วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ฟ้าหญิงเล็กเจตนาดีเรื่องข้าวไทยต่อคนไทยในต่างประเทศ





ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ทรงยกมือไหว้ขอบคุณประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จและอุดหนุนซื้อสร้อยเพื่อนำรายได้ไปช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ยากไร้ของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ระหว่างเสด็จเยือนราชอาณาจักรสวีเดน

บทความนี้ ผมเขียนเพื่อจะวิเคราะห์ว่า ที่ฟ้าหญิงเล็กทรงมีรับสั่งเกี่ยวกับข้าวไทยไร้สารพิษแก่คนไทยในต่างประเทศ ในขณะที่ทรงเสด็จเยือนสวีเดนนั้น

ผมคาดว่า ฟ้าหญิงทรงห่วงคนไทยในต่างประเทศจะตื่นตระหนกหวั่นเกรงข่าว ข้าวไทยมีสารตกค้างปนเปื้อน ซึ่งจะทำให้คนไทยในต่างประเทศจะไม่กล้าซื้อข้าวไทยกิน พระองค์จึงทรงรับสั่งเพื่อให้คนไทยมั่นใจในข้าวไทยต่อไป

ซึ่งตามหลักแล้ว คนไทยในต่างประเทศคงไม่ต้องห่วงเรื่องข้าวไทยที่วางขายในต่างประเทศมากนัก เพราะมาตรฐานการส่งออกข้าวไทย ผู้ส่งออกข้าวไทยต้องส่งออกข้าวให้ได้มาตรฐานตามที่แต่ละประเทศกำหนดไว้

(ฟ้าหญิงทรงเตือนให้ควรระวังข้าวต่างชาติแอบอ้างเป็นข้าวไทยจะดีกว่า)

และที่มีข่าวลือเรื่องสารตกค้างในข้าวไทยนั้น มันเป็นเรื่องที่น่าห่วงเฉพาะข้าวที่ขายในประเทศไทยต่างหาก

เพราะมาตรฐานและความน่าเชื่อถือของระบบราชการไทย และอิทธิพลทางการเมืองอาจบิดเบือนข้อมูลที่แท้จริงแก่คนไทยได้ รวมทั้งพ่อค้าข้าวในไทยเชื่อถือได้แค่ไหน?

การที่ฟ้าหญิงรับสั่งถึงข้าวไทยนั้น ทรงหมายถึง ข้าวไทยมาตรฐานส่งออก ซึ่งไม่เกี่ยวกับข้าวที่ขายในประเทศแต่อย่างใด

ที่สำคัญฟ้าหญิงทรงรับสั่งถึงเรื่อง สารหนูในธรรมชาติที่ปนเปื้อนในขั้นตอนการปลูกข้าว ซึ่งไม่เกี่ยวกับขั้นตอนการรมสารเคมีเพื่อป้องกันแมลง มอด ในโกดังข้าวโครงการรับจำนำแต่อย่างใด

ฉะนั้น ข่าวเรื่องฟ้าหญิงจุฬาภรณ์รับสั่งเรื่องข้าวไทยไร้สารพิษนั้น จึงไม่เกี่ยวกับข้าวในโครงการจำนำข้าวของรัฐบาล ที่มีข่าวรมสารเคมีจำนวนมาก

(เพราะมาตรฐานสารตกค้างในข้าวที่ขายในไทย กำหนดค่าไว้สูงกว่าต่างประเทศ หมายถึง อนุญาตให้มีสารตกค้างในข้าวมากกว่าที่ต่างประเทศกำหนด)

หากพวกเสื้อแดงนำรับสั่งของฟ้าหญิงไปใช้สนับสนุนเรื่องข้าวในโครงการจำนำข้าวล่ะก็ ผมว่าเสื้อแดงกำลังบิดเบือนเจตนาของพระองค์

คลิกอ่าน ผมไม่เชื่อข้าวไทยไร้สารพิษ ตามที่ฟ้าหญิงเล็กตรัส

คลิกอ่าน ข้าวรมควันพิษ คืออะไร ?

------------------------

โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทำลายโอกาสข้าวไทยอย่างไร ?

เพราะข้าวไทยแพงขึ้นกว่าข้าวของคู่แข่งในตลาดโลกอยู่มาก จึงทำให้ชาวต่างชาติจึงไปทดลองซื้อข้าวคู่แข่งของไทยไปทดลองกินดู

ซึ่งหากชาวต่างชาติ เกิดถูกปากถูกใจข้าวต่างชาติ หรือแม้แค่ชาวต่างชาติรู้สึกว่ารสชาติและคุณภาพข้าวไทยกับข้าวคู่แข่งของไทยต่างกันไม่มาก แต่ราคากลับต่างกันมาก ก็จะทำให้ต่อไปไทยจะเสียลูกค้าเหล่านี้ไป

กระแสข่าว ข้าวไทยเหลือค้างโกดังจำนวนมาก ย่อมทำให้ชาวต่างชาติอาจหวั่นเกรงคุณภาพข้าวไทยก็เป็นไปได้

และที่สำคัญ ข้าวที่อร่อยที่สุดในโลกประจำปี พ.ศ.2554 เป็นข้าวพม่า และข้าวที่อร่อยที่สุดในโลกประจำปี พ.ศ.2555 ก็เป็นข้าวเขมร

ยิ่งมีข่าวว่า ญี่ปุ่นหันไปซื้อข้าวพม่าแทนข้าวไทย เพราะญี่ปุ่นเชื่อว่า ข้าวพม่าใช่สารเคมีน้อยกว่าไทย ก็ย่อมทำให้ภาพลักษณ์ข้าวไทยในสายตาญี่ปุ่นเสียไปด้วย

แถมล่าสุด ก็มีข่าวว่าบรูไน หันไปซื้อข้าวหอมของเขมรเหมือนกัน นี่แหละ ตลาดข้าวไทยเริ่มเจอคู่แข่งมากขึ้นแล้วครับ


คลิกอ่าน โครงการจำนำข้าว 2 ปีแรก ที่สุดแล้วจะขาดทุนมากแค่ไหน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น