เพราะบล็อคมุมมองใหม่เมืองเอก ลิงค์มักมีปัญหาไลค์ไม่ได้ เลยมาเปิดบล็อคใหม่อันนี้แทนครับ
วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2557
งบประมาณเพื่อเทิดทูน พิทักษ์ สถาบันพระมหากษัตริย์ปี 2558 สูงเกินไปหรือไม่ ?
พวกล้มเจ้าและพวกที่ไม่จงรักภักดีสถาบันพระมหากษัตริย์ ชอบที่จะหยิบประเด็นเรื่อง งบประมาณแผ่นดินเพื่อเทิดทูน พิทักษ์ สถาบันกษัตริย์ มาโจมตีสถาบันฯ ทุกปี
แค่ชื่องบ อีปวิณก็บิดเบือนแล้ว
อย่างเช่นปีงบประมาณ ๒๕๕๘ นี้ งบประมาณเพื่อเทิดทูน พิทักษิณสถาบันพระมหาษัตริย์ มีมากถึง ๑๗,๒๖๘,๒๕๖,๒๐๐ บาท (อ่านว่า หนึ่งหมื่นเจ็ดพันสองร้อยหกสิบแปดล้านสองแสนห้าหมื่นหกพันสองร้อยบาท)
เฉลี่ยวันละ ๔๗,๓๑๐,๒๙๐ บาท
ชั่วโมงละ ๑,๙๗๑,๒๖๒ บาท
นาทีละ ๓๒,๘๕๔ บาท
วินาทีละ ๕๔๗ บาท
แน่นอนคนไทยหนักแผ่นดินพวกนี้ มันไม่ต้องการให้มีสถาบันพระมหากษัตริย์บนแผ่นดินนี้อยู่แล้ว มันย่อมโจมตีว่า งบประมาณส่วนนี้แพงเกินไป
แต่ผมขอบอกก่อนว่า นี่ไม่ใช่เงินที่ให้ในหลวงนะครับ แต่เป็นงบประมาณที่แบ่งไปให้หน่วยงานราชการทุกหน่วยทั่วประเทศ เพื่อนำไปใช้ในกิจการที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งหมด
ถามว่า เงินงบประมาณหนึ่งหมื่นเจ็ดพันกว่าล้านบาท นี้ เป็นงบกี่เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับงบประมาณแผ่นดินประจำปี 2558 ?
ขอตอบว่า เป็นงบประมาณ ๖.๗ % ของงบประมาณแผ่นดินปี ๒๕๕๘ ครับ เพราะงบประมาณแผ่นดินปี ๒๕๕๘ มีจำนวนทั้งสิ้น ๒,๕๗๕,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (อ่านว่า สองล้านห้าแสนเจ็ดหมื่นห้าพันล้านบาท)
หากเรามองว่า เป็นงบประมาณเพื่อสถาบันหลักของชาติ อย่างเช่น สถาบันพระมหากษัตริย์ ใช้งบเพียง ๖.๗ % เท่านั้น ถ้าคนรักสถาบันพระมหากษัตรยิ์ก็คงมองว่า งบปกติ แต่ถ้าคนที่ไม่จงรักภักดี มันย่อมมองว่า สิ้นเปลือง
ทีนี้เรามาดูว่า มีหน่วยราชการใดได้งบประมาณเทิดทูนพิทักษฺสถาบันพระมหากษัตริย์ ไปหน่วยงานละเท่าไหร่ครับ
กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ
มาตรา ๔ (๑) ค่าใช้จ่ายตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ๒,๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
มาตรา ๔ (๒) ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเสด็จพระราชดำเนินและต้อนรับประมุขต่างประเทศ ๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
มาตรา ๕ ข้อ ๑ (๑) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ๑๓๕,๙๔๖,๑๐๐ บาท
สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
มาตรา ๕ ข้อ ๔ (๑) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ๕,๕๖๑,๘๓๘,๘๐๐ บาท
สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
มาตรา ๖ ข้อ ๑ (๓) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ๘๘๘,๗๙๔,๗๐๐ บาท
กรมราชองครักษ์
มาตรา ๖ ข้อ ๒ (๑) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ๖๑๙,๔๗๒,๗๐๐ บาท
