คือพวกบ้าประชาธิปไตยแบบติ้นเขิน จะหลงเชื่อมายาคติที่ว่า การเลือกตั้ง คือ ประชาธิปไตย และ 1 สิทธิ 1 คนนั้นเท่ากัน
ที่จริงแล้วความเชื่อนั้นก็ไม่ได้ว่าผิด แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะถูกไปซะทีเดียว
นั่นเพราะประชาธิไตยที่คนไทยหลงใหล มันใช้หลักความเท่ากันในเชิงปริมาณ แต่มันกลับไม่เท่ากันในเชิงคุณภาพ
ตัวอย่างเช่น ธนบัตรใบละ 1 ดอลล่าห์ กับ ธนบัตรใบละ 20 บาท ก็มีจำนวน 1 ใบเท่ากัน แต่มูลค่าของเงินไม่เท่ากัน
สมองของไอน์สไตน์ กับสมองของยิ่งลักษณ์ ก็มี 1 สมองเท่ากัน แต่คุณภาพสมองนั้นไม่เท่ากัน
คนเราก็เช่นกัน แม้จะมี 1สิทธิ 1เสียงเท่ากัน แต่ระบบความคิดเพื่อช่วยประโยชน์ส่วนรวม หรือความมีจิตเพื่อสาธารณะของแต่ละคนกลับไม่เท่ากัน
ถามว่า ถ้าคุณเชื่อว่า ไม่ว่าจะยากดีมีจน หรือจะมีการศึกษาน้อยหรือการศึกษาสูง หรืออายุจะมากหรือน้อย ก็มีความเท่าเทียมกันในการมี 1 สิทธิ 1เสียง
ผมขอถามกลับว่า ถ้างั้นทำไมเราไม่ให้เด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี มีสิทธิเลือกตั้งด้วยเล่า
เพราะผมว่า เด็กไทยจำนวนมากฉลาดกว่ายิ่งลักษณ์ด้วยซ้ำ จริงไหม ?
และมีเด็กไทยจำนวนมากที่มีคุณธรรมสูงกว่าผู้ใหญ่ที่เล่นการเมืองหลายคนด้วยซ้ำ
แต่เด็กก็ยังไม่ได้รับสิทธิในการเลือกตั้ง ด้วยเหตุที่ผู้ใหญ่คิดเองเออเองแทนเด็กว่า วัยวุฒิ คุณวุฒิ การศึกษา และวุฒิภาวะของเด็กยังน้อยเกินไป
ผมขอบอกว่า การที่ไปห้ามเด็กต่ำกว่าอายุ 18 ปี ยังไม่มีสิทธิเลือกตั้งนั้น นั่นก็เท่ากับว่า คนเราไม่เท่าเทียมกันแล้วล่ะครับ เพราะผู้ใหญ่มากมายมีระบบความคิด และระบบคุณธรรมแพ้เด็กด้วยซ้ำ
ผมกลับคิดว่า เด็กต่างหากที่สมควรมีสิทธิเลือกตั้งยิ่งกว่าผู้ใหญ่ เพราะมีคนไทยจำนวนมากที่ยิ่งโตยิ่งชั่ว ยิ่งโตยิ่งเห็นแก่ตัวมากขึ้น ในขณะที่เด็กส่วนใหญ่ ผมมีความเชื่อว่า พวกเด็กๆ เขายังมีจิตสำนึกสาธารณะมากกว่าผู้ใหญ่ด้วยซ้ำ
ฉะนั้นไอ้ตรรกะ 1 สิทธิ 1 เสียงของคน ที่อ้างว่าเท่ากันนั้น ผมว่าหลอกตัวเองกันทั้งสิ้น
----------------------
ใจจริง คุณอยากเป็นคนส่วนใหญ่ หรือคนส่วนน้อยล่ะ ?
โลกเรานี้ มีคนจนมากกว่าคนรวย
ถามว่า คุณอยากเป็นคนจน หรืออยากเป็นคนรวย ?
โลกเรานี้ คนโง่มีมาก คนฉลาดอัจฉริยะมีน้อย
ถามว่า คุณอยากเป็นคนโง่ หรืออยากเป็นอัจฉริยะ ?
ที่จริงผมเข้าใจนะว่า หลักการ 1 สิทธิ 1 เสียง นั้น ที่จริงหมายถึง เพื่อให้คนจน มีสิทธิมีเสียงเท่าคนรวย คนเรียนน้อยมีสิทธิมีเสียงเท่าคนเรียนสูง คนไม่มีอำนาจก็มีสิทธิมีเสียงเท่าผู้มีอำนาจ
แต่ถามต่ออีกหน่อยว่า แล้วทำไมต้องจำกัดการเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลไทย ด้วยการกำหนดว่า ต้องมีการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี ??
แบบนี้ถือว่า เท่าเทียมกันหรือไม่ ?
คนที่ชอบอ้างว่า 1 สิทธิ 1 เสียงของคนเราเท่ากัน คุณคิดว่า คนที่จบปริญญาตรีจะฉลาดทุกคนจริงหรือ ?
และคนที่จบปริญญาตรีทุกคน จะต้องฉลาดกว่าคนที่ไม่จบปริญญาเลย จริงหรือ ?
ฉะนั้น แค่หลักคิดตรงนี้ก็ไม่เทียมกันจริง ๆ อีกแล้วครับ
ตัวอย่างเช่น ผมมั่นใจว่า โน๊ต เชิญยิ้ม น่าจะมีความรู้เรื่องความเป็นไทย เรื่องประเพณีวัฒนธรรมไทยดีกว่ารัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวที่ผ่าน ๆ มาของไทยอีกหลายคนด้วยซ้ำ ทั้ง ๆ ที่โน๊ต เชิญยิ้ม เรียนไม่จบ ป. 3 ด้วยซ้ำ
หากเราส่งเสริมเรื่อง ปราชญ์ชาวบ้าน ปราชญ์ท้องถิ่น เราก็ไม่ควรจำกัดการเป็นรัฐมนตรีตรงที่ต้องจบอย่างน้อยปริญญาตรีจริงหรือไม่ ?
