วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

นพดล ปัทมะ ผู้ยกตัวปราสาทเขาพระวิหารให้เขมรไปตลอดกาล






บทความนี้ผมจะอธิบายอย่างง่าย ๆ ว่า การแถลงการณ์ร่วมของนายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศในยุครัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ได้ยกตัวปราสาทเขาพระวิหารให้เป็นของเขมรไปตลอดกาลอย่างไร

กล่าวคือ ในคำตัดสินของศาลโลกเมื่อพ.ศ. 2505 แม้ศาลโลกจะตัดสินให้ตัวปราสาทเขาพระวิหารอยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชาก็ตาม

แต่ประเทศไทยก็ได้สงวนสิทธิในการที่จะในการหาหลักฐานใหม่ เพื่อฟ้องร้องเป็นคดีใหม่ ย้ำ !! คดีใหม่ เพื่อทวงคืนปราสาทเขาพระวิหารคืน ซึ่งการสงวนสิทธินี้ไม่มีอายุความ

หมายถึง หากไทยได้หลักฐานใหม่ก็สามารถฟ้องร้องเป็นคดีใหม่ในการทวงคืนปราสาทเขาพระวิหารได้

แต่นายนพดล ปัทมะ ดันไปเซ็นยกตัวปราสาทเขาพระวิหารให้กัมพูชาไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกฝ่ายเดียวแล้ว

โดยนายนพดลได้อ้างว่า ได้ช่วยรักษาดินแดน 4.6 ตร.กม.ให้ไทย เพราะได้พยายามขอให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทเท่านั้น นั่นแสดงว่า กัมพูชาได้ยอมรับว่า ตัวปราสาทเขาพระวิหารเท่านั้นที่เป็นของกัมพูชา แต่พื้นที่ 4.6 ตร.กม. รอบปราสาทนั้นเป็นของไทย

แต่ !! ที่อ้างมาทั้งหมด นายนพดล ปัทมะ โกหก!!

---------------

เพราะปราสาทเขาพระวิหาร ตอนนี้ยังเป็นแค่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกเท่านั้น แต่ยังไม่ได้เป็นมรดกโลกอย่างเป็นทางการ

เพราะเขมรยังไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ร่วมในประวัติศาสตร์ พื้นที่เขตกันชน และพื้นที่บริหารจัดการรอบปราสาทให้แก่คณะกรรมการมรดกโลกได้

เขมรมันเลยต้องการพื้นที่รอบตัวปราสาทเขาพระวิหารอีก 4.6 ตร.กม. เพื่อให้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้อย่างสมบูรณ์

ฉะนั้นที่นายนพดล ปัมทะ อ้างว่าเขมรขอขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทเท่านั้น จึงเป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น ครับ

----------------

มาตรา 190 ไม่อาจยับยั้ง แถลงการณ์ร่วมนพด กับกัมพูชาได้

รธน. 2550 ในมาตรา 190 ที่ว่า สนธิสัญญาใด ๆ ที่เกี่ยวกับอาณาเขตแดน ที่ไทยจะทำกับต่างประเทศ ต้องผ่านสภาก่อน

แต่นายนพดล ปัทมะ ไปเซ็นแถลงการณ์ร่วมกับกัมพูชา โดยไม่นำเรื่องเข้าสู่สภาตามมาตรา 190 ก่อน

แม้แถลงการณ์ร่วมของนายนพดลกับกัมพูชา จะขัดรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 190 ก็ตาม

แต่มาตรา 190 ก็ไม่อาจยับยั้งแถลงการณ์ร่วมในการที่กัมพูชานำไปใช้เป็นหลักฐานในการขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้เลย เพราะคณะกรรมการมรดกโลกเขาไม่สนการเมืองภายในของไทย เขาสนแต่เอกสารที่รัฐบาลไทยประทับรับรองมาแล้วเท่านั้น

เพราะสุดท้ายกัมพูชาก็ยังนำแถลงการณ์ร่วมของนายนพดล ไปประกอบเอกสารในการขอยื่นจดทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก เพื่อให้คณะกรรมการมดกโลกเห็นว่า ไทยได้ยอมรับให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารได้เพียงฝ่ายเดียวแล้ว

และกัมพูชา ก็กลับนำแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนไปประกอบการขึ้นทะเบียนมรดกโลกด้วย

ซึ่งกัมพูชาไม่ได้ใช้แผนที่ที่นายพดลอ้างเองว่า กัมพูชาจะใช้แผนที่ที่มีเพียงตัวปราสาทเท่านั้น

--------------

สรุปให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ กัมพูชาไม่ได้ขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกเฉพาะตัวปราสาทเท่านั้น ตามที่นายนพดลอ้าง