กองบัญชาการกองทัพไทย
มาตรา ๖ ข้อ ๓ (๔) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ๙๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท
กองทัพบก
มาตรา ๖ ข้อ ๔ (๔) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ๓๐๙,๕๐๐,๐๐๐ บาท
กองทัพเรือ
มาตรา ๖ ข้อ ๕ (๔) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ๑๒,๒๔๖,๑๐๐ บาท
กองทัพอากาศ
มาตรา ๖ ข้อ ๖ (๔) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ๓๕,๓๐๐,๐๐๐ บาท
สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย
มาตรา ๑๗ ข้อ ๑ (๓) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ๗๐,๑๖๒,๘๐๐ บาท
กรมโยธาธิการและผังเมือง
มาตรา ๑๗ ข้อ ๖ (๓) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ๘๖๕,๓๐๐,๐๐๐ บาท
สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน
มาตรา ๑๙ ข้อ ๑ (๕) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ๕,๑๑๒,๐๐๐ บาท
กรมการจัดหางาน
มาตรา ๑๙ ข้อ ๒ (๔) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท
กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
มาตรา ๑๙ ข้อ ๓ (๓) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ๓๓,๘๗๒,๒๐๐ บาท
สำนักราชเลขาธิการ
มาตรา ๒๕ ข้อ ๑ (๑) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ๘๒๙,๕๐๓,๗๐๐ บาท
สำนักพระราชวัง
มาตรา ๒๕ ข้อ ๒ (๑) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ๓,๓๒๗,๐๕๕,๓๐๐ บาท
สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
มาตรา ๒๕ ข้อ ๔ (๑) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ๖๗๒,๐๔๙,๔๐๐ บาท
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
มาตรา ๒๕ ข้อ ๗ (๔) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ๕๐๑,๑๐๒,๔๐๐ บาท
------------------
จากที่ผมนำตัวเลขงบที่หน่วยงานราชการได้รับไป มีเพียงสำนักราชเลขาธิการ และสำนักพระราชวัง ที่เกี่ยวข้องกับพระบรมวงศานุวงศ์โดยตรง แต่นี่คือรวมเงินที่ถวายให้พระบรมวงศานุวงศ์ประจำปี เงินเดือนข้าราชการในสำนักพระราชวัง เงินซ่อมบำรุงพระราชวังต่าง ๆ ทั่วประเทศ เงินพระราชพิธีประจำปี และอื่น ๆ
คลิกอ่าน อำนาจหน้าที่ของสำนักราชเลขาธิการ
คลิกอ่าน อำนาจหน้าที่ของสำนักพระราชวัง
และ กรมราชองครักษ์ ได้งบประมาณปีละ ๖๑๙,๔๗๒,๗๐๐ บาทนั้น มีภารกิจก็คือถวายความปลอดภัยแก่พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ผู้แทนพระองค์ รวมถึงพระราชอาคันตุกะด้วย
คลิกอ่าน อำนาจหน้าที่ของกรมราชองครักษ์
ดังนั้น ถ้ารวมงบประมาณทั้ง 3 หน่วยงานคือ สำนักราชเลขาฯ สำนักพระราชวัง และกรมราชองครักษ์ ก็จะมีจำนวนทั้งสิ้น ๔,๗๗๖,๐๓๑,๗๐๐ บาท ซึ่งผมมองว่า ไม่ได้มากอะไร (น้อยกว่างบประมาณของสำนักพระพุทธศาสนา)
