วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ทำไมกรุงเทพฯ ฝนตกน้ำท่วมง่ายจังวะ






ขอเกริ่นหน่อยนะ

ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า ผมเป็นคนกรุงเทพฯ โดยกำเนิด ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ทั้งชีวิตในกรุงเทพฯ ผมเจอกับปัญหาน้ำท่วม รถติดหนัก โรงเรียนของผมเคยประกาศหยุดเพราะน้ำท่วมนับครั้งไม่ถ้วน

ผมเจอเรื่องน้ำท่วมกรุงเทพฯ จนจำไม่ได้ว่า เจอมามากแค่ไหน เพราะมันเยอะเหลือเกิน

ยิ่งตอนที่หมู่บ้านของผม ซึ่งเป็นหมู่บ้านเก่าแก่อายุเกือบ 40 ปี โดยเฉพาะตอนที่ถนนเก่าของหมู่บ้านยังไม่ได้ยกให้เป็นของ กทม. มาดูแล ผมเจอน้ำท่วมบ่อยมาก เพราะถนนหมู่บ้านต่ำกว่าถนนหลักที่รายรอบหมู่บ้าน ทุกครั้งที่ฝนตกน้ำจากถนนหลักจะไหลมาที่หมู่บ้านของผมก่อนเลย เหมือนหมู่บ้านของผมเป็นเสมือนแก้มลิงประจำซอยเลยครับ

แค่ฝนตกพอประมาณ หมู่บ้านผมก็ท่วมก่อนใครแล้ว แถมท่วมทีนึงอย่างน้อย ๆ ไม่ต่ำกว่า 6 ชม. กว่าน้ำท่วมจะยุบลงหมด เพราะต้องอาศัยเครื่องสูบน้ำออกจากหมู่บ้านเท่านั้น

ดังนั้น หัวอกของคนต้องเจอน้ำท่วมเป็นประจำ ผมได้สัมผัสมาหลายสิบปีในหมู่บ้านของตัวเอง คือ ที่อื่นเขาน้ำไม่ท่วม แต่บ้านผมดันท่วม !!

แม้ตอนนี้หมู่บ้านของผม กทม.จะมาทำถนนใหม่ให้สูงขึ้นแล้ว แต่วันดีดืนดี หากฝนตกแบบไม่ลืมหูลืมตาหนักนานนับชั่วโมง แม้ถนนหมู่บ้านจะสูงขึ้นกว่าเดิมร่วม 50 ซม. แถมเปลี่ยนท่อระบายน้ำให้ใหญ่ขึ้นแล้ว มันก็ต้องมีน้ำท่วมได้เช่นกัน เพราะเรื่องฟ้าฝนไม่มีอะไรที่แน่นอน

ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เวลาเจอน้ำท่วมหนักใน กทม. ยิ่งเวลาเร่งด่วน เช่น ยามจะไปทำงานตอนเช้า ขอบอกว่า ผมก็บ่น ผมก็ด่าเหมือนทุกคนครับ แต่ผมด่าฟ้าฝนที่ไม่เห็นใจเลย จะตกหนักทั้งที ดันมาตกในเวลานี้ได้ รู้ไหมคนเขาเดือดร้อนนะ จะไปทำงาน จะไปเรียนมันลำบากมากรู้ไหม

ผมก็บ่นไปเรื่อยเปื่อยเพื่อระบายความเครียด แต่ผมกลับไม่เคยบ่นด่าผู้ว่า ฯ กทม. เลยสักครั้ง ไม่ว่าจะยุคผู้ว่าสมัยใดคนใดก็ตาม ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ชอบผู้ว่า ฯ กทม. ตั้งหลายคน

เพราะผมคนกรุงเทพฯ โดยกำเนิด จึงเข้าใจสภาพทางกายภาพของกรุงเทพฯ พอควร  ผมก็คิดเหมือนกับที่ผู้ว่า ฯ หม่อมเอ๋อ ที่แกโกรธจนพูดประชดว่า "ถ้าไม่อยากน้ำท่วมก็ย้ายไปอยู่บนดอยสิ" จนผู้คนเขาด่าผู้ว่าฯ หม่อมเอ๋อ กันทั้งเมือง ที่พูดประชดไปแบบนั้น

