วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ดูจะจะ คำตัดสินศาลโลกรับรองแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนให้เขมรแล้ว







ผมได้เห็นพาดหัวข่าวจากสื่อหลายสำนัก พาดหัวว่า "คนกันทรลักษณ์เฮ หลังคำตัดสินศาลโลก"

ผมล่ะเชื่อแล้วจริง ๆ ว่า คนกันทรลักษณ์เป็นพวกที่ ถ้าไม่โดนเขมรเยี่ยวรดหัวนอนไม่หลั่งน้ำตาจริง ๆ เพราะยังไม่ทันจะรู้เรื่องอะไรให้ถ่องแท้ ก็รีบเฮดีใจซะแล้ว

แต่ก็อย่างว่า ยังมีคนไทยอีกมากมายที่พาซื่อเชื่อคำพูดนายกฯ ยิ่งลักษณ์ว่า ไทยเราไม่เสียพื้นที่ 4.6 ตร.กม.แน่นอน ก็เพราะท่านทูตวีระชัย ออกมาย้ำหลายครั้งว่า เขมรไม่ได้ 4.6 ตร.กม.ตามที่ร้องขอ

(ไม่ได้เสีย 4.6 ตร.กม.แน่นอน แต่จะเสียเกินกว่า 4.6 ตร.กม.น่ะสิ ใช่ไหม ?)

เฮ่อ.. เหนื่อยใจจริง ๆ แม้แต่ท่านทูตวีระชัยก็ยังปกปิดความจริง เพื่อเอาตัวรอดและเพื่อช่วยรัฐบาลชั่วหลอกคนไทยได้อีก

สังเกตได้จากทีมทนายฝรั่งที่ไทยจ้างมา ตอนนั่งฟังคำพิพากษาในศาลโลก หน้าตาเคร่งเครียดมาก ดูก็รู้ว่า แค่มองหน้าทีมทนายก็รู้ว่าไทยแพ้แน่นอน

ในขณะที่สื่อเขมรตีข่าวชัยชนะอีกครั้งของเขมรเหนือไทย ฮุนเซ็นก็ประกาศชัยชนะ สื่อทั้งโลกก็บอกเขมรชนะ

แต่รัฐบาลไทยโดยนายกยิ่งลักษณ์ และไอ้ปึ้ง สุรพงษ์ กลับบอกว่า ไทยไม่แพ้

---------------------

พื้นที่เล็ก ๆ กับการเจรจา

ตอนนี้ท่านทูตวีระชัย พยายามเกาะคำว่า พื้นที่เล็ก ๆ ที่ศาลโลกใช้ เพื่อจะสื่อว่าแค่เสียพื้นที่เล็กๆ นิดเดียวไม่เป็นไรหรอก เพื่อสันติภาพ เพื่อภราดรภาพ เพื่อมรดกโลกของเขมรฝ่ายเดียว

แต่เมื่อถามว่า พื้นที่เล็ก ๆ น่ะแค่ไหน ?

ทุกคนในรัฐบาล รวมทั้งท่านทูตวีระชัย ก็จะตอบไปในทิศทางเดียวกันว่า ต้องไปเจรจากับกัมพูชาก่อน ตามคำแนะนำของศาลโลก

แล้วรัฐบาลไทย นักวิชาการฝั่งรัฐบาล ก็จะอธิบายความเข้าข้างตัวเองว่า ไทยคงเสียพื้นที่แค่นิดเดียวเท่านั้น แต่นี่เป็นเพียงความคิดฝ่ายเดียวของไทยเท่านั้น

ซึ่งรัฐบาลกัมพูชามันคงไม่คิดเหมือนที่รัฐบาลไทยคิดแน่นอน เพราะตามสันดานเขมร มันได้คืบจะเอาศอก

ก็ถึงขนาดฮุนเซ็นได้ประกาศว่า ศาลโลกรับรองแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนของกัมพูชาแล้ว มีหรือที่เขมรมันจะใจดีเอาแค่พื้นที่เล็กมาก ๆ เหมือนอย่างที่ฝ่ายไทยคิด

ไม่มีทางซะหรอก เพราะศาลโลกแนะนำว่า ให้ไทยไปเจรจากับเขมรและให้ฟังคำแนะนำจากยูเนสโก

สมมุติถ้าไทยกับเขมรเจรจาตกลงกันไม่ได้ในเรื่อง "บริเวณรอบปราสาท"

แล้วให้ยูเนสโกช่วยแนะนำตัดสิน ก็เท่ากับยิ่งเข้าทางเขมรทันที เพราะทั้งยูเนสโกและศาลโลกเอียงเข้าข้างเขมรอย่างชัดเจน

-----------------------

พลเอกประยุทธ ผบ.ทบ. ยกภูมะเขือให้เขมรไปแล้ว

ดูจากข่าว เมื่อนักข่าวถามบิ๊กตู่ว่า ศาลไม่ได้บอกว่า ภูมะเขือเป็นของเขมร ท่านจะผลักดันทหารเขมรออกจากภูมะเขือไหม ?

