วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

รู้ทัน เซียนหุ้นหลอกฟันแมงแม่า







ผมเห็นหนังสือที่กำลังขายดีในเวลานี้ คือหนังสือประเภท รวยด้วยหุ้น เล่นหุ้นอย่างไรให้รวย กลยุทธ์เซียนหุ้น

หรือแม้แต่หนังสือที่วัยรุ่นเขียนเองเช่น สร้างเงินล้านก่อนเรียนจบ ก็เป็นหนังสือที่วัยรุ่นสาวคนนึงที่เล่นหุ้นจนรวยเขียน

ผมอยากจะบอกว่า การเล่นหุ้นแล้วได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ มันเป็นแค่คนส่วนกระจิริดเท่านั้น เปรียบเสมือนคนที่ถูกหวยมักคุยว่าเก็งตัวเลขเก่ง หรือไม่ก็ได้เลขดีมาจากไหน ก็เอามาคุยอวดกัน

แต่พอหวยแดก ก็มักเงียบ หน้าจ๋อย ไม่คุยอวด

หรืออย่างคนที่เล่นหุ้นจนรวย ที่เอามาบอกต่อคนอื่น นั่นคือในปมลึกแล้ว คนพวกนี้เขาอยากอวดว่าเขาเก่ง เขาฉลาด เขาจึงเล่นหุ้นจนรวย แล้วก็เขียนหนังสือเพื่อขายหาเงินอีกรอบ แถมได้ชื่อเสียงอีกด้วย ว่าผมนี่เก่ง ฉันก็เก่ง และฉันก็ได้ดังเพราะมีคนโลภโง่มาซื้อหนังสือฉันอ่าน

ซึ่งคนที่ซื้อหนังสือประเภทนี้ไปอ่าน ก็มักฝันหวานไปตามคนเขียนไปด้วยว่า เราน่าจะลองเล่นหุ้นบ้างนะ เผื่อเราก็มีโอกาสรวยกับเขาเหมือนกัน สุดท้ายคนส่วนใหญ่ที่คิดแบบนี้คือขาดทุนจากหุ้น กลายเป็นแมงเม่าที่ถูกหลอกให้เข้ามาในวังวนของตลาดแห่งการเก็งกำไร

ซึ่งก็ไม่ต่างกับพวกนักพนันที่หวังรวย ไม่ต่างกับคนเล่นหวยที่ฝันว่าจะรวย

ผมขอบอกเลยว่า การเล่นหุ้นให้รวย มันก็เหมือนเราเรียนหนังสือได้ที่ 1 ในชั้นนั่นแหละครับ แล้วคุณคิดว่า คุณเคยเรียนได้ที่ 1 ในชั้นเรียนหรือไม่ล่ะ ? (ที่1 ในชั้น ไม่ใช่ที่ 1 ในห้อง)

เหมือนที่ทุก ๆ คน ซื้อคู่มือวิชาคณิตศาสตร์ คู่มือฟิสิกส์มาอ่าน แล้วคิดว่าเดี๋ยวฉันอ่าน ฉันก็จะเก่งตามทีคู่มือสอน แต่สุดท้ายคนที่จะประสบความสำเร็จเหมือนที่คู่มือสอนจริงๆ มีแค่ไม่กี่คน

ส่วนคนที่สอบตกคณิตศาสตร์ สอบตกฟิสิกส์มีเพียบ

จากสถิติผู้ที่คร่ำหวอดในตลาดหุ้นไทยคนนึง เคยพูดไว้ว่า คนที่รวยจากตลาดหุ้นมีไม่ถึง 5 %

อย่างกรณีวัยรุ่นผู้เขียนหนังสือ สร้างเงินล้านก่อนเรียนจบ ประวัติพื้นฐานครอบครัวของเธอ ก็มีพ่อแม่ที่ร่ำรวยและลงทุนในหุ้นมานานแล้ว นี่เขาเรียกว่า มีครอบครัวเป็นแบ็คอัพที่ดี มีเงินเย็น ๆ ที่กล้าทิ้งไว้ในหุ้นได้นาน ๆ ไม่กำไรก็ไม่ต้องขาย