ซึ่งถ้าเราคิดจะไปอยู่บนดอยจริง ๆ ก็ต้องไปเจอปัญหาดินถล่ม ไฟไหม้ป่า หมอกควันพิษอยู่ดี  เรียกว่า หนีเสือปะจระเข้ ชัด ๆ เพราะถ้าสันดานคนไทยยังแย่ลงๆ เหมือนทุกวันแบบนี้ หนีไปอยู่ที่ไหนก็ไม่พ้นเจอปัญหาห่วยแตกเช่นกัน


ยิ่งถ้าเราเป็นคนทำงาน เป็นคนรู้ข้อจำกัดของปัญหา รู้ว่า คนที่มาทำงานมาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ จิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวมต่ำ

ขนาดผมไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ผมยังโกรธเลยครับ เมื่อผมเห็นไอ้คนที่สูบบุหรี่เสร็จปุ๊บ ก็โยนก้นบุหรี่ลงพื้นถนนสาธารณะทันที หรือเห็นพวกแม่ค้าพ่อค้าหาบเร่พอเลิกขาย ก็เทน้ำสกปรก น้ำไขมันลงท่อระบายน้ำทันที แม้แต่เด็กนักเรียน เดินเข้าเซเว่นปุ๊บ เดินออกมาแล้วแกะห่อขนม ก็ทิ้งถุงก๊อปแก๊บลงฟุตบาททันที เพราะขี้เกียจเดินกลับไปทิ้งที่ถังขยะหน้าเซเว่น

แล้วคนที่ทำงานในเรื่องรับมือน้ำท่วมโดยตรง เขาจะรู้สึกยังไง เหนื่อยก็เหนื่อย ถึงเหนื่อยให้ตาย แต่ถ้าคนในกรุงเทพฯ ไม่ร่วมมือรักษาความสะอาด ช่วยทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทาง ถึงทำให้ตายก็ไม่มีทางแก้ปัญหาน้ำท่วมได้หรอกครับ

เพราะอุโมงค์ระบายน้ำยักษ์ เครื่องดักขยะหน้าเครื่องระบายน้ำ เขาออกแบบและถูกสร้างมาจากประเทศที่ผู้คนมีจิตใจที่เจริญแล้ว รู้จักรักษาความสะอาด ไม่ทิ้งขยะลงคูคลองได้ใช้สอย

แต่ประเทศที่มีผู้คนด้อยจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมเป็นส่วนใหญ่ ดันเสือกไปซื้อเทคโนโลยีดี ๆ จากประเทศที่เจริญแล้วเขามาใช้ มันก็ย่อมไม่ได้ผล และได้ประสิทธิภาพดีเท่าที่ควรหรอกครับ

แปลง่าย ๆ คือ อุโมงค์ระบายน้ำ เครื่องดักขยะ มันคือเทคโนโลยีที่ผลิตจากประเทศที่เจริญแล้ว ไม่ใช่ผลิตที่ประเทศที่มีคนเห็นแก่ตัว ไร้ระเบียบวินัยเต็มบ้านเต็มเมืองเข้าใจไหมครับ ?

เครื่องดักขยะของประทศที่เจริญแล้ว เขามีไว้ดักเก็บขยะตามธรรมชาติ เช่นใบไม้ กิ่งไม้ขนาดเล็ก ที่ไหลมาตามคลอง เป็นต้น

เครื่องดักขยะของฝรั่ง เขาไม่ได้มีไว้ดักเก็บถุงพลาสติกหลายแสนใบต่อวัน กล่องโฟมหลายแสนใบต่อวัน ขยะ108-1009 ที่นอนทั้งหลัง โซฟาทั้งตัว โอ่งทั้งใบ ชักโครกทั้งอัน ตู้ทั้งใบ หรือแม้แต่ถุงปูนซีเมนต์ใช้ไม่หมด พวกมันก็ทิ้งลงคลอง !!