ส่วนงบค่าใช้จ่ายตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน ๒,๕๐๐ ล้านบาท นั้น ก็เป็นเงินที่นำไปบริหารจัดการหรือจัดสร้างโครงการตามแนวพระราชดำริทั่วประเทศเพื่อช่วยเหลือประชาชน ซึ่งเป็นโครงการของรัฐบาลไทย ไม่ใช่โครงการส่วนพระองค์ของในหลวงนะครับ
ทีนี้พวกไม่จงรักภักดี ก็จะเอาไปเปรียบเทียบกับงบประมาณในกระทรวงต่าง ๆ ว่างบประมาณเพื่อเทิดทูน พิทักษ์ สถาบันพระมหากษัตริย์สูงกว่างบในกระทรวงต่าง ๆ นั้นเช่น
งบประมาณแผ่นดินสำหรับรักษาเกียรติสถาบันกษัตริย์ (จำนวน ๑๗,๒๖๘,๒๕๖,๒๐๐ บาท : ปี ๒๕๕๘) มากกว่าเงินงบประมาณของ
- กระทรวงการต่างประเทศ (งบ ๘,๕๙๒,๙๕๙,๐๐๐ บาท)
- กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (งบ ๘,๓๐๒,๓๖๕,๙๐๐ บาท)
- กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (งบ ๙,๕๓๙,๐๔๗,๒๐๐ บาท)
- กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (งบ ๕,๗๒๓,๖๙๒,๒๐๐ บาท)
- กระทรวงพลังงาน (งบ ๑,๙๙๗,๐๑๒,๗๐๐ บาท)
- กระทรวงพาณิชย์ (งบ ๗,๓๔๑,๙๓๓,๐๐๐ บาท)
- กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (งบ ๘,๙๔๒,๖๙๔,๓๐๐ บาท)
- หน่วยงานของรัฐสภา (งบ ๖,๘๔๔,๗๑๖,๘๐๐ บาท)
- หน่วยงานอิสระของรัฐ (งบ ๑๓,๕๒๙,๘๔๙,๓๐๐ บาท)
- สภากาชาดไทย (งบ ๕,๙๘๑,๓๔๕,๓๐๐ บาท)
- สํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ๑,๔๒๗,๑๐๐,๐๐๐ บาท
- สํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ๕,๑๒๑,๒๙๗,๓๐๐ บาท
คืออันนี้ผมว่าก็แล้วแต่คนจะมองนะครับ ถ้าคนที่มองว่าสถาบันพระมหากษัตริย์คือสถาบันหลักของประเทศสถาบันหนึ่ง ก็อาจมองว่า ก็สมเหตุสมผล
แต่ถ้าพวกไม่จงรักภักดี ย่อมมองว่า สูงเกินไปเหมือนเดิม
ถ้าถามผม ผมว่า ถ้าประเทศไทยไม่มีพวกล้มเจ้าหนักแผ่นดิน งบขนาดนี้ก็คงแพงไปหน่อยครับ แต่เผอิญพวกโง่ชั่วหนักแผ่นดินมันแพร่พันธุ์เร็วขึ้นเหมือนพวกอมีบ้า ฉะนั้นงบปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ต้องเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวจริงไหม ?
ทีนี้ผมลองเปรียบเทียบกับเงินที่ขาดทุนเพราะโครงการจำนำข้าว ๖.๘ แสนล้านบาท ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก่อหนี้ขึ้นภายใน ๒ ปีที่ผ่านมาล่ะ นี่มันเป็นจำนวนเงินสูงกว่างบเทิดทูนพิทักษ์สถาบันกษัตริย์ในปี ๒๕๕๘ ถึง ๔๐ เท่าเลยนะครับ ขอบอก
แต่พวกล้มเจ้าทั้งหลายกลับไม่สนใจเอาเรื่องรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว ??
ตรรกะพวกชั่ว "ทีรัฐบาลและสส. มาจากการเลือกตั้งทำนโยบายที่สร้างความเสียหายให้ชาติหลายแสนล้านกลับไม่ด่ารัฐบาลและพวกนักการเมือง แต่พอรัฐบาลและ สส. มาจากการเลือกตั้งอนุมัติงบเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ปีละหมื่นกว่าล้านกลับมาโทษสถาบันฯ ??"
ที่จริงประเด็นงบมาก งบน้อย ไม่ได้สำคัญเท่ากับ ได้นำงบไปใช้ให้เกิดประโยชน์แค่ไหน
หน่วยงานที่รับงบประมาณส่วนนี้ไป ได้ทำงานคุ้มกับงบที่ได้ไปหรือไม่ เพราะถ้าไม่คุ้ม ก็ต้องตรวจสอบให้หนัก หรือว่ามีการทุจริตในงบส่วนนี้หรือไม่ ?
