วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2559

ประเพณีสงกรานต์ยุคใหม่ของไทย สมควรอนุรักษ์ไว้จริงเหรอ ?






ผ่านไปแล้วสำหรับสงกรานต์ในหลาย ๆ จังหวัดในปี 2559 แต่อีกหลายจังหวัดที่ไม่มีปัญหาภัยแล้ง วันนี้คงเป็นการเล่นวันสุดท้าย ยกเว้นสงกรานต์ที่ชลบุรีและสมุทรปราการ ที่ยังมีต่อไปอีก

อย่างกรุงเทพฯ ปีนี้หลายพื้นที่ก็เล่นสงกรานต์กันแค่ 2 วันเท่านั้น เพื่อร่วมมือรณรงค์ประหยัดน้ำ เพื่อเห็นใจคนต่างจังหวัดที่หลายจังหวัดกลับไม่มีแม้น้ำจะกิน

แน่นอน สำหรับคนกรุงเทพฯ ที่ยังเล่นน้ำสงกรานต์ในปีนี้ ผมเชื่อว่า ส่วนใหญ่คงไม่รู้สำนีกหรอกว่า ตอนนี้ประเทศไทยเรากำลังประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนักมากที่สุดในรอบ 20 - 30 ปี เลยทีเดียว

เพราะถ้าตราบใดน้ำประปาในบ้านของคนกรุงเทพฯ ยังไหลอยู่ คนกรุงเทพฯ ที่เล่นน้ำสงกรานต์เขาย่อมไม่รู้หรอกว่า ปัญหาภัยแล้งปีนี้รุนแรงเพียงใด

การออกไปเล่นสงกรานต์ด้วยน้ำประปา จึงไม่สามารถปลุกจิตสำนึกในการประหยัดน้ำได้เลย

แต่เอาเถอะ ไม่เป็นไร เพราะเทศกาลสงกรานต์คือเทศกาลแห่งความสุข ก็คงจะไปห้ามคนอยากมีความสุข สนุกสนาน ก็คงไม่ได้

แล้วที่ไม่สามารถยกเลิกการเล่นสงกรานต์สมัยใหม่ ย้ำ ผมใช้คำว่า สงกรานต์สมัยใหม่ โดยทั้งภาครัฐและภาคเอกชน มักจะอ้างตรงกันคือ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และเพื่อมีรายได้จากการท่องเที่ยวแพร่สะพัดกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นเหตุผลสำคัญ

ซึ่งอันนี้ผมคงไม่เถียงอะไร เพราะ ถ้าคิดว่าดีก็ทำไป

แต่องค์การอนามัยโลก ระบุว่า คนไทยต้องตายเพราะอุบัติเหตุทางถนนสูงเป็นอันดับที่ 2 ของโลก แล้วในช่วงเทศกาลหยุดยาว ๆ อย่างสงกรานต์ก็เป็นช่วงที่มีคนตายเพราะอุบัติเหตุสูงที่สุดเช่นกัน

แล้วรัฐบาลเคยคิดไหมว่า การตายจากและการบาดเจ็บในอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ของคนไทยนั้น มีตัวเลขความเสียหายกระทบต่อเศรษฐกิจของชาติมากแค่ไหน ?

เคยเอาไปคิดคำนวณดูบ้างไหมว่าคุ้มไหม ?

แค่หัวหน้าครอบครัวตายจากอุบัติเหตุเพียงคนเดียว ใน 1 ครอบครัว ก็ทำให้คนในครอบครัวนั้น ๆ ต้องเดือดร้อนแสนสาหัสไปอีกนาน

หรือถ้ามีคนที่บาดเจ็บอาจถึงขั้นพิการไปตลอดชีวิตจากอุบัติเหตุ จะมีกระทบต่อครอบครัวและต่อประเทศชาติมากสักแค่ไหน

แล้วการส่งเสริมให้มีวันหยุดยาวในช่วงสงกรานต์ ไม่ใช่มีคนตายหรือคนเจ็บแค่เพียงคนหรือสองคนเท่านั้น แต่มีเป็นร้อยเป็นพันคนครับ

ลองคิดสิว่าคุ้มไหมนะ ?

ส่งเสริมการท่องเที่ยวให้หยุดยาว หรือส่งเสริมเทศกาลคนตายจากอุบัติเหตุกันแน่

--------------

ส่วนประเพณีสงกรานต์ของไทยจริง ๆ นะ แบบโบราณเลย เขาจะเล่นกันในวัด เมื่อหนุ่มสาวไปทำบุญ ช่วยขนทรายเข้าวัด ก็จะมีการถือขันสาดน้ำปะพรมน้ำกันบ้าง อาจเพื่อจีบ หรือเพื่อความสนุกสนานของหนุ่มสาว

หรืออาจมีการสาดน้ำเล่นกันในหมู่เด็ก ๆ แถวบ้าน หรือแอบสาดน้ำแกล้งคนรู้จักบ้างเท่านั้น

ที่โดยปกติวัฒนธรรมไทย หนุ่มสาวจะไม่กล้ามาเล่นอะไรที่ใกล้ชิดถึงเนื้อถึงตัวกัน แต่ในเทศกาลสงกรานต์ก็เลยเหมือนปล่อยผีให้หนุ่มสาวนิดนึง ย้ำว่า นิดนึง

แต่พอในสมัยรัฐบาลชาติชาติ มีมติ ครม. ให้ช่วงสงกรานต์ได้หยุดราชการแบบยาว ๆ จากเดิมสงกรานต์จะหยุดแค่วันที่ 13 เมษายนเพียงวันเดียว ก็เพื่อให้คนไทยได้มีเวลามากพอที่จะกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด ไปรดน้ำดำหัวพ่อแม่ปู่ย่าตายาย เพื่ออนุรักษ์ถึงความกตัญญูรู้คุณด้วย