ผมสังเกตการจัดสัมมนาสอนเทคนิคการเล่นหุ้น แทบทุกคอร์สจะมีผู้คนมาสมัครเข้ากันเพียบ ซึ่งทุกคนจะหลงละเมอคิดว่า ตัวเองคือคนฉลาดที่มาเรียนรู้การเล่นหุ้น เพื่อจะไปประสบความสำเร็จและร่ำรวยในตลาดหุ้นต่อไป

แต่เวลาผมมองคอร์สพวกนี้ ผมกลับมองกลับกัน เพราะผมมองว่า นี่คือแมงเม่าที่หลงแสงไฟเท่านั้น แล้วส่วนใหญ่ก็จะกลายเป็นเหยื่อให้รายใหญ่เชือด

-------------

เงินทุนที่ไหลเข้าไหลออกในตลาดหุ้นเป็นเพียงภาพมายาแห่งการลงทุน

เพราะกำไรจากการเล่นหุ้นส่วนใหญ่มันคือเงินที่เกิดจากการเก็งกำไร

มันไม่ใช่เงินที่นำมาสร้างโรงงาน ตั้งฐานการผลิตในประเทศที่แท้จริง แต่เป็นเพียงเงินที่หวังทำกำไรจากภาพมายาการลงทุนเท่านั้น

สังเกตได้ ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยแย่ลงทุกด้าน แต่ตลาดหุ้นกลับไม่แย่ตาม นั่นเพราะอะไร ??

ก็เพราะมีเงินจากมาตรการ QE ที่สหรัฐอเมริกา (รวมทั้งยุโรป) พิมพ์แบงก์กงเต็กเข้ามาเล่นหุ้นแบบเก็งกำไรในตลาดหุ้นไทยไงครับ

ดังนั้น ผมจึงไม่ชื่นชมคนที่ออกมาเขียนหนังสือรวยจากหุ้น หรือแม้แต่วัยรุ่นคนที่เขียน สร้างเงินล้านก่อนเรียนจบ ที่เธอรวยจากหุ้นเพราะเธอมีพ่อแม่เป็นแบ็คที่ดี

แต่ถ้าวัยรุ่นมาอ่าน อาจฝันอยากรวยแบบเธอ ขอบอกเลยว่า คนที่อยากรวยจากหุ้น มีแค่ 1 ใน 100 หรือใน 1,000 เท่านั้นที่จะประสบความสำเร็จจนกลายเป็นเซียนหุ้นผู้ร่ำรวย

แต่ทุกคนมักคิดเข้าข้างตัวเองเสมอ ว่า ฉันคงจะรวย !!

จำไว้เลยว่า เงินที่เราได้กำไรจากการขายหุ้นเก็งกำไร ก็คือเงินที่ขาดทุนของคนอื่น

และที่เราขาดทุน ก็คือกำไรของคนอื่นเช่นกัน



อาการนักลงทุนในตลาดหุ้นจีนเกิดฟองสบู่แตกในปี 2015 

-------------

ใครรวยแล้วต้องหลอกเหยื่อรายใหม่เข้าตลาดมาให้เชือด

การเล่นหุ้นนั้น ถ้าเวลาราคาหุ้นตก ตราบใดที่เรายังไม่ขายหุ้น และเราใช้เงินเย็นมาซื้อ เราก็ไม่มีทางขาดทุน เว้นแต่เราถือหุ้นของบริษัทที่มีแต่ภาพลวงตา แล้วบริษัทนั้นมันเกิดเจ๊งขึ้นมาดื้อ ๆ

สำหรับคนที่มีสายป่านยาว เขาจะเล่นหุ้นแบบทิ้งหุ้นไปสักพักก็ได้ หรือไม่สนใจเลยก็ได้ คนเล่นหุ้นแบบนี้แหละ ส่วนใหญ่มักไม่ขาดทุน เพราะยังไง ๆ เศรษฐกิจมันต้องโตขึ้นไปเรื่อย ๆ อยู่แล้ว

อย่างมหาเศรษฐีรวยหุ้นอันดับ 1 ของโลก วอเรน บัฟเฟต เขาเคยบอกว่า เขาจะเลือกซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ซื้อแล้วก็จะแกล้งลืมหุ้นตัวนั้นไปเลยสัก 1-3 ปี แล้วค่อยกลับมาดูอีกทีว่า จะทำอะไรกับมันต่อดี