----------------

คุณรู้หรือไม่ กรุงเทพฯ มีพื้นที่ส่วนใหญ่ต่ำกว่าแม่น้ำเจ้าพระยา ?



พื้นที่ใน กทม. ที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ด้านตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา

ระดับต่ำกว่า 0 เมตร หรือเท่ากับระดับน้ำทะเลพอดี คือ เขตคลองสามวา
ระดับ 0 - 0.5 เมตร เขตบางกะปิ สวนหลวง พระโขนง บางนา ประเวศ ลาดกระบัง
ระดับ 0.5 - 1.0 เมตร เขตจตุจักร บึงกุ่ม มีนบุรี หนองจอก
ระดับ 1 - 1.5 เมตร เขตดินแดง
ระดับ 1.5 - 2.5 เมตร เขตสายไหม หลักสี่ วังทองหลาง ลาดพร้าว บางเขน คันนายาว
ระดับ 2.5 - 3.5 เมตร เขตบางซื่อ วัฒนา คลองเตย บางคอแหลม ยานนาวา

พื้นที่ใน กทม. ที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ด้านตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา

ระดับ 0 - 0.5 เมตร เขตหนองแขม
ระดับ 0.5 - 1.0 เมตร เขตบางแค ภาษีเจริญ บางกอกใหญ่ บางกอกน้อย ตลิ่งชัน ธนบุรี
ระดับ 1 - 2 เมตร เขตทวีวัฒนา บางบอน บางขุนเทียน ราษฎร์บูรณะ
ระดับ 1.5 - 2.5 เมตร เขตทุ่งครุ

คลิกที่รูปเพื่อขยาย!!! แผนที่คาดการณ์อีก 30 ปี กรุงเทพฯ จมน้ำ


ทั้งนี้ ระดับน้ำทะเลนั้นเป็นตัวแปรสำคัญในการคำนวณระดับความสูงของน้ำท่วม เพราะในแต่ละปีพื้นที่ในกรุงเทพฯ จะมีการทรุดตัวลงเรื่อย ๆ ประกอบกับเมื่อมีน้ำฝนมากขึ้น และน้ำทะเลหนุนสูง ทำให้กรุงเทพฯ มีโอกาสเสี่ยงสูง ที่จะประสบปัญหาน้ำท่วมใหญ่

จากรูปเห็นไหมครับ ว่า แม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งเป็นทางระบายน้ำทางหลักของกรุงเทพฯ เพื่อออกทะเลนั้น แม่น้ำเจ้าพระยาอยู่สูงกว่าพื้นที่กรุงเทพฯ ด้วยซ้ำ

ดังนั้นวิธีการเดียวที่จะระบายน้ำออกจากกรุงเทพฯ ได้ ก็คือ ต้องใช้เครื่องสูบน้ำเพื่อสูบน้ำออกจากกรุงเทพฯ ไปลงแม่น้ำเจ้าพระยาเท่านั้น

แปลว่า ถ้าไม่มีการสูบน้ำออกจากกรุงเทพฯ เลย น้ำก็จะขังอยู่ในกรุงเทพฯ อีกนาน จนกว่าจะระเหยไปเองจนหมด (ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้)

ในเมื่อลักษณะทางกายภาพของกรุงเทพฯ เป็นแบบนี้แล้ว ถ้าทุกคนไม่ร่วมมือกันเพื่อกรุงเทพฯ ของเรา ก็ย่อมต้องเจอปัญหาน้ำท่วมหนักตลอดชาติ

แล้วระบบระบายน้ำของ กทม. ก็มีขีดจำกัดที่ฝนตกปริมาณ 60 มม. เท่านั้น หมายถึง ถ้าฝนตกไม่เกิน 60 มม. น้ำก็แทบจะไม่ท่วมเลยหรือท่วมรอการระบายไม่เกิน 10 ซม. สำหรับบนถนนสายหลัก !!

