีกว่าไหม เพราะงบในการสอบ U net ทั่วประเทศปีนึงไม่ใช่น้อย ๆ

------------------------

เอา U net กลับคืนไป เอา Pu Net ดีกว่า

ทำไม สทศ. ถึงไม่มั่นใจว่า นักศึกษาจบใหม่จะไม่มีความรู้ความสามารถเพียงพอในการออกมาประกอบอาชีพเลี้ยงดูตัวเอง ?

หรือว่า นักศึกษาจบใหม่ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ?

สทศ. ลองย้อนกลับไปดูนักการเมืองไทยสักหน่อยซิว่า มันมีคุณสมบัติดีพอในการทำงานรับใช้ประชาชนหรือไม่ ?

อย่างเช่น รมว.คลัง นายกิตติรัตน์ ณ. ระนอง ไม่รู้เป็นรัฐมนตรีคลังได้ไง ความรู้ความสามารถห่วยแตก ผลงานตลอด 2 ปีกว่าที่ผ่านมาคือสิ่งพิสูจน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลงานตอแหลสีขาวเกี่ยวกับตัวเลขการส่งออก ที่นายกิตติรัตน์โกหกอย่างหน้าด้าน รวมถึงโครงการจำนำข้าวที่ขาดทุนมโหฬารอีกด้วย

หรือจะเป็นรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์อย่าง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มันมีความรู้อะไรแค่ไหนถึงมานั่งเป็นรัฐมนตรีได้ แค่ให้ไปคุมเรื่องสินค้าลิขสิทธิ มันก็โชว์โง่ละเมิดลิขสิทธิเพลงต่างประเทศเสียเอง โง่ขนาดนี้มาเป็นรัฐมนตรีได้ยังไง

แต่ที่หนักหนาสาหัสที่สุดก็ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก ที่ชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นี่แหละ ความรู้ความสามารถไม่มีอะไรเลย ดีแต่แต่งตัวสวยเปลี่ยนเสื้อผ้าวันละหลายชุดไปวัน ๆ

แต่ยิ่งลักษณ์กลับโชว์ความโง่ต่อสาธารณชนนับครั้งไม่ถ้วน จนขี้เกียจจะจำ

แทนที่จะจัดสอบ U net เพื่อทดสอบความสามารถนักศึกษาจบใหม่ สู้ไปทดสอบความสามารถนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์น่าจะดีกว่า ว่ามีความสามารถพอไหมในการเป็นผู้นำรัฐบาลไทย กับแค่เรื่องง่าย ๆ เช่นอำเภอหาดใหญ่ ยิ่งลักษณ์ยังเสือกโชว์โง่บอกว่า จังหวัดหาดใหญ่ เลย

สทศ. ควรไปจัดการทดสอบความรู้นายกรัฐมนตรีหญิง รวมทั้งคณะรัฐมนตรี แล้วเรียกการสอบว่า ปูเน็ต หรือ Pu net ว่าคนพวกนี้มีความรู้เพียงพอ มีความหน้าบางเพียงพอที่จะเป็นรัฐมนตรีหรือไม่

ไม่ใช่มีแต่พวกหน้าด้าน หน้าทน ทำผิดแต่ไม่เคยยอมรับผิด มาเป็นผู้บริหารประเทศ

แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ ประเทศนี้ต่อให้โง่บรมโง่แค่ไหน โง่ขนาดควายยังเรียกพี่ปู แต่ถ้ามาจากการเลือกตั้งแล้วล่ะก็ ก็เป็นนายกรัฐมนตรีประเทศนี้ได้จริงไหมควายแดง 555


----------------------

ข้อคิด

คุณรู้ไหม ทำไมนายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ ถึงประกาศลาออก เพราะเหตุเรือล่ม

เพราะนายกฯ เขาบอกว่า เหตุมันเกิดจากการทุจริตคอร์รัปชันคือต้นตอของอุบัติเหตุ

ในเมื่อเขาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่แก้ปัญหาทุจริตไม่ได้ เขาเลยขอลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ

ก็คนเขามีสปิริต เขาย่อมมองเห็นเหตุแห่งความรับผิดชอบของเขา ซึ่งแตกต่างจากผู้นำในประเทศด้อยพัฒนาบางประเทศ ที่พยายามตะแบงเพื่อจะบอกว่า ฉันไม่ผิด ฉันไม่เกี่ยว








วันพุธที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2557

กลยุทธ์รวยหลอกแดก ของ ตัน อิชิตัน








โดยส่วนตัว ผมชื่นชมคุณตัน ภาสกรนที ที่สร้างฐานะจากศูนย์จนเป็นมหาเศรษฐีได้ ทั้ง ๆ ที่เขาเรียนจบแค่ ม.3 เท่านั้น แต่ไม่ใช่ ม.3 ธรรมดา ๆ นะ แต่เป็น ม.3 ที่เกาะปีนังนะครับ

ผมชื่นชมที่คุณตันทำบุญทีละจำนวนมากๆ ในการช่วยเหลือน้ำท่วมปี 54 โดยเฉพาะได้นำเสนอออกรายการเล่าข่าวแบบร่วมธุรกิจกับสรยุทธอย่างสม่ำเสมอ

ในกลยุทธ์การตลาด เราต้องยอมรับว่า การทำบุญแบบคุณตัน มันชั่งเข้าตาประชาชนจริงๆ ทำบุญคืนแก่สังคมทีละหลายๆ ล้านแบบคุณคัน แม้จะหวังผลทางการตลาดด้วย แต่ผมว่าก็ดีกว่าเอาเงินไปจ้างดาราค่าตัวแพงๆ มาโฆษณา

การตลาดแบบคุณตันมีส่วนช่วยเหลือสังคม ถ้าเอาเงินไปจ้างดาราดังๆ แพงๆ บางคน ที่เอาเงินค่าตัวไปซื้อกระเป๋าใบละหลายแสนหรือเป็นล้านมาอวดในอินสตาแกรม ผมว่า ที่คุณตันใช้การตลาดแบบคืนกำไรให้สังคมไปด้วยนั้นดีกว่าเยอะ

ในช่วงน้ำท่วมใหญ่คุณตันบริจาคไปเกือบ 100 ล้านบาท จนดังกว่าใครๆ ประชาชนต่างอึ้งว่า ทำไมเศรษฐีคนนี้ทำบุญได้มากขนาดนี้ เขาชั่งใจบุญจริงๆ ซึ่งส่งผลให้ภาพลักษณ์สินค้าอย่างชาเขียวอิชิตัน ก็พลอยขายดีขึ้นไปด้วย

บางคนก็ว่าเลือกกินอิชิตันดีกว่ากินโออิชิ เพราะโออิชิ ไม่เห็นบริจาคอะไรเลย ?

แต่แท้จริงแล้ว เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของไทยเบฟ ซึ่งเป็นเจ้าของโออิชิ ด้วยนั้น ได้สร้างโรงพยาบาลโรคไต ถวายให้ในหลวงไป 1 โรงพยาบาลแล้ว ซึ่งคนส่วนใหญ่กลับไม่ค่อยรู้เรื่องนี้ ?


โรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ 


------------------------

ตอนน้ำท่วมโรงงานอิชิตัน

ผู้คนทั่วประเทศ รวมทั้งผมด้วย ต่างเห็นใจคุณตันมากๆ เพราะโรงงานอิชิตันที่เพิ่งจะสร้างเสร็จใหม่ ๆ กลับต้องมาจมน้ำท่วมที่อยุธยา

ทั้ง ๆ ที่คุณตันเองก็เพิ่งจะทำทานใหญ่ ด้วยการบริจาคเงิน 40 ล้านบาทช่วยอุทกภัยแท้ ๆ

หรืออาจเพราะคุณตันนำเงินบริจาค 40 ล้านบาทนั้น ไปมอบให้ยิ่งลักษณ์ก็ไม่รู้ เลยได้บุญไม่เต็มที่ ??

สงสัยทำบุญผ่านคนชั่ว เลยได้บุญน้อย 555



หรือว่า เพราะใช้การทำบุญนำการตลาดมากไป บุญก็เลยตกหล่นระหว่างทางไปเยอะ ?

เมื่อตอนสรยุทธตามไปทำข่าวโรงงานอิชิตันล่ม คุณตันร้องไห้ แต่บอกจะไม่ท้อ

เชื่อว่า คนไทยที่ชอบกินชาเขียว คงคิดในใจว่า ถ้าจะกินชาเขียวต้องเลือกกินอิชิตัน เพื่อจะได้ช่วยคุณตัน

แต่ดันมีพวกเสื้อแดงบางคน เว็บแดงบางเว็บ เสือกทำรูปด้านล่างนี้ออกมา เลยทำให้ความดีของคุณตัน มีรอยด่างพร้อย เพราะมีคนคิดทำนองว่า

"เอ๊ะ พวกเสื้อแดงมาช่วยโปรโมทให้ เพราะคุณตันรู้เห็นเป็นใจรึเปล่า แล้วให้สรยุทธช่วยสร้างกระแสดราม่าซ้ำ เพื่อหวังโฆษณาทางอ้อมดึงให้คนไปอุดหนุนชาเขียวอิชิตันของคุณตัน ด้วยความสงสารเห็นใจ เพื่อจะได้มีเงินมาซ่อมโรงงาน"



รูปนี้ผมนำมาจากไทยอีนิวส์ บล็อคดังของเสื้อแดง ที่นำมาจากเฟสบุ้คเสื้อแดงอีกที


อกจากนี้ยังมีกระแสข่าวลือว่า โอ๊ค กับสรยุทธ มีหุ้นในอิชิตันด้วยนี่สิ แต่ผมไม่เชื่อข่าวลือนี้หรอก พวกเขา 3 คนก็แค่เพื่อนสนิทกันเท่านั้นแหละ หรืออาจมีหุ้นกันในธุรกิจอื่น ๆ มากกว่า

ในปี 2554 มีโรงงานจมน้ำท่วมเจ๊งมากมาย แต่โรงงานของคุณตันกลับได้ดราม่าออกรายการของสรยุทธมากที่สุด

ถ้าคิดในแง่ดี คงเพราะคุณตันได้บริจาคช่วยน้ำท่วมผ่านรายการเรื่องเล่าเช้านี้มากที่สุด เลยทำให้สรยุทธจึงอยากตอบแทนน้ำใจเพื่อนสนิทอย่างคุณตันมั้ง

-----------------------

ชาอิชิตัน ออร์แกนิคไม่ 100 %

แม้คุณตันจะพยายามโฆษณาว่า ใบชาที่นำมาผลิตชาเขียวอิชิตันนั้น เป็นใบชาที่ปลูกแบบออร์แกนิค ไร้สารเคมีปนเปื้อน แม้ข้างขวดอิชิตันจะไม่ได้อ้างอิงสถานที่ที่ปลูกชาว่า ปลูกที่ไหน ได้การรับรองมาตรฐานออร์แกนิคจริงหรือไม่ เพราะตามหลักสินค้าออร์แกนิคต้องระบุแหล่งที่มาอย่างชัดเจน

เพราะผมไปตามดูที่เว็บอิชิตัน ก็ไม่มีการระบุสถานที่ที่ใช้ปลูกชาเขียวว่าตั้งอยู่ที่แห่งหน ตำบลไหน จังหวัดอะไร ในเมืองไทย นี่เท่ากับปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรตรวจสอบได้

แต่ที่แน่ๆ ชาเขียวอิชิตันทุกขวด ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค100% แน่นอน

เพราะในส่วนประกอบข้างขวด ระบุว่า แต่งกลิ่นเลียนธรรมชาติ!!?





ถ้าต้องแต่งกลิ่นเลียนธรรมชาติ ชาอิชิตันก็ไม่ออร์แกนิคแล้วครับ

การที่โฆษณาว่าอิชิตันผลิตจากใบชาออร์แกนิคแท้ ๆ  ก็คือการพูดความจริงครึ่งเดียว แต่เจตนาที่เหลือคือ เจตนาบิดเบือนความจริงให้ผู้บริโภคหลงเข้าใจผิดไปว่า ชาอิชิตันคือมาจากธรรมชาติแท้ ๆ  ปราศจากสิ่งสังเคราะห์

ทำแบบนี้ไม่ค่อยดีนะคุณตัน ผมเองไม่ค่อยเข้าใจว่า ทำไมต้องแต่งกลิ่นเลียนธรรมชาติด้วย ให้มันธรรมชาติแท้ ๆ ไม่ได้เหรอ ??

------------------------

ส่งรหัสใต้ฝาชิงทองวันละล้าน 60วัน60ล้าน คุณตันรวยทั้งปี

เพราะคุณตันรู้นิสัยคนไทยดีว่า ชอบหวังรวยทางลัด ชอบรวยแบบง่ายๆ แต่ไม่ต้องทำงานหนัก ชอบรวยเร็วจากการเสี่ยงโชค

แคมเปญแจกทอง 60 วัน 60 ล้าน จึงตอบสนองความโลภของคนไทยที่ชอบรวยง่ายๆ รวยลัดๆ ได้โดนใจ ซึ่งมีคนจำนวนมากบอกว่าไม่ได้ชอบกินชาเขียว แต่เพราะอยากลุ้นโชค ก็เลยต้องซื้ออิชิตันมากินเพื่อส่งชิงโชคบ้าง หรือถ้

โปรโมชั่น แจกทองคำมูลค่า 1 ล้านบาท 60 วัน 60 ล้านนั้น คุณตันเคยให้สัมภาษณ์ว่า โปรโมชันนี้เน้นเจาะตลาดต่างจังหวัดหรือตลาดล่างโดยเฉพาะ เพราะเดิมลูกค้าหลักของอิชิตัน มีแค่กลุ่มคนในเมือง กลุ่มคนกรุงเทพ กลุ่มชนชั้นกลาง เท่านั้น

การที่คุณตัน ใช้กลยุทธ์ส่งรหัสตัวเลขใต้ฝาเพื่อแจกโชค เพราะคุณตันรู้ดีว่า คนต่างจังหวัดส่วนใหญ่มุ่งเน้นลุ้นโชค อยากรวยเร็วมากกว่าสนใจในตัวสินค้าจริง ๆ

เพราะถ้าคนต่างจังหวัดสนใจในชาอิชิตันมากกว่าลุ้นโชค คุณตันก็คงไม่ต้องใช้กลยุทธ์รางวัลมาล่อหรอก

และผลตอบรับก็ดีเกินคาด จากที่คุณตันหวังว่า ยอดขายจะเพิ่มขึ้นสัก 30 % แต่กลายเป็นว่ายอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 100 %