ถ้ายังไง ขอฝากให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ควรตรวจสอบงบประมาณส่วนนี้ให้มากขึ้นครับ ผมว่า งบประมาณตรงนี้มีจำนวนมาก อาจมีการทุจริตก็เป็นได้
คลิกอ่าน พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558
------------------------
ผมขอสรุปบทความในช่วงแรกสักนิดนะครับ จริง ๆ แล้วงบประมาณเพื่อเทิดทูน พิทักษ์ สถาบันพระมหากษัตริย์ จะเป็นงบที่รัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้พิจารณา แต่เฉพาะงบประมาณปี 2558 เป็นเรื่องของรัฐบาล คสช. กับ สปช. พิจารณาลงมติ
ตารางเปรียบเทียบงบประมาณเพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี
ขอบคุณรูปจาก http://blogazine.in.th/blogs/phuttipong/post/5042
คือถ้าจะโทษว่างบประมาณส่วนนี้สูงเกินไป ก็ต้องโทษรัฐบาลและรัฐสภาในทุกรัฐบาล ที่เป็นผู้พิจารณาและลงมติครับ
กรุณาอย่าผลักเรื่องนี้มาลงที่สถาบันพระมหากษัตริย์
----------------------
ถ้าเปรียบเทียบกับราชวงศ์อังกฤษล่ะ
ที่จริงผมก็ไม่อยากนำไปเปรียบเทียบกับประเทศอื่น เพราะเรื่องของสถาบันของแต่ละประเทศก็มีวิถีและวัฒนธรรมประเพณีที่แตกต่างกัน แต่ผมก็จำเป็นต้องนำมาเปรียบเทียบโดยสังเขป เพื่อไม่ให้พวกชั่วนำไปเปรียบเทียบก่อน
ซึ่งผมว่า คุณผู้อ่านก็คงอยากรู้เหมือนกันใช่ไหมว่า ราชวงศ์อังกฤษเขาได้งบประมาณต่อปี ปีละเท่าไหร่ ก็ดูจากข่าวนี้ เป็นข่าวเมื่อปี 2556
ทางการอังกฤษเปิดเผยว่า งบประมาณประจำปีของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จะถูกปรับเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 20 ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม เนื่องจากขณะนี้ ประเทศอังกฤษ กำลังเผชิญหน้ากับสภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ในขณะที่พิธีพัชราภิเษก ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งราชวงศ์อังกฤษ กำลังผ่านพ้นไปได้ไม่นาน ราชวงศ์อังกฤษ คงจะมีเรื่องที่น่ายินดีอีกครั้ง เมื่อทางการอังกฤษ ผ่านกฎหมายเพิ่มงบประมาณราชวงศ์อังกฤษประจำปีอีกร้อยละ 20 หรือคิดเป็นเงิน 1,800 ล้านบาท ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปี 2556 ภายหลังจากที่งบประมาณราชวงศ์อังกฤษ อยู่ที่ 1,500 ล้านบาทมาตั้งแต่ปี 2553
ทั้งนี้ แถลงการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่รัฐบาลอังกฤษ เปิดเผยตัวเลขของงบประมาณสวัสดิการสังคม ที่จะถูกปรับลดลงติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี ภายใต้มาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลอังกฤษ เพื่อต่อสู้กับวิกฤติเศรษฐกิจที่กำลังถดถอย ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมของนโยบายเพิ่มงบประมาณราชวงศ์อังกฤษดังกล่าว