ส่วนพื้นที่ ๆ ต่ำกว่าถนนสายหลัก ก็อาจท่วมได้มากกว่า เพราะอยู่ต่ำกว่าถนนสายหลัก

แล้วเมื่อเช้ามืดของวันที่ 8 มิ.ย. 2558 ที่ฝนตกหนักมาก จนน้ำท่วมหนักในหลายเขตของ กทม. โดยเฉพาะบางเขตที่ในอดีตถมคลองเพื่อสร้างถนน จึงต้องเจอปัญหาน้ำท่วมขังอย่างหนักนั้น

คุณรู้ไหม ฝนคืนนั้นหนักขนาดไหน ?

ฝนตกสูงสุดที่เขตคลองเตย มากถึง 141 มม. ส่วนที่จุดอื่น ๆ ก็ไม่ต่ำกว่า 100 มม. ทั้งสิ้น



ก็อย่างที่บอก ขีดจำกัดการระบายน้ำของ กทม. อยู่ที่ 60 มม. เท่านั้น ซึ่งยังต้องพัฒนาระบบระบาย กทม. ต่อไปอีก เท่าที่ผมเคยจำได้ อุโมงค์ยักษ์ในปัจจุบันยังรองรับปริมาณน้ำแค่ 20 % ของพื้นที่กรุงเทพฯ เท่านั้น (ยังต้องลงทุนอีกเยอะ แต่งบประมาณแต่ละปีมีจำกัดครับ เข้าใจไหม)

แล้วนี่มันฝนตกหนักขนาด 140 มม. ซึ่งถือว่า คือฝนตกหนักสุด ๆ หรือโคตรหนักเลย ก็ต้องน้ำท่วมเป็นธรรมดา

แล้วการก่อสร้างบ้านเรือนอาคารต่าง ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีการก่อสร้างขวางทางน้ำก็มาก แอบบุกรุกถมคูคลองให้เล็กลงก็มาก บ้านเรือนที่อยู่อาศัยก็เพิ่มขึ้นมาก ถนนหนทางก็มีเพิ่มขึ้นมาก บ้านเรือนก็รุกล้ำคูคลองก็มากขึ้น นักการเมืองในอดีตสั่งถมคลองเพื่อขยายถนนก็หลายแห่ง เช่นคลองสาทร เป็นต้น

ที่สำคัญคนที่เข้ามาทำงาน มาเรียน มาหากินในกรุงเทพฯ ก็เพิ่มขึ้นมาก ขยะในคลองจึงไม่เคยลดลง เพราะสันดานเลว ๆ ของคนเห็นแก่ตัวไม่เคยลดลง

ต่อให้ กทม. พัฒนาระบบระบายน้ำดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไร ก็เอาชนะสันดานคนเห็นแก่ตัวจำนวนมากไม่ได้หรอกครับ

แต่ในฐานะที่ผมเป็นคนกรุงเทพฯ โดยกำเนิด ถ้าฝนตกมากถึง 140 มม. แล้วน้ำลดลงโดยใช้เวลาแบบวันที่ 8 มิ.ย. 58 ที่ผ่านมา ผมถือว่า ดีขึ้นกว่าในอดีตเยอะ ซึ่งจะดีกว่านี้อีกเยอะถ้าคนไทยทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทาง

แต่เหตุน้ำท่วมคราวนี้มันซวยตรงที่ ปริมาณรถใน กทม. เพิ่มมากขึ้น รถก็ติดมากขึ้นอยู่แล้ว แถมดันมีน้ำท่วมตอนชั่วโมงเร่งรีบอีก  จึงทำให้อารมณ์โกรธและหงุดหงิดของผู้คนที่ต้องใช้ชีวิตเร่งรีบในเวลานั้น อารมณ์รุนแรงเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 2 เท่า

ประกอบกับยุคโซเชียลเน็ตเวิร์ค ที่ทำให้ผู้คนยุคนี้ขยันแชร์ ขยันบ่น เพราะความอดทนต่ำกว่าคนในอดีต จึงทำให้ปฏิกิริยาความไม่พอใจต่อผู้ว่า ฯ กทม. จึงเพิ่มขึ้นตามความเร็วของยุคดิจิตอล 3จี 4 จี

