หมายเหตุ บทความนี้ต่อเนื่องจากบทความ สุญญากาศเกิดขึ้นแล้วมาตรา 171 (คลิกอ่านที่นี่)
เมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้ยิ่งลักษณ์สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีแล้วตามมาตรา 182 จากคดีโยกย้ายคุณถวิล เปลี่ยนสี ว่าเป็นการกระทำขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 268
ใน รธน. 50 มาตรา 268 บัญญัติไว้ว่า
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจะกระทำการใดที่บัญญัติไว้ในมาตรา 266 มิได้ เว้นแต่เป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่ในการบริหารราชการตามนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภา หรือตามที่กฎหมายบัญญัติ
ซึ่ง รธน. 50 มาตรา 266 บัญญัติไว้ว่า
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาต้องไม่ใช้สถานะหรือ ตำแหน่งการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาเข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ในเรื่องดังต่อไปนี้
(1) การปฏิบัติราชการหรือการดำเนินงานในหน้าที่ประจำของข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ กิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือราชการ ส่วนท้องถิ่น
(2) การบรรจุ แต่งตั้ง โยกย้าย โอน เลื่อนตำแหน่ง และเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการ ซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำและมิใช่ข้าราชการการเมือง พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ กิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือ
(3) การให้ข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำและมิใช่ข้าราชการการเมือง พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ กิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือราชการ ส่วนท้องถิ่น พ้นจากตำแหน่ง
---------------------
ทีนี้มาดูชัด ๆ ว่า ยิ่งลักษณ์ได้สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีเฉพาะตัว เพราะได้กระทำอันต้องห้ามตามมาตรา 268 ที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ2550 ในมาตรา 182 (7) ตามนี้
คำถามต่อมาคือ แล้วคณะรัฐมนตรีที่เหลืออยู่สิ้นสุดตามยิ่งลักษณ์หรือไม่ ?
คำตอบคือ เมื่อความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ความเป็นคณะรัฐมนตรีทั้งคณะก็ต้องสิ้นสุดลงไปด้วย ตามมาตรา 180 (1) ตามนี้
ฉะนั้นพวกรัฐบาลผีหัวขาด จงอย่าได้แถเพื่ออยู่ในตำแหน่งไปเรื่อย ๆ เพราะสุญญากาศทางการเมืองได้เกิดขึ้นแล้ว
และเมื่อยังไม่มีสภาผู้แทนราษฎร ก็ต้องเทียบเคียงกฎหมายในข้ออื่น ๆ ทดแทน ซึ่งหลักเทียบเคียงกฎหมายเขามีใช้กันทั่วโลก โดยไม่ต้องบัญญัติลงในรัฐธรรมนูญด้วยซ้ำ
แต่ประเทศไทยมันมีพวกศรีธนญชัยเยอะ ถ้าไม่มีเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญชัดเจน พวกศรีธนญชัยก็จะแถต่อไป
ก็ขนาดมีมาตรา 7 เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญชัดเจนว่า ถ้าไม่มีบทบัญญัติใดในรัฐธรรมนูญ ในมาตรา 7 ก็ให้ใช้ประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมาเทียบเคียงใช้แทน แต่พวกศรีธนญชัยยังจะแถไม่ยอมรับมาตรา 7 !!
ฉะนั้น เราต้องใช้มาตรา 7 มาประกอบเพื่ออนุญาตให้วุฒิสภาได้ทำหน้าที่แทนสภาผู้แทนราษฎร แล้วสรรหานายกรัฐมนตรีนใหม่ตามมาตรา 172 และ 173 โดยอนุโลม ตามที่เขียนไว้ในมาตรา 180
คลิกอ่าน นิวัฒน์ธำรง บิดเบือนคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น