ขณะที่ ทางการอังกฤษโต้แย้งว่า ถึงแม้เศรษฐกิจยังอยู่ในสภาวะถดถอย แต่ผลกำไรที่ได้จากทรัพย์สินของราชวงศ์อังกฤษยังมีตัวเลขที่สูงถึง 12,000 ล้านบาท โดยที่มาของรายได้ของราชวงศ์อังกฤษ ประกอบไปด้วยรายได้จากห้างสรรพสินค้า และไร่กังหันลมผลิตพลังงานไฟฟ้า รวมถึงค่าเช่าพื้นที่ใต้ท้องทะเลในชายฝั่งอังกฤษ และบรรดาบ้านเช่าสุดหรูใจกลางกรุงลอนดอน ดังนั้น ทางการอังกฤษจึงต้องการให้งบประมาณของราชวงศ์ที่รัฐบาลต้องจัดสรรให้นั้น สะท้อนความเป็นจริงของรายได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ งบประมาณประจำปีของราชวงศ์อังกฤษบางส่วนมาจากเงินภาษีของประชาชน ซึ่งเป็นนโยบายที่มีมาตั้งแต่ปี 2303 ในสมัยของพระเจ้าจอร์จที่ 3 ซึ่งทำการรวมเอากำไรของราชวงศ์ทั้งหมดมาไว้ที่ท้องพระคลังของประเทศ แล้วจึงจัดสรรงบประมาณประจำปีให้แก่ราชวงศ์ในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม สำนักพระราชวังของอังกฤษ มีความระมัดระวังอย่างยิ่งในการแจกแจงเงินรายได้ของสมเด็จพระราชินี ออกจากงบประมาณที่ได้รับจากเงินภาษี จึงมักมีการเข้าใจผิดถึงทรัพย์สินทั้งหมดของราชวงศ์อังกฤษ เพราะมักมีการนำสมบัติซึ่งเป็นของแผ่นดินอังกฤษ รวมเข้าไว้ในบัญชีทรัพย์สินของราชวงศ์อังกฤษด้วย อาทิ เพชรยอดมงกุฏ และอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ
คลิกอ่านข่าวที่เกี่ยวข้องเรื่อง หน่วยงานอังกฤษเผยเงินพระคลังของควีนเอลิซาเบธเหลือเพียง 1 ล้านปอนด์
akecity ขออธิบายเสริม ถ้าเราสังเกตจากข่าวราชวงศ์อังกฤษนี้ จะเห็นว่า ผู้คนส่วนใหญ่รวมทั้งนิตยสาร FOBES ชอบนำสมบัติราชวงศ์อังกฤษในส่วนที่เป็นสมบัติของแผ่นดินอังกฤษ ไปรวมในบัญชีทรัพย์สินของราชวงศ์อังกฤษที่เป็นทรัพย์ส่วนพระองค์ จนเกิดความเข้าใจผิดว่า สมเด็จพระราชินีอังกฤษรวยติดอันดับโลก เช่น นำมูลค่าเพชรยอดมงกุฏ ฯลฯ ไปรวมในทรัพย์สินส่วนพระองค์ด้วย
ก็เหมือนกรณีที่ FOBES มามั่วเรื่องทรัพย์สินของในหลวงไทย นั่นแหละครับ
หรืออย่างพระราชวังอิมพีเรียลของญี่ปุ่น เมื่อทศวรรษที่ 80-90 มีมูลค่าสินทรัพย์ที่ดินพระราชวังแพงกว่าอสังหาริมทรัพย์ในรัฐแคลิฟอร์เนียทั้งหมด ถ้าคิดแบบ FOBES ราชวงศ์ญี่ปุ่นมิรวยที่สุดในโลกเหรอ ?
อันนี้ผมแค่ยกตัวอย่าง เพราะความจริงมันไม่ใช่อย่างที่ FOBES มันคิดแล้วพวกล้มเจ้าเอามาโชว์กะลาาต่อไงครับ
เรื่องตรรกะพวกล้มเจ้าที่แกล้งยอราชวงศ์ญี่ปุ่นเพื่อเสียดสีสถาบัน ไว้ผมจะหาโอกาสเขียนหักล้างอีกทีครับ เรื่องนี้หักล้างไม่ยาก
-------------------------
สรุปท้ายบทความ
จากข่าวมีรายงานข่าวเรื่อง งบประมาณที่รัฐบาลอังกฤษให้ราชวงศ์อังกฤษ มีเพียง 1,800 ล้านบาทต่อปีนั้น เป็นเงินสำหรับพระราชินีอังกฤษและพระบรมวงศานุวงศ์ รวมทั้งค่าใช้จ่ายของพระราชวังบักกิ้งแฮม และพระราชวังวินต์เซอร์ เท่านั้น (ส่วนพระราชวังโฮลีวูด ในสก๊อตแลนด์ ไม่น่าเกี่ยวกับงบประมาณส่วนนี้)
อันนี้คงต้องยอมรับว่า งบประมาณสำหรับราชวงศ์อังกฤษนับว่าน้อยจริง ๆ เมื่อเทียบกับอัตราค่าครองชีพของอังกฤษ แต่ทั้งนี้ยังไม่รวมค่ารักษาความปลอดภัยของราชวงศ์ ซึ่งแยกออกมาต่างหาก ดดยรัฐบาลจะเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนนี้เอง