ผมเข้าใจนะว่า ตอนนี้ผู้ว่า ฯ กทม. ยังมีอีกหน้าที่นึงก็คือ เป็นกระโถนรองรับอารมณ์ของคนใน กทม.  ซึ่งไม่ใช่มีแต่คนกรุงเทพฯ โดยกำเนิดเท่านั้น เพราะยังมีคน ตจว.ที่มาทำงาน มาเรียน หรือย้ายถิ่นฐานมาหากินใน กทม. ซึ่งมีมากกว่าคนกรุงเทพฯ แท้ ๆ ด้วยซ้ำ

ส่วนคนกรุงเทพฯ  โดยกำเนิดแท้ ๆ เหมือนผม ถึงแม้เขาจะบ่น แต่จะไม่รุนแรงเท่าไหร่นัก เพราะมันคือสิ่งที่เขาอยู่มาตั้งแต่เกิดแล้ว และเขาเข้าใจสภาพทางกายภาพกรุงเทพฯ ดีพอประมาณ ว่าถ้าเกิดเหตุฝนตกขนาดนี้ ผลต่อมาจะเป็นอย่างไร

หมายถึง คนกรุงเทพ ฯ แท้ ๆ จะเข้าใจสภาพปัญหามากกว่าเลยไม่โกรธมากเกินไป แต่คนต่างจังหวัดเขาไม่รู้ เขาก็ย่อมบ่นมากกว่าเป็นธรรมดา ซึ่งถ้าจะแปลความในอีกแง่ก็คือ คนที่ระดมด่าผู้ว่าฯ กทม. นั้น ส่วนใหญ่อาจไม่ได้มีสิทธิเลือกตั้งใน กทม. !!!

แล้วถ้าจะมองให้ลึกลงไปอีก คนที่ระดมด่าผู้ว่า ฯ กทม. ในกระแสโซเชียลเน็ตเวิร์ค เผลอ ๆ ไม่ใช่คนที่อาศัยหรือมาทำงาน หรือมาเรียนใน กทม. เลยด้วยซ้ำ

คือเจตนาด่าเพราะเกลียดพรรคนี้ ด่าเพื่อต้องการให้คนของพรรคนี้แพ้ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. สมัยหน้าเท่านั้น

ส่วนท่อระบายน้ำใน กทม. ก็ต้องปฏิรูปทั้งระบบ เพราะขนาดท่อส่วนใหญ่ยังเล็ก ไม่สามารถระบายน้ำไปที่อุโมงค์ยักษ์ได้ทันเวลา แต่จะแก้ก็ลำบาก เพราะการไฟฟ้านครหลวง การประปานครหลวง กับ กทม. ไม่ค่อยสามัคคีทำงานร่วมกันเท่าที่ควร

คือ ใครใคร่ขุดก็ขุด ใครใคร่กลบก็กลบ เป็นแบบนี้มานานแล้วนะ (เพราะงบประมาณได้มาไม่พร้อมกัน)

ยิ่งถ้ามีขยะมาอุดตันในท่อระบายน้ำที่ขนาดเล็กอยู่แล้ว เช่น ถุงพลาสติก กล่องโฟม ด้วยก็ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะจะทำให้ความสามารถในการระบายน้ำที่ฝนตก 60 มม. ลดลงตามไปด้วย คือ ความสามารถระบายน้ำจะรับมือฝน 60 มม.ไม่ได้ตามเป้า

ฉะนั้น ผมน่ะโกรธพวกที่ทิ้งขยะลงคูคลอง ทิ้งขยะลงท่อระบายน้ำ ยิ่งกว่าโกรธผู้ว่า ฯ กทม. อีกครับ เพราะเจ้าหน้าที่ กทม. ทุกคนไม่มีใครอยากโดนประชาชนด่าหรอก แต่มันเกินขีดความสามารถจะแก้ได้จริง ๆ กับเรื่อง สันดานคนเห็นแก่ตัวใน กทม.