แล้วถามหน่อย คุณเชื่อหรือว่า คุณภาพคนจบปริญญาตรีในไทยนั้นมีคุณภาพจริง ๆ เหรอ ?
ผมคนนึงล่ะไม่เชื่อ เพราะตั้งแต่คนที่จะ ป.ตรี จน ป.เอก สามารถไปจ้างคนอื่นทำวิทยานิพนธ์แทนกันได้ทั้งนั้น
ผมเคยเจอพวกจบปริญญาตรีมากมายโง่สุด ๆ เยอะแยะ ที่จบมาได้เพราะวิ่งเต้นอาจารย์ ลอกข้อสอบเพื่อน จ่ายใต้โต๊ะ จนกระทั่งมีคำพูดที่ว่า ขอเพียงคุณจ่ายเงินครบ รับรองเรียนจบแน่นอน
หรือกรณี บก.ลายจุด ที่ถือว่าเป็นพวกกลุ่มแดงอุดมการณ์ บก.ลายจุด ก็บอกเองว่า ตนเองนั้นไม่ได้จบปริญญาตรี และเรียนไม่จบ ม.6 ด้วยซ้ำ (บอกในรายการเจาะข่าวเด่น)
ผมว่า บก.ลายจุด น่ะฉลาดกว่าแกนนำเสื้อแดงและรัฐมนตรีจากเพื่อไทยหลายคนด้วยซ้ำ
แต่ บก.ลายจุด ก็ไม่มีสิทธิเป็นรัฐมนตรี เพียงเพราะ บก.ลายจุด ไม่จบปริญญาตรี
-----------------------
ชาวสวนยางมีจำนวนน้อยกว่าชาวนามาก แต่รายได้จากยางพารากลับทำรายได้เข้าประเทศมากกว่าการขายข้าว
แล้วถามว่า นโยบายของพรรคเพื่อไทยหมดเงินในโครงการจำนำข้าวไปร่วม ๆ 1 ล้านล้านบาท ขาดทุนชิพหายวายป่วง นี่คือนโยบายเพื่อความเท่าเทียมกันในอาชีพเกษตรกรหรือไม่ ?
พวกที่ชอบอ้างว่า 1 สิทธิ 1เสียงเท่ากันลองตอบมา ?
ผมว่า ประชาธิปไตยไทยหลายครั้งกลายเป็นว่า คนส่วนใหญ่กำลังรังแกคนส่วนน้อยมากกว่านะ
เรื่อง 1 สิทธิ 1 เสียง เท่ากันนั้นมันพูดไม่จบหรอกครับ เอาเป็นว่า ใครอยากเข้าใจอะไร ๆ อีกหลายอย่างมากกว่านี้
ผมแนะนำไปอ่านบทความสัก 3 เรื่อง
กรณีตัวอย่างประชาธิปไตยเหี้ย ๆ
เมื่อประชาธิปไตย ไม่เท่ากับ การเลือกตั้ง
ต้องมีหัวใจประชาธิปไตย ถึงจะเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง
ที่จริงมีคำอธิบายอีกมากมายหลายบทความ แต่ผมว่า เอาแค่ 3 บทความนี้ก็พอมองออกมากขึ้นแล้วครับ
--------------------------
ทองคำมูลค่า 100 บาท ไม่เท่ากับทองคำหนัก 100 บาท
นี่คือตัวอย่างของคนที่อ่านไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียด
เครื่องดื่มยี่ห้อนึง เขาเขียนว่า แจกทองคำมูลค่า 100 บาท แต่มีคนไทยจำนวนไม่น้อยกลับตีความว่า ตนเองโดนโกง เพราะตนเองควรจะได้ทองคำหนัก 100 บาท
นี่แหละครับ คนไทย 1 คน 1 สิทธิ นั้นมันไม่เท่ากันจริง ๆ
ก็ขนาดชาวนาในเชียงใหม่ ยังมีอภิสิทธิ์เหนือกว่าชาวนาทุกจังหวัดเลยครับ เชื่อไหม ?
เพราะชาวนาเชียงใหม่จะได้เงินจำนำข้าวก่อนชาวนาทั่วประเทศทุกครั้งไป
-----------------------------
ก่อนจบบทความ ผมจะยกตัวอย่างเพื่อให้คุณเห็นภาพชัดเจนขึ้น
1 สียงของทักษิณ เท่ากับ เสียงของสมาชิกพรรคเพื่อไทยทั้งพรรคหรือไม่ คุณคิดว่าเสียงของใคร หรือ เสียงไหน มีอำนาจจัดการพรรคเพื่อไทยได้มากกว่า ??
ถ้าใครยังตอบไม่ได้ลองอ่านบทความตามลิงค์ข้างล่างต่อไป
คลิกอ่าน เมื่อประชาธิปไตยไทยไม่เท่ากับการเลือกตั้ง
คิดเหมือนกัน http://chn.ge/sfrg
ตอบลบสงสัยต้องสอบวัดระดับว่า ใครคนไหนควรมีกี่เสียงซีแบบนี้ ฮี่ๆ
ตอบลบไม่ใช่ครับ บทความนี้กำลังจะอธิบายความว่า บางสิ่ง บางเรื่อง อาจถูกต้องในบางที่บางแห่ง แต่อาจไม่ถูกต้องเสมอไปในบางแห่ง ทั้งหมดต้องพิจารณาหลายองค์ประกอบครับ
ลบ