จากส่วนแบ่งตลาดรวมเดิมในปี 2554 อิชิตันกินส่วนแบ่งตลาดรวมที่ 10 % เท่านั้น แต่พออัดโปรโมชันติดต่อกันในปี 2555 -2556 จนทำให้แค่ครึ่งปีแรกของปี 2556 อิชิตันก็กินส่วนแบ่งตลาดรวมที่ 44 % เข้าไปแล้ว กลายเป็นผู้นำตลาดชาเขียวในที่สุด

เพราะถ้าเราดูจากยอดขายในปี 2554 อิชิตันมียอดขายเพียง 1,057 ล้านบาท แต่พอจัดแคมเปญแจกทอง 60 วัน 60 ล้าน และหลาย ๆ แคมเปญต่อเนื่องตลอดปี 2555 แทบไม่มีหยุด

ยอดขายในปี 2555 ของบริษัทอิชิตัน เพิ่มขึ้นเป็น 3,907 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2554 เกือบ 4 เท่า

แน่นอน พอคุณตันใช้กลยุทธ์แจกโชค ก็ทำให้คู่แข่งอย่างโออิชิ ก็ใช้แคมเปญแจกโชคตามบ้าง

แต่พอโออิชิทำตาม คุณตันก็จะเกทับทำให้ดังให้มันใหญ่กว่าโปรโมชั่นของโออิชิทุกครั้งไป โดยมีสรยุทธช่วยดันอีกแรง

การที่คุณตันและอิชิตันประสบความสำเร็จในการใช้รางวัลใหญ่ล่อหลอกคนชอบรวยทางลัดตลอดปี 2556 อีก ก็ทำให้ยอดขายในปี2556 ก็เพิ่มขึ้นจากปี 2555 อีกเกือบเท่าตัว เป็น 6,787 ล้านบาท!!

แน่นอน! อาจมีคนเถียงว่า ไม่จริงหรอก คนไทยชอบคุณตันมาก เพราะคุณตันใจดี ใจบุญ คืนกำไรเป็นเงินล้านแก่ลูกค้า คนก็เลยเลือกที่จะกินชาเขียวของคุณตัน

อันนั้นก็แล้วแต่จะคิดครับ ถ้ารักก็จะมองในอีกแง่หนึ่ง ถ้าไม่รักก็จะมองในอีกแง่นึง

แต่ถ้าการใช้รางวัลมาล่อไม่มีผลเท่าไหร่จริง ๆ คุณตันก็คงไม่โง่จัดแคมเปญให้ลุ้นโชคเกือบทั้งปีหรอกครับ เดี๋ยวแจกทอง เดี๋ยวแจกเงิน เดี๋ยวแจกไอโฟน เดี่ยวพาไปญี่ปุ่น

แต่สำหรับผม ผมมองว่า กลยุทธ์ใช้รางวัลใหญ่หลอกล่อให้คนซื้อในการทำการตลาด คือวิธีการที่เป็นอบายมุข ถือเป็นกลยุทธ์การตลาดที่มักง่ายที่สุด ที่ในประเทศที่เจริญแล้วเขาไม่อนุญาตให้ทำ คงทำได้ในเฉพาะในประเทศที่กฎหมายหย่อนยาน และผู้คนสันดานขี้เกียจนั่นแหละ

------------------

คำนวณกำไรอิชิตันแบบคร่าว ๆ

ราคาขายปลีกอิชิตันขวดละ 15 บาท มีต้นทุนอยู่ที่ขวดละ 5 บาทเท่านั้น

แบ่งเป็นต้นทุนค่าน้ำชา ไม่เกิน 1.50 บาท/ขวด , ต้นทุนขวด pet ที่ขวดละ 1.50 บาท ที่เหลืออีก 2 บาทคือการดำเนินการและค่าการตลาดบางส่วน (รวมทั้งเงินเดือนผู้บริหารของคุณตันด้วย)

แต่คุณตันจะขายส่งที่ราคาขวดละ 10 บาท คุณตันจะได้กำไรเนื้อๆ เน็ต ๆ เข้ากระเป๋าคุณตันและมูลนิธิตันปันในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ที่ขวดละ 5 บาท

ถ้ายอดขายอิชิตันขั้นต่ำประมาณวันละ 1 ล้านขวด  เท่ากับคุณตันได้กำไรเนื้อ ๆ เน้น ๆ วันละ 5 ล้านบาท !! (ย้ำว่าความจริงขายได้มากกว่าล้านขวด)

เพราะในความเป็นจริงโรงงานอิชิตันกำลังจะเพิ่มฐานการผลิตจากเดิมปีละ 600 ล้านขวด (และแบบกล่อง 200 ล้านกล่องต่อปี) เพิ่มเป็นปีละ 1,000 ล้านขวดต่อปี ในปี 2557 (เฉลี่ยผลิตวันละ 2.7 ล้านขวดต่อวัน)  คุณตันจึงได้นำหุ้นอิชิตันเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อระดมทุนสร้างโรงงานใหม่แห่งนี้

นั่นจึงแสดงว่า อิชิตันขายได้มากกว่าวันละ 1 ล้านขวด


**หมายเหตุ ต่อไปนี้คำว่า "คุณตัน" ขอให้เข้าใจว่า บางบริบทผมหมายถึง บ.อิชิตัน นะครับ เพื่อให้อ่านเข้าใจง่าย ๆ จึงไม่อยากเขียนยาว ละไว้ในฐานที่เข้าใจ**


เมื่อคุณตันได้กำไรเนื้อ ๆ ตกวันละ 5 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมคุณตันถึงกล้าแจกทองวันละ 1 ล้านบาท !!

แล้วก็ไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไมคุณตันถึงกล้าแจกปอร์เช่เดือนละ 1 คัน คันละ 8 ล้านบาท

ก็เพราะคุณตันได้กำไรเนื้อ ๆ เน็ต ๆ ตกเดือนละ 150 ล้านบาทเป็นอย่างต่ำ พอเข้าใจกันรึยังครับ

และคนไทยโง่ ๆ ที่หลงดีใจว่า โห!! คุณตันใจดีจังเลย ใจป้ำแจกโชควันละล้าน แจกปอร์เช่เดือนละ 1 คัน

(สำหรับต้นทุนค่ารหัส sms ใต้ฝาไม่เกิน 50สต.ต่อครั้ง  บวกค่าดำเนินการต่อวัน ผมให้เต็มที่ตกประมาณวันละ1ล้านบาท)


ขอบอกว่า แท้จริงแล้วเงินและของรางวัลพวกนั้นมันก็ไม่ใช่เงินของใครที่ไหน ก็เป็นเงินของพวกโง่ที่ซื้อชาเขียวเพื่อหวังแค่ได้รหัสใต้ฝา เพื่อส่งชิงโชค นั่นแหละครับ

(เดี๋ยวมีคนแย้งว่า เขาส่งรหัสผ่านระบบ ussd (subset in sms system) เออ..นั่นแหละ เขียนให้คนทั่วไปเข้าใจง่าย ๆ โว้ยไอ้พวกชอบคิดเล็กคิดน้อย โนเกีย3310 ก็ส่งรหัสแบบนี้ได้ เพราะมันคือระบบsmsประเภทหนึ่ง)

ส่วนคุณตันก็อยู่ในฐานะเจ้ามือหวยออกเบอร์ ที่กินกำไรส่วนต่างหลังจากหักต้นทุนของรางวัลไปแจกพวกโง่แล้วนั่นแหละ