ลักการระบายน้ำใน กทม. คือ น้ำไหลลงท่อระบายน้ำข้างถนน แล้วก็จะระบายลงคลองใน กทม.  แล้วจากคลอง ก็จะไหลไปที่เครื่องสูบขนาดใหญ่เพื่อถ่ายลงอุโมงค์ยักษ์ แล้วจากอุโมงค์ยักษ์ ถึงจะลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา

แต่ถ้าท่อระบายน้ำตามถนนอุดตันเพราะขยะพลาสติก ฯลฯ น้ำก็จะระบายออกจากถนนได้ยากลำบาก อันเป็นเหตุให้ถนนมีน้ำท่วมขังยาวนานขึ้น

แล้วเมื่อมีขยะไปติดที่เครื่องดักขยะในคลอง ก็จะระบายน้ำลงอุโมงค์ยักษ์ได้ยาก

จำนวนขยะในคลองของกทม. เมื่อปี 2557 อยู่ที่ 4 แสนตัน

แต่ในปี 2558 เพียงแค่ครึ่งปีเท่านั้น กลับมีขยะที่ กทม. เก็บได้จากในคลองของกรุงเทพฯ มากถึง 3 แสนตันแล้วครับ ขอบอก!!

แสดงว่า สันดานคนใน กทม. เสื่อมลง ๆ

ผมขออนุญาตนำรูปแค่บางรูป จากรูปจำนวนมากมายเกี่ยวกับขยะในคลองของกรุงเทพฯ จากทวิตเตอร์ของคุณสรรเสริญ เรืองฤทธิ์ วิศวกรไฟฟ้า(สื่อสาร) ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร Bangkok Flood Control Center, 02248 5115 ตลอด 24 ชั่วโมง 08 1258 1960 HS7XPE Line id : sunsernr มาลงประกอบสัก 2 รูปครับ (รวมรูปด้านบน)

เพราะผมคงนำรูปขยะมาลงทั้งหมดไม่ไหว เพราะรูปขยะในคลองของ กทม. มันเยอะมหาศาล เยอะมโหฬารจริง ๆ ยิ่งเยอะเท่าไหร่ก็แสดงให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวของคนมากเท่านั้น

ใครอยากเห็นว่า จำนวนขยะในแต่ละคลองที่ปิดกั้นเครื่องระบายมันมากมากขนาดไหนในแต่ละวัน แนะนำไปดูที่ทวิตเตอร์ของคุณสรรเสริญ ได้เลยครับ แล้วคุณจะอึ้ง !! คลิกที่นี่


ในรูปนี้คุณเห็นโอ่ง เห็นซากที่นอน ไหมครับ ??
เครื่องสูบน้ำ 1 ตัวจะสามารถระบายน้ำได้ 30 ลบ.ม./วินาที แต่เมื่อเครื่องสูบน้ำขัดข้องเพราะมีขยะมาติด ก็ต้องยกขึ้นมาซ่อมครั้งละไม่ต่ำกว่า 3-5 ชม. ก็ลองคำนวณดูเถิดว่า ต้องหยุดการระบายน้ำไปมากแค่ไหน


ถ้าใครอยากด่าผู้ว่า ฯ หม่อมเอ๋อ ก็ด่าไปเถอะครับ เพราะยังไงคนเป็นผู้ว่าฯ กทม. ก็ไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้

แต่ถ้าถึงขั้นมีคนเสนอไล่ผู้ว่าฯ ออกด้วย ม.44

ขอถามว่า แล้วคุณจะให้ใครมาแทนผู้ว่าฯ หม่อมเอ๋อ แล้วเขาจะทำน้ำไม่ให้ท่วม กทม. ได้ 100 % ได้หรือไม่

แล้วถ้าเกิดคน ๆ นั้นมาทำงานแทนหม่อมเอ๋อ แล้วน้ำยังเกิดท่วมแบบเดิมหรือหนักกว่าเดิมอีกล่ะ คุณจะยอมให้ผมกระทืบคุณไหม ?