แต่กัมพูชาก็ยังใช้แถลงการณ์ร่วมของนายนพดล ที่ยินยอมให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนมรดกโลกฝ่ายเดียว ไปใช้ร่วมกับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนแทนแผนที่ที่นายนพดลอ้างว่า เป็นแผนที่ที่กัมพูชาจะใช้ขึ้นเฉพาะตัวปราสาทเท่านั้น

ฉะนั้นมี 2 เหตุผลที่ทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้นก็คือ

1. นายนพดลมันโง่ โดนกัมพูชาหลอกใช้ ให้เซ็นยินยอมให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียว หรือไม่ก็

2. นายนพดลขายชาติ ยอมร่วมมือกับกัมพูชา ทำให้ไทยเสียตัวปราสาทเขาพระวิหารไปตลอดกาล และไปเปิดช่องให้กัมพูชานำแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนไปอ้างขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้

----------------------

คำแก้ตัวของนายนพดลเรื่อง อายุความการสงวนสิทธิของไทย

นายนพดล อ้างว่า การสงวนสิทธิของไทยได้หมดอายุความไปแล้ว เพราะการสงวนสิทธิมีอายุความเพียง 10 ปี

แต่นั่นเป็นการตีความที่ผิด ๆ ของนายนพดลกับนักวิชาการขายชาติบางคน

เพราะถ้าเป็นการสงวนสิทธิในการคัดค้านหรือให้ศาลทบทวนในคำพิพากษาเดิมพ.ศ. 2505 จะมีอายุความแค่ 10 ปีเท่านั้น

แต่.. การสงวนสิทธิในการฟ้องร้องเป็นคดีใหม่ ด้วยหลักฐานใหม่ ซึ่งไม่เกี่ยวกับคำพิพากษาเดิมนั้น จะไม่มีอายุความ

ซึ่งเรื่องอายุความในการสงวนสิทธิฟ้องร้องคดีใหม่ไม่มีหมดอายุความนั้น ได้รับการยืนยันโดยนายสมปอง สุจริตกุล เอกอัครราชทูตไทยประจำเนเธอร์แลนด์ และเป็น 1 ในทีมทนายความของไทยเมื่อปี 2502-2505

ซึ่งมีแต่พวกโง่เท่านั้นที่เชื่อข้ออ้างของนายนพดล

-----------------------

ยิ่งเมื่อการตีความเรื่องอายุความของฝ่ายนายนพดล ปัทมะ กับ ทนายสมปอง สุจริตกุล ทนายความฝ่ายไทยในคดีนี้เมื่อปี 2505 ยังไม่ตรงกัน

ตามหลักการที่ถูกต้อง เรื่องแถลงการณ์ร่วมของนายนพล ยิ่งไม่ควรผลีผลามกระทำไปโดยพลการ เพราะนายนพดลจะเร่งรีบไปเซ็นให้เขมรไปขึ้นทะเบียนตัวปราสาททำไม ถ้าไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง

เพราะการยอมให้เขมรไปขึ้นทะเบียนแม้แค่ตัวปราสาท ก็เท่ากับว่า ไทยได้ยกตัวปราสาทให้เขมรไปโดยปริยาย

ซึ่งควรมาถกประเด็นเรื่องอายุความในการสงวนสิทธิให้ชัดเจนเสียก่อน และควรนำเรื่องนี้เข้าสู่สภาตามมาตรา 190

แต่นายนพดล กลับไปเซ็นแถลงการณ์ร่วมโดยพลการ แถมอ้างเองเออเองว่า การสงวนสิทธิของไทยหมดอายุความไปแล้ว

นี่เท่ากับว่า นายนพดล ได้ทำให้ไทยต้องเสียสิทธิในการสงวนสิทธิในการฟ้องร้องคดีใหม่ด้วยหลักฐานใหม่ไปแล้ว

จึงเท่ากับว่า นายนพดล ปัทมะ คือคนยกตัวปราสาทเขาพระวิหารให้กัมพูชาไปตลอดกาล ทำให้ไทยหมดสิทธิที่จะไปฟ้องร้องทวงคืนตัวปรราสาทด้วยคดีใหม่ หลักฐานใหม่ได้อีกแล้ว

------------------------

แปลความง่าย ๆ ว่า นายนพดล ปัทมะ ทำให้ไทยเสียตัวปราสาทเขาพระวิหารไปตลอดกาล ไทยไม่มีสิทธิทวงคืนอีก

แถมการเซ็นแถลงการณ์ร่วมของนายนพดล คราวนั้น ทำให้เขมรมันฮึกเหิมไปเรียกร้องให้ศาลโลกตีความเรื่องแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนอีกครั้ง เพื่อหวังยึดดินแดนไทยเพิ่มอีก


คลิกอ่าน จับผิดคำพูดนพดล ปัทมะ

คลิกอ่าน เขมรขึ้นทะเบียนมรดกโลกสำเร็จเพราะนพดล





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น