ส่วนเรื่องผลกำไรตัวเลขทางบัญชี ผมไม่ขอพูดถึง เพราะผมไม่ค่อยเชื่อตัวเลขทางบัญชีของบริษัทเอกชนไทยส่วนใหญ่อยู่แล้วครับ

อ้อ.. แม้โออิชิจะเป็นคู่แข่งสำคัญของอิชิตัน แต่คุณตันก็ยังถือหุ้นในโออิชิอยู่ 10 % นะครับ

แนะนำอ่านลิงค์บทความข้างล่างสักนิดเพราะจะได้รู้ว่า คนญี่ปุ่นแท้ ๆ เขาคิดอย่างไรกับชาเขียวแช่แย็นของไทย

คลิกอ่าน ตัน อิชิตัน คือเจ้ามือการพนัน ออกเบอร์


------------------------

คุณตันบริจาคเงินพันล้านบาทให้โรงเรียนทั่วประเทศ

ปี 2556 โรงงานอิชิตันมีกำลังการผลิตแบบขวดที่ 600 ล้านขวดต่อปี แบบกล่อง 200 ล้านกล่องต่อปี


จากหลักการคำนวณคร่าว ๆ ที่ผมยกตัวอย่างในตอนแรก

ถ้าในปี 2556 อิชิตันขายได้ที่ 500 ล้านขวด กำไรขวดละ 5 บาท คุณตันก็จะได้กำไรปีละ 2,500 ล้านบาทต่อปี

ในปี 2556 แบบกล่องขายได้ปีละ 150 ล้านกล่อง ถ้ากำไรกล่องละ 3 บาท คุณตันก็จะได้ปีละ 450 ล้านบาทต่อปี

ฉะนั้นเมื่อรวมสินค้าทั้ง 2 แบบ เฉพาะในปี 2556 เท่านั้น คุณตันก็กำไรประมาณ3 พันล้านบาทเข้าไปแล้ว

(ประมาณการกำไรที่ยังไม่หักค่าใช้จ่ายแคมเปญ และก่อนหักภาษี)


แล้วพอโดนกระแสตำหนิคุณตันว่า ชอบสร้างภาพ ได้กำไรตั้งเยอะ

ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ก.พ. 57 คุณตันจึงได้ประกาศว่า จะบริจาคทุนการศึกษาให้โรงเรียนทั่วประเทศ 1,174 ล้านบาท ก็ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมคุณถึงบริจาคได้

เพราะคุณตันเคยประกาศไว้นานแล้วว่า กำไรจากการขายอิชิตัน ประมาณครึ่งหนึ่งจากมูลนิธิตันปัน จะบริจาคให้การศึกษา




เงินกำไรที่ได้จากกลยุทธ์การตลาดแบบหวยออกเบอร์ ถือเป็นเงินที่ได้มาจาก อบายมุขประเภทหนึ่ง เหมือนที่ผมเคยเขียนในบทความเก่า

แม้คุณตันจะทำบุญด้วยเงินจำนวนมาก แต่บุญที่ได้มาจากอบายมุขนั้นจะได้มากด้วยหรือไม่ ก็ลองคิดเอาเองครับ

ไม่มีการระบุว่า จะบริจาคเมื่อไหร่ และนานแค่ไหนจะบริจาคจนครบ 1,174 ล้านบาท

ว่าแต่มีโรงเรียนไหนได้เงินบริจาคจากคุณตันแล้วบ้าง ? ผมเห็นอยู่ ๆ ข่าวนี้ก็เงียบไป..

แต่ถึงยังไงผมก็ว่าคุณตันยังดีกว่าเศรษฐีหลายคน  เพราะอย่างน้อยก็เขาพูดจริงทำจริง และโฆษณาการทำบุญให้คนอื่น ๆ ได้ร่วมอนุโมทนาในบุญนั้นด้วย

ถ้าคุณตันได้บริจาคไปแล้ว ผมก็ขอร่วมอนุโมทนาด้วยครับ


ส่วนตัวเลขทางบัญชีในปี 2556 บ.อิชิตันรายงานว่า มีกำไรสุทธิเพียง 900 ล้านบาทเท่านั้น

โห!! คุณตันทำบุญตั้งพันล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีกำไรเพียง 900 ล้านบาทเท่านั้น??! (ทำบุญมากกว่ากำไรของบริษัทเนี่ยนะ)


แสดงคุณตันนี่โคตรใจบุญจริง ๆ แล้วถ้าใครซื้อหุ้นอิชิตันไป ช่วยทำใจหน่อยแล้วกันว่า เจ้าของบริษัทเขาใจบุญ

งั้นช่วยกันซื้ออิชิตันกันเยอะ ๆนะครับ คุณตันจะได้ยิ่งรวยขึ้น ๆ  คุณตันจะได้มีเงินไปทำบุญเยอะ ๆ ให้พวกเราได้ร่วมอนุโมทนาบุญ

ส่วนคนกินอิชิตันส่วนใหญ่น่ะเหรอ ไม่อ้วน ก็เบาหวานแดก แล้วก็จนเหมือนเดิม 




-----------------------

เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีไม่ควรดื่มชาทุกชนิด !!

คลิกอ่าน ผลวิจัยเตือนชาเขียวพร้อมดื่มร้ายยิ่งกว่าน้ำอัดลม คาเฟอีน น้ำตาลสูงปรี๊ด และเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีไม่ควรดื่ม!!




ผู้ปกครองควรดูแลบุตรหลานที่อายุต่ำกว่า 12 ปี ว่า ไม่ควรดื่มชาทุกชนิดนะครับ


------------------

กลยุทธ์ดิ้นรนหนีภาวะขาดทุน




ปี 54 ยอดขาย1,057 ล้านบาท แต่ขาดทุนตั้ง 791 ล้านบาท !!


ด้วยเหตุที่ปี 54 นั้นเกิดน้ำท่วมใหญ่ โรงงานใหม่ก็พลอยน้ำท่วมไปด้วย ทำให้ปีแรกอิชิตันขาดทุนไป 791 ล้านบาท เมื่อขาดทุนจากน้ำท่วม และต้องหาเงินมาซ่อมแซมโรงงาน

ประกอบกับคุณตันต้องการแย่งส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 มาจากโออิชิ ยี่ห้อเก่าที่คุณตันสร้างมากับมือ แต่ลบด้วยคำตอแหล ทีว่าจะไปทำธุรกิจอื่นไม่ทำธุรกิจแบบเดิมอีก

จึงทำให้คุณตันต้องใช้วิธีการอบายมุขมามอมเมาคนไทยที่ชอบการเสี่ยงโชค ด้วยกลยุทธ์หวยออกเบอร์ ทั้ง ๆ ที่ตอนคุณตันเป็นเจ้าของโออิชินั้น จะใช้แค่กลยุทธ์ชิงโชคใหญ่เท่านั้น

พอปี 55 และปี 56 ยอดขายพุ่งเป็น 3 พันกว่าล้านบาท และ 6 พันกว่าล้านบาท ตามลำดับ ยอดขายพุ่งกระฉูด แต่ไฉนกำไรไม่ค่อยพุ่งตามเท่าไหร่ ?