ถ้าคุณยอมรับข้อเสนอของผมนี้ได้ ผมก็จะยอมสนับสนุนให้คุณไล่ ผู้ว่าฯ สุขุมพันธ์ออกไปได้เลย

เพราะ "คนไทยส่วนใหญ่เป็นจำพวกชอบโทษคนอื่น ก่อนโทษตัวเองเสมอ เช่นที่ประชาธิปไตยล้มเหลว ก็โทษรัฐธรรมนูญ แทนที่จะโทษตัวเองที่ไปสนับสนุนนักการเมืองเลว ๆ ให้มีอำนาจปกครองบ้านเมือง"

จริงไหม ? 

ล่าสุดมีข่าวว่า กทม. จะเพิ่มอัตราโทษผู้ที่ทิ้งขยะปฏิกูลลงคูคลองสาธารณะ จากเดิม ปรับ 2 พันบาท เป็น 5 พันบาทหรือมากกว่านั้นถ้าเจอการกระทำผิดซ้ำอีก ซึ่งผมเกรงว่า อาจจะไม่ได้ผล

ต้องเจอป้ายแบบนี้ครับ เขาว่าได้ผลมาแล้วที่เขตบางกะปิ 555


ภาพข่าวจากไทยรัฐ

"สิน นิติธาดากุล" อดีต ผอ.เขตบางกะปิ และปัจจุบันเป็น ผอ.เขตลาดกระบัง เจ้าของไอเดียป้ายแช่งคนทิ้งขยะ เล่าว่า

"ผมติดป้าย ใช้กฎหมายขู่ว่า มีกฎว่าจะปรับเงิน 2,000 บาท ผู้คนที่ทิ้งขยะกลับไม่กลัว แต่พอมาติดป้าย ใช้วิธีสาปแช่งแบบคนโบราณ กลับประสบความสำเร็จ สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนสะท้อนว่าคนในประเทศเรามีความกลัวบาปมากกว่ากฎหมาย" ผอ.นักพัฒนา กล่าว

-------------------------

13 มิถุนายน 2558 จ่าพิชิตแอดมินเพจดราม่าแอดดิก ชงเรื่องให้ลูกเพจด่าผู้ว่า ฯ กทม. อีกเรื่องจนได้


-----------------------

ผู้ว่าฯ กทม. อย่างเก่งก็อยู่ไม่เกิน 2 สมัย เราไม่พอใจเราก็เปลี่ยนคนใหม่ได้

แต่ตัวเราเองล่ะ ถ้าต้องอาศัยในกรุงเทพฯ อีกหลายสิบปี หรือไปจนตลอดชีวิต เราจะเปลี่ยนแปลงนิสัยของเราเพื่อช่วยให้กรุงเทพมหานครของเราดีขึ้นได้หรือไม่ ?

ขอฝากไว้แค่นี้ครับ



ตัวอย่างเหตุการณ์ล่าสุด ในช่วงเช้ามืดของวันที่ 14 มิ.ย. 58 ฝนตกหนักที่สมุทรสาคร ทำให้เกิดน้ำท่วมขัง แต่น้ำระบายออกจากถนนได้ยาก เพราะมีขยะพลาสติกและกล่องโฟมอุดตันท่อระบายน้ำจำนวนมาก (เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ สรยุทธ รายงาน)

-------------------

17 มิ.ย. 2558 จิตสำนึกชุมชนคนกรุงฯ ที่ไม่รับผิดชอบย่านบ้านตัวเอง





คลิกอ่าน กทม.ท่วมหนักเมื่อ 21มิ.ย.59 เพราะกรมอุตุนิยมห่วยแตก




2 ความคิดเห็น:

  1. เขียนได้สุดยอดมาก

    ตอบลบ
  2. ปัญหาน้ำท่วมหมดไปแล้วคับ ตอนนี้เหลือแต่น้ำรอระบายครับ

    ตอบลบ