แต่สำหรับงบของราชวงศ์ของไทยเรานั้น ถ้าดูจากงบประมาณทั้ง 3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง คือ สำนักราชเลขาธิการ สำนักพระราชวัง และกรมราชองครักษ์แล้ว แม้มีงบมากกว่าราชวงศ์อังกฤษก็ตาม แต่ผมเชื่อว่า งานของทั้ง 3 หน่วยงานนี้ รวมถึงพระราชกรณียกิจ และพระกรณียกิจของราชวงศ์ไทยที่ทรงทำเพื่อประชาชนมีมากกว่าราชวงศ์อังกฤษอย่างแน่นอน
หากเทียบกับพระราชกรณียกิจ และพระกรณียกิจต่าง ๆ ของพระบรมวงศานุวงศ์ในราชวงศ์ไทยทุก ๆ พระองค์แล้ว งบประมาณ 4 พันกว่าล้านของทั้ง 3 หน่วยงาน ก็ไม่ได้สูงมาก
แต่ถ้าอยากจะลด ก็ควรไปลดในงบประมาณเรื่องนี้ที่หน่วยงานอื่น ๆ ได้ไป ซึ่งเป็นเรื่องของรัฐบาลและรัฐสภา จะพิจารณานั่นแหละครับ
ผมเชื่อว่า ถ้าใครเห็นว่างบประมาณในส่วนนี้ที่หน่วยงานต่าง ๆ ได้ไปนั้นสูงเกินไป หรือนำไปใช้ไม่คุ้มค่าในเรื่องใด ก็ควรนำหลักฐานข้อมูลทั้งหมดไปยื่นเรื่องต่อ สตง. ให้ตรวจสอบการใช้งบ หรือยื่นเรื่องรัฐบาลและรัฐสภา ให้ลดงบประมาณลงก็ได้ ไม่ใช่เอาแต่อ้างมั่ว ๆ ว่า วิจารณ์ไม่ได้แล้วนำไปหลอกสาวกทั้งหลาย ให้เกิดความเข้าใจผิด
คลิกอ่าน สิทธิของประชาชนตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.๒๕๔๐
(มีเพือนแจ้งทางเฟสบุ๊คผมว่า งบประมาณเรื่องสถาบันฯ ที่หน่วยงานต่าง ๆ ได้ไปนั้น หลายเรื่องก็นำไปใช้ช่วยเหลือประชาชนแบบงบเร่งด่วน หรือซ่อมบำรุงกิจการสาธารณะในท้องถิ่นต่าง ๆ เพื่อประชาชนในนามของหน่วยงานนั้น ๆ อย่างกองทัพบก ก็มักจะโยกงบประมาณส่วนนี้มาใช้เพื่อช่วยเหลือประชาชนฉุกเฉินอยู่เสมอ เป็นต้น)
หรือมีผู้อ่านบทความได้แสดงความเห็นเช่น
ซึ่งจริง ๆ แล้วถ้าจะเทียบระหว่างราชวงศ์ไทยและราชวงศ์อังกฤษ ก็ต้องนำอำนาจหน้าที่ และจำนวนข้าราชการของทุกหน่วยงานรวมกัน มาเปรียบเทียบกันระหว่างราชวงศ์ของทั้ง 2 ประเทศด้วยจึงจะเป็นธรรม ซึ่งผมเองก็ไม่ได้รู้ข้อมูลรายละเอียดในส่วนนี้
ถามว่า ทำไมผมถึงต้องเขียนบทความนี้ ?
ขอตอบว่า เพราะผมเชื่อว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยเรานั้น ตรวจสอบได้ สามารถวิจารณ์ได้ไงครับ เพราะผมไม่อยากปล่อยให้พวกชั่วคิดร้ายต่อสถาบันกษัตริย์เอาไปวิพากษ์วิจารณ์ฝ่ายเดียว จนอาจทำให้สังคมเข้าใจผิดได้ครับ
อย่างที่ผมเคยเขียนในบทความเรื่อง รู้ให้จริงเรื่องโครงการในหลวง ผมเคยเขียนไว้ว่า กษัตริย์อังกฤษและจักรพรรดิญี่ปุ่น เขาไม่ต้องเดือดร้อนออกมาช่วยเหลือประชาชนมากนัก เพราะรัฐบาลและนักการเมืองของทั้งสองชาตินี้เขามีคุณภาพ โกงกินน้อย
แต่สำหรับประเทศไทย มันไม่ใช่ !!!
คลิกอ่าน กรณีเงินพระราชทาน 200 ล้านให้ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ ตอกย้ำ สนง.ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไม่ใช่ของในหลวง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ข้าพระพุทธเจ้าขอรับใช้ใต้พระบาทตลอดกาลนาน
ตอบลบข้าพระพุทธเจ้าขอรับใช้ใต้พระบาทตลอดกาลนาน
ตอบลบป.๑ รอ.
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบคนที่มีอำนาจแท้จริงอยู่ในสภา ไม่ได้อยู่ในสถาบัน
ตอบลบและสถาบันที่ถูกคุกคามมากที่สุดคือ สถาบันพุทะศาสนา พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วแต่ไม่วายยังมีคนมารังแกอีก
พุทธศาสนา แก้ใหม่ๆๆๆ
ลบจำนำข้าวๆๆๆๆ
ตอบลบ