ผบ.ทบ.ตุ๊ดตู่ ก็ทำท่ายัวะใส่นักข่าว แล้วตอบว่า ทหารเขมรเขาก็อยู่ในที่ ๆของเขาแล้ว และศาลไม่ได้ตัดสินว่าภูมะเขือเป็นของใครกันแน่

ส่วนท่านทูตวีระชัย ก็ย้ำเหลือเกินว่า เขมรไม่ได้ภูมะเขือไป แต่ในความเป็นจริง ภูมะเขือทหารเขมรยึดครองไว้หมดแล้วครับ

และไม่มีทางที่ทหารไทยยุคนี้จะไปผลักดันให้ทหารเขมรออกจากภูมะเขือแน่นอน

---------------------------

พิรุธในการเลือกองค์คณะผู้พิพากษาศาลโลก

องค์คณะผู้พิพากษาศาลโลกมีทั้งหมด 15 คน โดยที่จะต้องไม่มีชาติที่ซ้ำกันเลย

แต่กัมพูชากับไทยมีสิทธิเลือกผู้พิพากษาได้ชาติละ 1 คน ซึ่งกัมพูชาได้เลือกผู้พิพากษาชาวฝรั่งเศสไปอีก 1 คน

ส่วนไทยก็ดันไปเลือกผู้พิพากษาเป็นชาวฝรั่งเศสอีก 1 คนเช่นกัน ทั้ง ๆ ที่ชาติฝรั่งเศสเปรียบเสมือนฝ่ายตรงข้ามกับไทยมาตั้งแต่คดีในปี 2505

ทำให้คณะผู้พิพากษาทั้ง 15 คน จึงมีผู้พิพากษาชาวฝรั่งเศสมากถึง 3 คน (เดิมมีผู้พิพากษาชาวฝรั่งเศสอยู่ในองค์คณะอยู่แล้ว1คน)

จึงเท่ากับว่า ผู้พิพากษาชาวฝรั่งเศสมีมากถึง 20% จากจำนวนผู้พิพากษา 15 คน

ทำให้โอกาสที่ผู้พิพากษาชาวฝรั่งเศสจะช่วยกันล็อบบี้คำตัดสินให้โน้มเอียงเข้าข้างกัมพูชาก็จะมีน้ำหนักมากขึ้น

เราอย่าลืมว่า ศาลโลกนั้นมีการเล่นการเมืองภายในเช่นกัน

ถามว่า ทำไมฝ่ายไทยเสือกไปเลือกผู้พิพากษาชาวฝรั่งเศสด้วย ?!

-----------------------------

คำตัดสินศาลโลก จะทำให้กัมพูชายึด 4.6 ตร.กม.ได้ทั้งหมด

ทำไมฮุนเซ็นกล้าประกาศว่า ศาลโลกได้รับรองแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนแล้ว ?

ในขณะที่ท่านทูตวีระชัย พยายามบอกว่าศาลโลกไม่ให้ความสำคัญกับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ?

ผมว่า ท่านทูตวีระชัยกำลังพยายามจะปกปิดความจริงข้อนี้ ทำเหมือนกับว่า มีท่านเพียงคนเดียวในประเทศไทยที่ตีความคำตัดสินของศาลโลกถูกต้องเพียงคนเดียว

ซึ่งในความจริง หลังจากจบคำตัดสินของศาลโลกแล้ว ผมกลับเห็นว่า ท่าทีของท่านทูตวีระชัยเปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม เหมือนจะกำลังปกปิดความจริงกับคนไทยเพื่อเอาตัวรอด

ทีนี้มาดูส่วนหนึ่งในคำตัดสินของศาลโลกเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2556 ในหน้าที่ 28 ตามนี้





คำแปล

ประการที่ 2 .แผนที่ภาคผนวก 1 นั้น เป็นเหตุผลหลัในการที่ศาลพิพากษา หลังจากที่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของแผนที่นั้น และดูผลความเกี่ยวเนื่องกับสนธิสัญญา ศาลได้กล่าวว่า ประเด็นที่แท้จริงที่มีต่อศาลคือว่า ซึ่งคือประเด็นหลักในคดีนี้คือ คู่ความได้รับรองแผนที่ภาคผนวก 1 และเส้นแบ่งเขตแดนในนั้น เป็นผลของคณะกรรมการปักปันเขตแดนในบริเวณปราสาทพระวิหาร และมีผลผูกพันหรือไม่