เหตุที่หนังสือรวยจากหุ้นมันขายดี ก็เพราะสันดานคนไทยจำนวนมากชอบงานสบาย แต่หวังจะได้ค่าตอบแทนเยอะ ๆ ง่าย ๆ และรวยเร็ว ๆ แต่ไม่อยากทำงานหนัก

สุดท้ายก็กลายเป็นเหยื่อให้พวกโบรกเกอร์และเซียนหุ้นหลอกให้แมงเม่ามาสู่วังวนอันหลอกลวง

แต่โบรกเกอร์กลับรวยเอา ๆ จากค่าต๋ง หรือที่เรียกว่า คอมมิชชั่น จาการซื้อและการขายหุ้นของลูกค้า

ส่วนคนที่ประสบความสำเร็จในการเล่นหุ้น หรือ เซียนหุ้น ก็จะกลายเป็น ปลาใหญ่ ที่ไล่กิน ปลาเล็ก

นาน ๆ จะมีปลาเล็กที่เก่งฉกาจกระโดดขึ้นไปเป็นปลาใหญ่ได้สักตัวนึง

และเมื่อใครได้เป็นปลาใหญ่แล้ว ก็ต้องไปชักชวนพวกโลภมากหน้าใหม่ ๆ เข้ามาในตลาดเพื่อให้พวกปลาใหญ่ได้หลอกกินปลาเล็กหน้าใหม่ ๆ ต่อไป

คนที่ขาดทุนหรือหมดตัวจากการเล่นหุ้น ไม่มีใครออกมาเขียนหนังสือ "ฉิบหายจากหุ้น" กันเลยสักคน จริงไหม ?

มีแต่พวกที่รวยจากการเชือดแมงเม่า ที่มักออกมาเขียนหนังสือเพื่อล่อแมงเม่ารายใหม่ ๆ เพื่อเข้ามาให้เขาเชือดเพิ่มขึ้นอีก

แล้วคุณผู้อ่านคิดว่า พวกเซียนหุ้นเขาใจดีจริง ๆ เหรอครับ ที่เขาเปิดสัมนาสอนเทคนิครวยจากหุ้น หรือออกหนังสือรวยด้วยหุ้น ?

ทั้งหมดนั้น คือ การหลอกให้มีเหยื่อรายใหม่ ๆ หลงเข้ามาในตลาดหุ้นนั่นเอง

เพราะพวกแมงเม่าจะโลภมาก จึงอยากจะบินเข้าหากองไฟแห่งตลาดหุ้น ที่พวกเซียนหุ้นจุดไฟแห่งความโลภล่อไว้

ภายใต้ตึกหรูใหญ่โตของตลาดหลักทรัพย์ มีเล่ห์เหลี่ยมและวิธีสกปรกซ่อนอยู่มากมายที่ไว้หลอกกินเหยื่อผู้โลภมากหน้าใหม่ ๆ

ถ้าคุณผู้อ่านเชื่อเนื้อหาในบทความนี้ของผม ผมอยากจะแนะนำอ่าน 2 บทความตามลิงค์ข้างล่าง เพื่อจะได้เข้าใจยิ่งขึ้น

แนะนำอ่าน การเก็งกำไรในตลาดหุ้น คือการพนัน เป็นอบายมุขตอน 1

แนะนำอ่าน การเก็งกำไรในตลาดหุ้น คือการพนัน เป็นอบายมุขตอนจบ


ถ้าคุณได้อ่านบทความข้างบนนี้ทั้งสองบทความคุณจะเข้าใจที่ผมเตือน

และสุดท้ายขอฝากว่า อย่าเชื่อถือ และเชื่อใจ กลต. เพราะบริษัทที่มีภาพลวงตาในตลาดหุ้นมีมากมาย ที่เจ๊งแล้ว ผู้ถือหุ้นก็ซวยเอง อย่าง บ.แคลิฟอร์เนีย ว้าว นั่นไง






1 ความคิดเห็น:

  1. ได้มุมมอง อ่านแล้วฉลาดขึ้น ระวังตัวขึ้น
    ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