ก็เพราะเอาเงินไปขยายโรงงานเพิ่มขึ้นอีก จากเดิมผลิตได้วันละ 600 ล้านขวด/ปี เป็น 1,000 ล้านขวด/ปี

เมื่อโรงงานใหม่มีกำลังผลิตเพิ่มขึ้น ก็ต้องมอมเมาคนไทยให้หนัก จะได้มียอดขายรองรับให้คุ้มกับการที่มีโรงงานใหม่





พวกเจ้าสัวมหาเศรษฐีที่มอมเมาคนไทย ด้วยธุรกิจบาป เช่นขายเหล้า เบียร์ เขามีแนวคิดที่ว่า ถ้ารวยจากธุรกิจบาป ก็ต้องทำบุญคืนให้แก่สังคมเยอะ ๆ 

แต่เจ้าสัวธุรกิจบาปเหล่านั้น เขาจะแยกระหว่างการทำบุญกับการตลาดออกจากกัน ไม่มาปนกันด้วยการโฆษณาสร้างภาพให้โจ๋งครึ่มจนเกินไป

ส่วนคุณตันก็คงคิดแบบนั้นเข่นกัน เมื่อใช้กลยุทธ์หวยออกเบอร์มามอมเมาคนไทยมากแล้ว ก็ต้องทำบุญให้มากขึ้น เพียงแต่คุณตันก็ใช้กลยุทธ์ทำบุญนำการตลาดไปด้วย เพราะคุณตันถือว่า นี่ไม่ใช่ธุรกิจบาป เหมือนพวกธุรกิจเหล้า เบียร์


------------------------


ปี 2557 คุณตันนำอิชิตันเข้าตลาดหลักทรัพย์

โดยคุณตัน นำหุ้น 300 ล้านหุ้น (สัดส่วน23.1%) จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 1,300 ล้านหุ้น เพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในราคาเปิดวันแรก ( IPO) ที่ 13 บาทต่อหุ้น

ก่อน IPO 1,000 ล้านหุ้น 
หลัง IPO 1,300 ล้านหุ้น

หุ้นละ 13 บาท x 300 ล้านหุ้น = 3,900 ล้านบาท



แน่นอน ถ้าเล่นหุ้นเพื่อเก็งกำไร ตัวนี้ก็น่าสนใจ แต่ที่แน่ ๆ คุณตันรวยเละ รับเหนาะ ๆ 3,900 ล้านบาท (เขาบอกเอาไปใช้หนี้ และไปขยายโรงงานโว้ย !! อ๋อ..เหรอ)

ไอ้ตรงคำว่า ผู้ถือหุ้นอื่น ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ส่วนหนึ่งก็ของคุณตันนั่นแหละ แต่คงถือในรูปนอมินี ไม่งั้นจะอยู่ ๆ จะเอามาเข้าตลาดหุ้นได้ไง


(การคาดการณ์จากบ.อิชิตัน คาดว่าในปี2557 จะปันผลได้ในอัตรา 0.86 บาทต่อหุ้น)


------------------

ย้อนดูวันวานที่เคยพูดไว้ของคุณตัน !!

แล้วคุณเชื่อหรือไม่ว่า คุณตันเคยพูดในรายการทีวี 2 รายการว่า จะไปทำธุรกิจอย่างอื่นที่ ไม่ใช่ธุรกิจชาเขียวอีก!!

ถ้าไม่เชื่อไปดูคลิปนี้



v


v

คลิกอ่านวันนี้คุณเลิกดื่มชาเขียวแล้วรึยัง

-----------------------

ผลพวงของกลยุทธ์นี้ของคุณตัน

แน่นอน ถ้าใครเคยดิ่มชาเขียวครั้งแรก อาจจะรู้สึกรสชาติแปลก ๆ แต่ถ้าได้ดื่มบ่อย ๆ จะรู้สึกชอบมากขึ้น ๆ ก็คล้ายคนเริ่มติดเหล้านั่นแหละครับ

ดื่มเหล้าครั้งแรก มันไม่อร่อยเลย แต่ดื่มบ่อย ๆ มันอร่อยจนไม่อาจเลิกได้ง่าย ๆ

ผลพวงกลยุทธ์นี้ของคุณตัน ก็คือ

เป็นการกระตุ้นให้คนไทยให้ดื่มชาเขียวมาก ๆ โดยนำของรางวัลมาจูงใจให้ดื่มเยอะ ๆ จะได้มีรหัสใต้ฝาไปเสี่ยงโชค

ที่จริงผมอยากเรียกว่า "การซื้อรหัสเสี่ยงโชค แล้วแถมชาเขียว 1 ขวด" มากกว่า หรือการซื้อหวยออกเบอร์แถมชาเขียว

สารในชาเขียวอย่างหนึ่งก็คือ คาเฟอิน ซึ่งเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่ง และในชาเขียวก็มีคาเฟอีนมากกว่าน้ำอัดลมหลายเท่า

คนเราติดโค้ก ติดเป๊ปซี่ยังได้ จึงไม่ยากที่จะติดชาเขียวได้ในที่สุด และก็จะกลายเป็นลูกค้าคุณตันในระยะยาว

ซึ่งผมเป็นห่วงเด็ก ๆ ที่อายุต่ำกว่า 12 ปีที่ต้องมาติดคาเฟอินตั้งแต่เด็ก ซึ่งจะทำให้การพัฒนาสมองของเด็กแย่ลง


----------------

ชี้แจงสักนิด 

หลังจากผมปล่อยบทความนี้ออกไป ไม่คิดว่า จะมีคนสนใจอ่านเยอะ แต่ก็มีพวกโง่ที่คิดว่าผมรับจ้างโออิชิมาโจมตีคุณตัน

เหอะ ๆ  แสดงว่าพวกโง่เหล่านั้น ไม่ได้อ่านบทความที่ผมแนบลิงค์ด้านบนไว้เลย นั่นคือ บทความ วันนี้คุณเลิกดื่มชาเขียวแล้วรึยัง ? ที่ผมเขียนไว้่ตั้งแต่ปี 2554

ว่าผมเลิกดื่มมชาเขียวนานแล้ว และไม่สนับสนุนให้ใครดื่มชาเขียวทุกยี่ห้อด้วย ส่วนเจตนาของบทความนี้เพื่อเตือนสติคนที่หวังรวยทางลัด ที่ไม่ได้ชอบชาเขียว แต่อยากกินเพื่อชิงโชค และเตือนคนที่ยังไม่ได้กิน แต่กำลังจะกินเพื่อหวังชิงโชค

ส่วนใครที่นิยมดื่มชาเขียวอยู่แล้ว ผมเคยเขียนในบทความเก่า ๆ ว่า ผมไม่ได้ตำหนิคนกลุ่มนี้ เพราะนั่นเขาชอบกินจริง ๆ  ถึงไม่มีเรื่องชิงโชคเขาก็ชอบกินเหมือนเดิม ซึ่งคนกลุ่มนี้ไม่ใช่เป้าหมายของบทความนี้ของผม

ขอยกสิ่งที่เคยเขียนในบทความเก่าว่า ชาเขียวแช่เย็นไม่ได้มีประโยชน์อะไรทางคุณค่าทางยา เพราะชาเขียวที่ประโยชน์ในคุณค่าทางยาคือชาเขียวชงสด ๆ ใหม่ ๆ ร้อน ๆ เท่านั้น แต่ถ้าจะกินเอาอร่อย ก็ตามสบาย !!