ศาลได้ดูพฤติกรรมของคู่ความในการเข้าไปเยี่ยมชมพื้นที่ดังกล่าว โดยเฉพาะ พระยาดำรงเดชานุภาพ ในการเสด็จเยือนพื้นที่ดังกล่าวในปี 1930 เมื่อมีเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสต้อนรับ ศาลเห็นว่าพฤติการณ์ดังกล่าวนั้น เหมือนกับเป็นการยอมรับโดยทางอ้อมของสยาม ในอธิปไตยของปราสาทพระวิหาร เหตุการณ์ดังกล่าว รวมทั้งพฤติการณ์อื่นๆ ของประเทศไทยในเวลาต่อมา ก็ถือเป็นการยืนยันของการยอมรับของประเทศไทยในทุกเส้นแบ่งแดนในภาคผนวก 1 ศาลได้กล่าวว่า ประเทศไทย ในปี 1908 1909 ได้ยอมรับแผนที่ภาคผนวก 1 ให้ถือว่าเป็นผลของการทำงานของคณะกรรมาธิการปักปันเขตแดน และได้ยอมรับเส้นแบ่งเขตแดนดังกล่าวว่า เป็นเส้นแบ่งเขตแดน ซึ่งนำไปสู่การวินิจฉัยว่า ปราสาทพระวิหารอยู่ในกัมพูชา

การยอมรับแผนที่ภาคผนวก 1 โดยคู่ความทั้งสองนั้น ทำให้แผนที่ภาคผนวก 1 ถือส่วนหนึ่งของสนธิสัญญา


------------------------

จากคำพิพากษาของศาลโลกคราวนี้ คุณเห็นแล้วรึยังว่า ศาลให้ความสำคัญกับแผนที่แอนเนก หรือแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนอย่างมาก ถึงขนาดศาลบอกว่า แผนที่1 ต่อ2แสน ถือเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญา

เพียงแต่ศาลระบุเพียง จะใช้แผนที่นี้ในการพิจารณาเฉพาะพื้นที่คดีพิพาทเขาพระวิหารเท่านั้น ศาลไม่ได้ล่วงมากไปกว่าคำพิพากษาเดิม

ซึ่งก็แปลว่า กัมพูชายังสมารถนำแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนไปใช้ในการปักปันเขตแดนกับไทยต่อได้ จริงไหม ?

แต่ท่านทูตวีระชัยพยายามโกหกว่า ไทยไม่เสียพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงกัมพูชาจะนำคำพิพากษาในเรื่องแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนมาใช้ในการยึดครองพื้นที่ 4.6 ตร.กม.แน่ ๆ

และแม้แต่ในการปักปันเขตแดนร่วมกันของไทย-กัมพูชา กัมพูชาก็จะนำแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนมาใช้เจรจาอย่างแน่นอน นั่นจะทำให้ไทยเราอาจต้องเสียแผ่นดินอีก 1.8 ล้านไร่ในภาคอีสานใต้ รวมถึงอาจจะเสียปราสาทตาพรหม ปราสาทตาควาย เพราะอยู่ในเขตแดนเขมรตามแผนที่ 1 ต่อ 2แสน รวมไปถึงเสียผลประโยชน์ในอ่าวไทยในกาลต่อมาแน่นอน

ยิ่งถ้ามีรัฐบาลที่เป็นขี้ข้าของทักษิณ ก็ยิ่งสมประโยชน์กับฮุนเซ็น


-----------------------

ไทยจะเสียดินแดนจริงๆ หรือไม่ ขึ้นอยู่กับ




ส่วนคำแนะนำของสว.คำนูณ สิทธิสมาน ได้อภิปรายในสภาว่า ไทยจะต้องไม่พูดว่า เราจะไม่ทำตามคำสั่งศาลโลก หรือพูดว่าจะทำตามคำสั่งศาลโลก

หมายถึง ให้เราลืมเรื่องนี้ไปเลย เหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนครับ


สุดท้ายขอแนะนำว่าใครยังไม่ได้อ่านบทความเรื่อง ไทยแพ้คดีเขาพระวิหารภาค 2 แล้ว กรุณากลับไปย้อนอ่านด้วยนะครับ

คลิกอ่าน ไทยแพ้คดีเขาพระวิหารภาค 2 แล้ว







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น