แล้วในรัฐบาลต่อ ๆ มา ก็มักมีมติเพิ่มวันหยุดแบบหวังพ่วงให้หยุดติดต่อกันในช่วงเสาร์ อาทิตย์อีก ด้วยเหตุผลเรื่องส่งเสริมการท่องเที่ยว

ประเพณีการเล่นสงกรานต์แบบเอามัน เล่นกันทั้งวัน ขนน้ำขึ้นรถกระบะสาดกัน (ซึ่งเดี๋ยวนี้ห้ามแล้ว) เล่นกันมันตลอดถนน ตลอดซอย มอไซค์ขับซิ่งไม่ใส่หมวกกันน็อคย้อมผมทอง เพื่อประกาศว่า คันนี้อนุญาตให้พวกมึงสาดน้ำปะแป้งได้ เล่นกันแบบถ่อย ๆ เถื่อน ๆ ทะลึ่ง ไปจนถึงขั้นอนาจาร จึงได้เริ่มบังเกิดขึ้นนับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

และพร้อมกับเป็นเทศกาลที่มีคนตายจากอุบัติเหตุมากที่สุดในโลกด้วย

แล้วเทศกาลสงกรานต์ยังถือเป็นวันปล่อยผีปล่อยเปรตในตัวคนออกมาโลดแล่นอย่างหน้าไม่อาย

ฉะนั้น ใครที่อ้างว่า การเล่นสาดน้ำแบบนี้ กรุณาอย่าอ้างว่ารักษาประเพณีไทยครับ เพราะประเพณีไทยสงกรานต์แท้ ๆ มีแต่ความงดงามทั้งนั้น ไม่มีถ่อยและเสื่อมแบบปัจจุบันนี้

--------------------

แต่โดยสรุป ผมว่า สงกรานต์ในปี 2559 ถือว่า ทุกหน่วยงานทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและภาคเอกชนก็ช่วยกันประหยัดน้ำได้ดีพอควร 

แล้วสถิติคนเล่นสงกรานต์จากรายงานข่าวว่า ทุกสถานที่ในกรุงเทพฯ มีคนไทยเล่นสงกรานต์ลดลง 

นั่นแสดงว่า มีคนไทยจำนวนไม่น้อยช่วยเสียสละงดเล่นสงกรานต์ในปีนี้ อันนี้ผมต้องขอขอบคุณและชื่นชมเลย

ผมเองก็อยากให้สงกรานต์ของคนไทย ได้กลับมาเล่นน้ำได้อย่างไม่ต้องกลัวและเสียดายน้ำเหมือนในอดีต

หากเราคนไทยก็ต้องเริ่มช่วยกันปลูกต้นไม้ ฟื้นฟูธรรมชาติต้นน้ำลำธารให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ดังเดิม ซึ่งต้องใช้เวลานานพอควร

แต่หากไม่สนใจช่วยกันเหมือนเดิม เหมือนที่ผ่าน ๆ มา เหมือนที่เราคนไทยปกป้องป่าไม้ส่วนใหญ่ของประเทศไทยไว้แทบไม่ได้เลย จนตอนนี้ป่าไม้ของไทยเหลือไม่ถึง 30 % ของพื้นที่ประเทศไทยแล้ว

อย่างปีนี้มีน้ำตกหลายแห่งในประเทศไทย ที่ไม่เคยขาดน้ำเลยแม้ในช่วงฤดูแล้ง แต่กลับต้องเหือดแห้งไม่มีน้ำเลยสักหยดในหลายแห่ง

ทั้ง ๆ ที่น้ำตกก็คือแหล่งต้นน้ำของแม่น้ำลำธาร นั่นแหละ

ไม่แน่นะ ในปีหน้าปัญหาภัยแล้งอาจสาหัสกว่านี้ก็ได้ จนประเทศไทยอาจต้องประกาศยกเลิกประเพณีสงกรานต์ไปเลยก็ได้ เพราะแม้แต่น้ำจะกินก็ยังไม่มี ซึ่งในปีนี้ก็มีเกิดขึ้นแล้วในหลาย ๆ จังหวัด ที่ไม่มีการเล่นสาดน้ำสงกรานต์ เพราะแม้แต่น้ำจะกินก็ยังไม่มี

ผมขอหวังว่า ปีนี้ฝนจะมาเร็วและตกสม่ำเสมอเพื่อไปเติมน้ำในเขื่อนให้เยอะ ๆ นะครับ

ไม่งั้นภัยแล้งปีนี้อาจแค่เผาหลอก ส่วนปีหน้าอาจเป็นเผาจริง



กลับมาที่คำถามว่า ประเพณีสงกรานต์แบบเอามัน สมควรอนุรักษ์ไว้ไหม ?

ถ้าถามผมนะ ถึงไม่มีก็ไม่เสียดายเลย แต่ก็อย่างว่า มันคงยกเลิกไม่ได้แล้วล่ะ ประเทศไทยเรามักบ่มปัญหาจนมาไกล จนเลิกจนห้ามอะไรยากไปหมดเสมอ

ฉะนั้นเมื่อยกเลิกไม่ได้ ก็ต้องร่วมช่วยกันทำให้สงกรานต์ของไทยดีขึ้น

ผมจึงอยากให้โรงเรียนต่าง ๆ ควรต้องให้มีการสอนการเล่นสงกรานต์อย่างมีมารยาทและรู้จักกาลเทศะให้นักเรียนได้เข้าใจ เพื่อให้สงกรานต์ของไทยเป็นสงกรานต์ที่สะอาด ปลอดภัย และงดงามมากขึ้นครับ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น