จากกรณีที่ บก.ลายจุด หรือ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ได้ผลิตข้าวสารหอมปทุม ขนาด 5 กก. ขายในราคา 200 บาทนั้น
ต่อมา บก.ลายจุด ได้โพสเฟสบุ๊คว่า ข้าวสารตราลายจุดได้ถูกแจ้งข้อหาว่า ไม่ระบุวันผลิตและวันหมดอายุ

ซึ่งจริง ๆ แล้ว ผมว่า ที่ข้าวสารตราลายจุดโดนเรื่องทำผิดกฎหมายฉลากผิด ไม่น่าจะใช่เรื่องระบุวันหมดอายุบนฉลากสินค้าหรอกครับ
แต่น่าจะเป็นความผิดเกี่ยวกับที่ ข้าวสารตราลายจุด ไม่ระบุบนสลากดังต่อไปนี้ต่างหาก ก็คือ
ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก ฉบับที่ 4 พ.ศ.2543 เรื่อง ให้ข้าวสารบรรจุถุงเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก ในข้อ 3
(1) ชื่อประเภทหรือชนิดของข้าวสารบรรจุถุง
หมายถึง ถ้าข้าวสารบรรจุถุงมาจากข้าวหลายชนิดผสมกัน ก็ต้องระบุเปอร์เซนต์ของข้าวแต่ละชนิดให้ชัดเจน ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลากฯ ฉบับที่ 5 เรื่องให้ข้าวสารบรรจุถุงเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก
แต่เมื่อข้าวสารตราลายจุดยืนยันว่า เป็นข้าวหอมปทุมล้วน 100 % จึงไม่ต้องระบุเปอร์เซนต์ชนิดข้าวก็ได้ แม้ไม่ผิดกฏหมาย แต่ต้องถือว่า ข้อมูลไม่ค่อยชัดเจนเท่าที่ควร
เพราะข้าวสารบรรจุขนาด 5 กก. ในท้องตล่ดทั่วไป ก็จะระบุเปอร์เซนต์ข้าวกันทั้งนั้น
ซึ่งหากตรวจพบว่า ข้าวสารตราลายจุดไม่ใช่ข้าวหอมปทุมล้วน 100 % แต่มีส่วนผสมข้าวอื่นปนก็จะมีความผิดแน่นอน
(2) วิธีการใช้ หรือวิธีการหุงต้ม หมายถึง ระบุวิธีหุงว่าใช้ข้าวปริมาณเท่าไหร่ ต่ออัตราส่วนน้ำเท่าไหร่ ซึ่งข้าวสารลายจุดไม่มีระบุในเรื่องนี้

หมายเหตุ กฎหมายควบคุมฉลากข้าวสารบรรจุถุง ยังไม่ครอบคลุมข้าวสารตักแบ่งขายตามตลาดจากกระสอบ กฎหมายควบคุมเฉพาะข้าวสารบรรจุถุงสำเร็จรูปเท่านั้น
ส่วนอ้างอิงตามมาตรา 30 และมาตรา 31 นั้น โดยเฉพาะในมาตรา 30 ไม่จำเป็นต้องเป็นเฉพาะสินค้าที่ผลิตจากโรงงานเท่านั้น ครับ (อ่านเนื้อหามาตรา 30 และ มาตรา 31 ได้ในบทความทางด้านล่าง)
กล่าวโดยสรุปก็คือ ข้าวสารบรรจุถึงเป็นสินค้าถูกควบคุมฉลาก ทั้งผลิตจากโรงงานหรือไม่ได้ผลิตจากโรงงานก็ตาม ดังนั้นข้าวสารบรรจุถุงของผลิตภัณฑ์โอทอปใด ๆ ที่ยังไม่ระบุฉลากให้ถูกต้อง โดยเฉพาะวิธีการหุง ก็ควรระบุให้ถูกต้องนะครับ ซึ่งไม่ได้ยากอะไรที่จะระบุไว้ ส่วนประเภทและชนิดข้าว ส่วนใหญ่ก็มีระบุกันอยู่แล้ว
สารคดีสั้นคุ้มครองผู้บริโภค ตอน ข้าวสารเป็นสินค้าควบคุมฉลาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น