และอยากจะบอกให้คนที่ไม่รู้ได้รู้ว่า ชาเขียวแช่เย็นทุกยี่ห้อ มีต้นทุนการผลิตถูกกว่าพวกน้ำอัดลมด้วยซ้ำ


@@ บทความนี้ไม่ใช่บทความเชิงวิชาการ ผมต้องการให้คนทุกเพศ ทุกวัย ทุกระดับการศึกษาอ่านเข้าใจง่าย ๆ จึงไม่ลงลึกทางเทคนิคหุ้น และทางบัญชี นะครับ @@

--------------

อธิบายเพิ่มเติมเรื่องกฎหมายไทย

กฎหมายไทยจะมีการควบคุมเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นการเฉพาะ

เช่น ตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ปี 2546 ในข้อ 5 ที่ระบุให้การโฆษณาเครื่องดื่มที่ผสมกาเฟอีน ต้องไม่โฆษณาในลักษณะการแถมพก หรือให้รางวัลด้วยการเสี่ยงโชค หรือมีการให้ของแถม

หรือ

การประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 277 ซึ่งออกมาตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2546 ได้กำหนดให้ชาพร้อมดื่มต้องแสดงปริมาณคาเฟอีนหน่วยเป็นมิลลิกรัมต่อ 100 มิลลิกรัม ด้วยอักษรสีเข้มเส้นทึบขนาดความสูงไม่น้อยกว่า 2 มิลลิเมตร ที่อ่านได้ชัดเจนอยู่ในกรอบพื้นที่สีขาว
     
หรือ

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2548 สำนักคณะกรรมการอาหารและยา ได้เรียกผู้ผลิตเครื่องดื่มชาเขียวมาพบและตอกย้ำถึงการห้ามเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมกาเฟอีน ในเรื่องห้ามการโฆษณาในลักษณะแถมพก หรือให้รางวัลด้วยการเสี่ยงโชค หรือมีการให้ของแถม เพื่อไม่ให้มีการส่งเสริมการดื่มจนทำให้เกิดการบริโภคที่ไม่เหมาะสม หรือมีการบริโภคในปริมาณมากเกินกว่าที่ระบุในคำเตือนบนฉลาก อันอาจจะนำมาซึ่งอันตรายต่อร่างกาย โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพอยู่แล้ว เช่น เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น


แต่คงเพราะชาเขียวอาจมีคาเฟอีนต่ำกว่าเครื่องดื่มชูกำลัง หรือเพราะมีช่องว่างของกฎหมาย ทำให้กลยุทธ์ของคุณตัน จึงสามารถหลบเลี่ยงอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายไปได้ เช่นไม่ใช้วิธีเปิดฝาได้โชคทันที เป็นต้น

แต่ที่แน่ ๆ จากกรณีโปรโมชันของอิชิตัน ได้มีส่วนทำให้กฎหมายในเรื่องนี้หย่อนยานลง เพราะมีเครื่องดื่มบำรุงกำลังบางยี่ห้อ กลับนำกลยุทธ์เปิดฝาปุ๊บได้ของรางวัลทันทีกลับมาใช้อีก

เช่น คาราบาวแดงใช้การแจกทองคำใต้ฝา หรือ M150 แจกมอไซค์ใต้ฝา เป็นต้น ก็เข้าข่ายผิดกฎหมาย แต่กลับไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐไปเอาผิด

นี่เพราะ การบังคับใช้กฎหมายของไทยหย่อนยาน !!






---------------------


อันตรายจากน้ำตาลฟรุคโตส

เพราะในอิชิตันได้ใส่น้ำตาลฟรุคโตส ถ้าใครกินน้ำตาลฟรุคโตสมาก ๆ ก็มีโทษเช่นกัน เช่น พวกที่กินชาเขียววันละหลาย ๆ ขวด เพื่อหวังรวย !!

เพราะนักวิจัยก็พบว่า น้ำตาลฟรุกโตสอาจส่งผลให้ไขมันในเลือดสูงได้

โดยพบว่าฟรุกโตสมีส่วนทำให้คอเลสเตอรอลตัวร้ายที่ชื่อว่าแอลดีแอลคอเลสเตอรอล (LDL-C) ระดับไตรกลีเซอไรด์และระดับคอเลสเตอรอลรวมในเลือดสูงขึ้น อีกทั้งยังส่งผลให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งไม่เป็นผลดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยเบาหวาน

นอกจากนั้นการใช้ฟรุกโตสในระยะยาวยังทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และโรคความดันโลหิตสูงได้ รวมถึงน้ำตาลฟรุกโตสยังสามารถถูกกลไกการเผาผลาญสารอาหารในร่างกายเปลี่ยนให้เป็นกรดไขมันอิสระ ซึ่งอาจไปเกาะอวัยวะภายใน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอวัยวะสำคัญ เช่น ตับ ทำให้เกิดภาวะไขมันเกาะตับ (Fatty Liver) ได้ โดยไม่รู้ตัวอีกด้วย

สมาคมเบาหวานแห่งอเมริกัน (American Diabetic Association) จึงแนะนำให้ผู้ป่วยเบาหวานใช้น้ำตาลฟรุกโตสอย่างระมัดระวัง และต้องติดตามผลของระดับคอเลสเตอรอลในเลือดเป็นระยะ เพื่อความปลอดภัย

คลิกอ่าน ดื่มชาเขียวอันตรายกว่านัำอัดลม





รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต เคยวิเคราะห์เอาไว้ผ่านงานวิจัยเรื่อง “การพนันหรือการเสี่ยงโชค”

"ธุรกิจชาเขียวมีมูลค่าตลาดสูงถึงปีละ 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท บริษัทจึงใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ ในการกระตุ้นยอดขาย จนกลายเป็นการมอมเมาประชาชน ทำให้ส่งเสริมพฤติกรรมการเสี่ยงโชคเป็นเรื่องที่น่าทดลอง เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ทำให้คนเชื่อว่าสามารถได้สิ่งที่ต้องการโดยง่าย สนุก ไม่เหนื่อย ไม่ต้องทำงาน แค่รอคอยโชควาสนา หากไม่ควบคุม เชื่อว่าสินค้าหลายตัวจะนำกลยุทธ์เช่นนี้ไปใช้จนกลายเป็นปัญหาของสังคมไทยได้"

ปัญหาหลักๆ อยู่ที่ พ.ร.บ.การพนัน 2478 ที่มีเนื้อหาล้าสมัย ยังไม่มีข้อความระบุให้ชัดเจนลงไปว่า ควรจะต้องจัดการการพนันในรูปแบบ “การเสี่ยงโชคผ่านการส่ง SMS” เหล่านี้อย่างไร จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ นายธนากร คมกฤส ผู้อำนวยการรณรงค์หยุดพนัน มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว เคยพยายามออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาปรับแก้กฎหมายตัวนี้ให้ทันยุคทันสมัยและทันเล่ห์ของการตลาดแบบนี้เสียที!!

กูเอาฮา !!



หากคุณตันได้มีโอกาสมาอ่านบทความนี้ ผมขอย้ำเหมือนในบทความเก่าที่ผมเคยเขียนไว้ว่า ไม่อยากให้คุณตันนำกลยุทธ์แบบนี้มาใช้กับคนไทยเลย เลิกซะเถอะครับ เพราะผมอยากชื่นชมคุณตันเหมือนที่ผมเคยชื่นชมมาก ๆ ในอดีต อยากเห็นคุณตันไม่ยุ่งเกี่ยวกับการใช้กลยุทธ์ที่แฝงอบายมุขแบบนี้

ที่คุณตันมีเป้าหมายต่อไปว่า ต้องการให้อิชิตันกระโดดข้ามไปแย่งส่วนแบ่งตลาดน้ำอัดลมที่มีมูลค่ารวม 4.5 หมื่นล้านบาท ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอครับ



คลิกอ่านวิเคราะห์กลยุทธ์ทำบุญสร้างภาพของตัน ภาสกรนที


(มีหนังเกาหลีเรื่องนึงที่ผมชอบ กำลังฉายที่ช่อง 3 อยากแนะนำคือเรื่อง "นักข่าวใจเด็ด เผ็ดแสบเต็มร้อย" เรื่องนี้ตัวร้ายมันจะลงสมัครเป็นประธานาธิบดี มันมีหนังสือพิมพ์เป็นของตัวเองที่คอยประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ดีๆ ให้ 

ผู้คนเกือบทั้งประเทศหลงใหลไอ้ตัวร้ายคนนี้มาก เพราะเห็นมันใจบุญ ใจดี ช่วยเหลือสังคมมากมาย ดูเป็นผู้ชายอบอุ่น รักครอบครัว แต่เบื้องหลังกลับโหดร้ายมาก ๆ ฆ่าได้กระทั่งลูกชายตัวเอง ที่เล่าเนี่ยเพราะหนังเขาดีครับผมชอบ )

คลิกอ่าน ตัน ภาสกรนที รวยได้เพราะรู้สันดานคนไทย


----------------

แนะนำอ่าน บทความที่มีผู้อ่านมากที่สุด รองจากบทความนี้ 

คลิกอ่าน วิกฤติหวยชาเขียว เพราะหน่วยงานสาธารณสุขไทยละเลย






วันพุธที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2557

นุ้งกวาง เจ้าหญิงมุ้งมิ้ง Net Idol เสียงใสแห่ง facebook







ดาราดัง ๆ บางคนยังมีแฟนเพจ หรือมีผู้ติดตามแค่ไม่กี่คน ส่วนคนที่ไม่ใช่ดารา ถ้าอยากจะมีผู้ติดตามในเฟสบุ้คมาก ๆ ก็ต้องมีอะไรที่พิเศษจริง ๆ

เน็ตไอดอลผู้หญิงที่มีผู้ติดตามมาก ๆ ส่วนใหญ่ก็ต้องสวย แล้วก็ต้องโชว์นม โชว์เซ็กซี่เป็นหลัก ถึงจะดึงผู้ติดตามได้เป็นหมื่นเป็นแสน

แต่เน็ตไอดอลที่ผมจะเขียนถึง เธอก็แต่เด็กสาววัยรุ่นที่ธรรมดา แต่กลับไม่ธรรมดา เพราะเธอไม่ต้องแอ๊บหน้าสวย ต้องโชว์นม โชว์เซ็กซี่อะไรเลย แต่กลับมีคนหลงรักเธอมากมาย

อย่างเช่นหญิงสาววัย 18 ปี เพิ่งจบ ม. 6 มาหมาด ๆ นามว่า น้องกวาง อาริศา หอมกรุ่น สาวน้อยที่ข้าพเจ้าได้แนะนำไปแล้ว ในบทความ อาริศา หอมกรุ่น เจ้าหญิงดิสนีย์ แห่งโซเชียลเน็ตเวิร์ค

แต่ความน่ารักของนุ้งกวาง ยังมีอีกเยอะแยะ ที่อยากนำมาให้ดูอีก

นุ้งกวาง อาริศา เน็ตไอดอล สาวน้อยซึ่งมีผู้ติดตามเฟสบุ้คของเธอ ณ วันนี้มากกว่า 5 หมื่นคนเข้าไปแล้ว

ล่าสุดหลังจาก นุ้งกวางไปออก TGT มีคนติดตามเฟสบุ๊คนุ้งกวางเกินแสนไปแล้ว



ด้วยความที่ถูกชื่นชมจนยกให้นุ้งกวาง มีฐานะเป็นเจ้าหญิงมุ้งมิ้ง

นุ้งกวาง เธอจึงย่อมมีปณิธานที่ไม่เหมือนใครตามนี้


นี่ขนาดไม่ยอมให้เห็นขาอ่อนนะ แล้วถ้ายอมให้เห็นล่ะ ???


ใช่ครับ ในขณะที่ใคร ๆ เขาก็เล่นไลน์กัน แต่ระดับเจ้าหญิงมุ้งมิ้งย่อมแตกต่าง !!


แล้วกว่าจะน่ารักเป็น Net Idol ในระดับนี้ได้ นุ้งกวางก็ต้องมีเบื้องหลังความน่ารักมาก่อน

เบื้องหลัง นุ้งกวาง กว่าจะน่ารักอย่างเป็นธรรมชาติได้ในวันนี้ ก็ต้องใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติตั้งแต่วัยเด็ก เพราะนุ้งกวาง ตอนเด็กต้องเลี้ยงควาย พอโตก็ต้องปีนต้นมะขามเทศบ่อย ๆ

คลิกที่รูปเพื่อขยาย


ฉะนั้น ถ้าใครอยากมีลูกสาวโตขึ้นมาแล้วน่ารักแบบนุ้งกวาง ก็ต้องฝึกให้ลูกใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติเยอะ ๆ นะครับ ฮ่า ๆ

เจ้าหญิงมุ้งมิ้ง นอกจากร้องเพลงได้ไพเราะมาก ๆ แล้ว ก็ยังมีความสามารถพิเศษในการทำคอสเพลย์ ได้เหมือนมาก ๆ เหมือนที่ในบทความที่แล้ว ผมเคยนำมาให้ดูไปแล้ว 1 ตัวอย่าง

แต่วันนี้นุ้งกวาง ขอเลียนแบบท่านซุนหงอคง The Monkey King สักหน่อย



แต่เดี๋ยวใคร ๆ ก็จะหาว่า โถ แค่เลียนแบบลิง ใคร ๆ ก็ทำได้ ไม่เห็นจะแปลกเลย

ดังนั้นระดับเจ้าหญิงมุ้งมิ้ง ก็เลยต้องไม่ธรรมดา ต้องเหนือชั้นกว่านั้น นุ้งกวางเลยโชว์การคอสเพลย์ ระดับแอดวานซ์ให้ดูซะ




เป็นไงล่ะ แจ๋วมะ

นี่แหละ ความสามารถของนุ้งกวางที่ไม่เหมือนใคร เอ๊ะ! หรือที่ ไม่มีใครอยากเหมือน ? 555


แต่ไม่ว่านุ้งกวางจะหน้าเหมือนลิง หน้าเหมือนวายยิ้ม แต่นุ้งกวางก็ยังน่ารักสุด ๆ ทุกรูปใช่มะ


คอสเพลย์ หนูน้อย อาราเล่ ยังได้เลย คิดดู !!


เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของความเป็นเจ้าหญิงมุ้งมิ้ง ให้น่ารักอย่างมั่นคง

นุ้งกวางจึงต้องสะกดจิตบอกตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ฮ่า ๆ





ฟังเพลง เล่นของสูง เวอร์ชั่น @risa hoomgroon 





สวยแบบราศีจับ ยิ่งดังก็ยิ่งสวยขึ้น นะนี่





อ้าวนี่ นุ้งกวางยังเลียนแบบเจ้านกทวิตตี้ได้อีกนะนี่




และเมื่อวันที่ 27 เม.ย. ที่ผ่านมา คือวันเกิดเจ้าหญิงมุ้งมิ้ง อายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ ขอรับ




ถ้าใครอยากรู้ว่า เฟสบุ้คของเจ้าหญิงมุ้งมิ้ง นุ้งกวาง ตั้งอยู่ ณ แห่งหน อาณาจักรใด ก็ตามหาได้ที่บทความข้างล่าง


คลิกอ่าน นุ้งกวาง สาวน้อยมหัศจรรย์ที่หน้าไหน ๆ ก็น่ารัก

คลิกอ่าน อาริศา หอมกรุ่น เจ้าหญิงดิสนีย์แห่งโลกโซเชียล

คลิกอ่าน เมื่อนุ้งกวางเจอสรยุทธ เรื่องเล่าเช้านี้

คลิกอ่าน เมื่อนุ้งกวางทำกาละแมร์ พัชรศรี อึ้ง ในไทยแลนด์ก็อตทาเล้นจ์





วันจันทร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2557

วิจารณ์โฆษณาไทยประกันชีวิต 2557 ชุด Unsung Hero






ปกติผมก็ชอบโฆษณาของไทยประกันชีวิตพอประมาณ ชอบมากบ้าง ชอบน้อยบ้าง ไม่ชอบบ้าง ก็มีคละ ๆ กันไป

แต่ผมติดใจโฆษณาชุดใหม่ล่าสุด ปี 2557 ของไทยประกันชีวิต ชุด Unsung Hero



ประเด็นเดียวที่ผมรู้สึกไม่ชอบคือ ไม่ควรนำเรื่องการให้เงินขอทานมาใช้ในโฆษณา เพราะขอทานคือปัญหาสังคมอย่างมากในประเทศไทย

แต่ก่อนตอนเด็ก ๆ ผมก็เคยให้เงินขอทานนะ แม้จะได้ยินข่าวเสมอ ๆ ว่า ขอทานส่วนใหญ่ได้เงินมากกว่าค่าแรงขั้นต่ำของไทยไม่ต่ำกว่า 2 - 3 เท่าในแต่ละวันด้วยซ้ำ เพราะคนไทยสมัยก่อนชอบให้เงินขอทานกันมากกว่าปัจจุบัน

อย่างในอดีตเมื่อหลายสิบปีก่อน เคยมีข่าวที่ขอทานคนนึงรวยมากขนาดมีเงินฝากในธนาคารหลายล้าน ตอนเช้ามานั่งขอทาน ตกเย็นกลับไปอยู่บ้านใหญ่โต

แต่ปัญหาขอทานในปัจุบัน ที่เป็นปัญหาก็คือ พวกขอทานเขมร คือพวกชาวเขมรไม่ทำมาหากิน ไม่พิการ แต่มาแสดงท่าทางน่าสงสารเพื่อให้คนไทยให้ทาน

ซึ่งเคยมีข่าว ตำรวจจับขอทานเขมรลักลอบเข้าเมืองพวกนี้ได้ แล้วถามว่า ได้รายได้วันละเท่าไหร่ ?

พวกขอทานเขมรก็ตอบตรง ๆ ว่า อย่างน้อย ๆ ก็วันละ 500 บาท แต่บางวันก็อาจได้มากถึง 2 พันบาทก็มีบ่อย ๆ

รายได้ขอทานเขมรในไทยดีมาก ดีกว่ารายได้ของชาวนาไทย ดีกว่าค่าแรงขั้นต่ำของไทย

ขนาดตำรวจผลักดันให้พวกขอทานเขมรออกจากไทยไป แต่พวกขอทานเขมรก็จะกลับเข้ามาอีก เพราะประเทศไทยไม่ได้มีบทลงโทษอะไร แค่ผลักดันออกไปเท่าน้้น

----------------

แต่ที่ร้ายแรงและเป็นปัญหามากที่สุด คือ แก๊งมาเฟียขอทาน

หมายถึง ขบวนการค้ามนุษย์ พวกอันธพาล หรือพวกไม่ทำมาหากินสุจริต จะเป็นคนพาขอทานที่พิการ หรือเด็กเล็ก ๆ มาปล่อยไว้ให้นั่งขอทานในจุดต่าง ๆ เช่น ในตลาดนัด หน้าห้าง

ตกเย็นพวกอันธพาลก็จะมารับขอทานในสังกัดกลับไป แต่เงินที่ขอทานหาได้ พวกอันธพาลก็จะเอาไปจนหมด

กรณีแก๊งขอทานมันลุกลามเป็นปัญหาอย่างมากที่สุดก็คือ การขโมยเด็กจากพ่อแม่ เพื่อนำเด็กมานั่งขอทาน แถมอาจร้ายแรงถึงขั้นตัดมือ ตัดขา เพื่อให้เด็กพิการ ดูน่าสงสารมาก ๆ เพื่อจะได้หาเงินได้เยอะ ๆ ให้กับพวกอันธพาล

อย่างในโฆษณาไทยประกันชีวิต ไม่ควรนำเรื่องการให้เงินขอทานมาเป็นประเด็นหลักในโฆษณา เพราะคนไทยจริง ๆ ที่ไม่พิการ ไม่ควรมานั่งขอทาน

เพราะการขอทานคือ การเอาเปรียบสังคม เป็นการหลอกใช้ในความสงสารของคนเพื่อให้ตนเองจะได้เงิน ขอทานจึงเป็นอาชีพที่ทำให้คนขี้เกียจ

แม้ในสังคมไทยอาจจะมีคนที่ตกทุกข์ได้ยากจริง ๆ จนต้องมานั่งขอทานก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นที่โฆษณาจะนำมาปลูกฝัง ตอกย้ำให้คนดูโฆษณารับค่านิยมให้เงินขอทาน กลายเป็นเรื่องที่ดีที่ถูกต้อง

เพราะนั่นคือการสร้างค่านิยมผิด ๆ ให้คนไทย และจะทำให้ปัญหาขอทานจะไม่มีวันแก้ไขได้

แม้ศาสนาพุทธของเรา สอนให้ช่วยเหลือ บริจาคทาน แก่ผู้ที่ด้อยกว่าเรา ผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากกว่าเรา แต่ก็มีข้อแม้ว่า ต้องไม่ใช่การให้ทานเพื่อไปส่งเสริมให้คนขี้เกียจ ไม่รู้จักพึ่งพาตนเอง

การให้ทานแก่ขอทาน จึงเป็นเสมือนดาบสองคม ที่เราต้องควรระวัง

-----------------

จริง ๆ ถ้าจะจับผิดโฆษณานี้ ว่ามีข้อเสียในการนำเสนอแนวคิดที่ผิด ๆ ในโฆษณาอย่างไร ก็มีอยู่หลายประเด็น

แต่ผมขอละไว้แล้วกัน คุณผู้อ่านลองไปหาอ่านในเว็บพันทิปเถอะ มีคนวิจารณ์ในแง่ลบอยู่หลายประเด็น

สำหรับผม ขอประเด็นเดียวที่ผมไม่ชอบ ก็คือ การนำเรื่องขอทานมาไว้ในโฆษณาครับ


คลิกอ่าน ผมไม่ค่อยชอบโฆษณาไทยประกันชีวิตชุด Que sera