วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2556

เงินบาทแข็งโป๊ก เพราะแมงเม่าไทยมันเยอะ






ผมเคยเขียนบทความไว้ 2 บทความ คือ
การเก็งกำไรในตลาดหุ้น คือการพนัน เป็นอบายมุข ตอน 1
การเก็งกำไรในตลาดหุ้น คือการพนัน เป็นอบายมุข ตอนจบ

ถ้าใครได้อ่านทั้ง 2 บทความนั้นแล้ว ก็จะเข้าใจเรื่องหุ้นได้อย่างง่าย ๆ

------------------------

ส่วนในบทความนี้ ผมจะขอเขียนถึง ภาพลวงตาที่กำลังเกิดขึ้นในตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ คือ สภาวะที่มีเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาเก็งกำไรในตลาดหุ้นไทยอย่างมาก ทำให้ค่าเงินบาทของไทยมีอัตราแข็งตัวที่สุดในอาเซียน

ซึ่งในระยะสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทได้แข็งค่าที่สุดในรอบ 16 ปี หลังจากยุคต้มยำกุ้งเป็นต้นมา แถมดัชนีตลาดหุ้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ตกฮวบฮาบติดต่อกันมาหลายวันกว่า100จุด

แต่ภาวะมูลค่าการซื้อขายในตลาดกลับสวนทาง เพราะมูลค่าการซื้อขายร้อนแรงสูงถึง 1 แสนกว่าล้านบาทในวันศุกร์ที่22 มีนาคมที่ผ่านมา จนทำลายสถิติ 38 ปีอายุตลาดหุ้นไทยเลยทีเดียว

แต่กลายเป็นว่าการซื้อขายที่ร้อนแรงนั้น กลับมีแมงเม่าไทยโง่ ๆ พากันเจ๊ง กันเป็นแถบๆ เพราะติดหุ้นราคาสูงอยู่ แตกตื่นจนรีบขายหุ้นททิ้งกันเป็นแถว ๆ 555

ส่วนรมว.คลัง จอมโกหกสีขาว ที่มีผลประโยชน์ในตลาดหุ้น ก็พยายามหลอกแมงเม่าโง่ ๆ ต่อไปว่า เพราะนักลงทุนต่างชาติมั่นใจในเศรษฐกิจไทย จึงเข้ามาลงทุนในไทยจำนวนมาก

แต่หารู้ไม่ว่า การลงทุนในตลาดหุ้น มันคือ ภาพลวงตาทางเศรษฐกิจ ที่เกิดจากการเก็งกำไร ไม่ได้เกิดจากการสร้างผลผลิตในระบบเศรษฐกิจแท้จริง

ประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับว่าน่าลงทุนที่สุด หมายถึง น่าเข้ามาลงทุนในการเก็งกำไรมากที่สุด เพราะประเทศไทยมีแมงเม่าโง่ๆ และโลภมากเยอะที่สุด เหมือนสันดานคนไทยบ้าหวยนั่นแหละ ที่ชอบเชื่อว่า ฉันฉลาด ฉันจะโชคดี ฉันจะรวย !!

แต่ความน่าลงทุนที่เกิดจากภาคการผลิตที่แท้จริงนั้น ประเทศที่น่าลงทุนที่สุดในอาเซียนกลับไม่ใช่ ไทย !!

แต่ประเทศที่น่าลงทุนในภาคการผลิตที่แท้จริง (ที่ไม่ใช่การลงทุนแบบเก็งกำไรแลลการพนัน) นั่นคือ

1. อินโดนีเซีย

2 เวียตนาม

3. มาเลเซีย

4, ส่วนไทย อยู่ในลำดับที่ 4 เท่านั้น แต่ถ้าการลงทุนแบบเก็งกำไร ไทยต้องมาอันดับ 1 แน่นอน เพราะแมงเม่าไทยโลภมากลาภหายมันเยอะ !!

----------------------

ไม่จำเป็นต้องลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อแก้ปัญหาเงินบาทแข็ง

ผมเคยเขียนในบทความเก่า เรื่อง ค่าเงินบาทแข็ง คิดลดดอกเบี้ย คือมาตรการห่วยแตก

แต่ในบทความนี้จะอธิบายเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย ก็คือ

การลดดอกเบี้ยในประเทศอาจกลายเป็นการไปกระตุ้นฟองสบู่ในภาคส่วนอื่นก็ได้ เช่น คนจะเริ่มไม่อยากออมเงิน แต่จะเอาเงินไปลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ ไปซื้อรถ ไปเล่นหุ้น หรือนำไปลงทุนเพื่อหวังเก็งกำไร เพื่อหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าฝากเงินไว้กับธนาคารก็เป็นไปได้

การแก้ปัญหาเงินบาทแข็ง มีวิธีมากมายที่จะทำได้ ซึ่ง ธปท. เขารู้วิธีอยู่แล้ว ถ้าเขาคิดจะทำ โดยไม่ต้องลดอัตราดอกเบี้ยในประเทศลง


-----------------------

แม้เรื่องที่ไม่น่าจะเกี่ยวก็กลายเป็นเกี่ยว เมื่อเป็นแมงเม่าในตลาดหุ้นไทย

เรื่องเศรษฐกิจในต่างประเทศ หลายเรื่องมันแทบจะไม่เกี่ยวกับบริษัทในตลาดหุ้นไทยหลาย ๆ บริษัทเลย เพราะหลายบริษัทเน้นแต่การขายภายในประเทศเท่านั้น

แต่เมื่อใครเป็นแมงเม่าในตลาดหุ้นเมื่อไหร เรื่องบางเรื่องที่ไม่น่าจะเกี่ยวกับหุ้นบริษัทที่ตัวเองถือ ก็ดันกลายเป็นเกี่ยวไปเสียฉิบ

อย่างเช่น กรณีวิกฤติไซปรัสในขณะนี้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับนักลงทุนต่างชาติ จึงทำให้นักลงทุนต่างชาติทยอยขายหุ้นในไทยทิ้งไปบ้าง แต่กลับทำให้แมงเม่าไทยแตกตื่นกันใหญ่ พากันเทขายหุ้นทิ้งจนดัชนีหลักทรัพย์ตกระเนระนาด

ซึ่งวิกฤติไซปรัสบางทีแทบไม่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัทไทยหลาย ๆ บริษัทในตลาดหุ้นไทยเลย แต่เมื่อเป็นแมงเม่าไทยที่ชอบแตกตื่นกับข่าวลือทุกชนิด เรื่องเศรษฐกิจไซปรัส ที่ไม่น่าจะเกี่ยวเท่าไหร่ ก็ดันมาเกี่ยวไปได้ นี่แหละที่เขาเรียก แมงเม่าไทย

ขนาดฝนตก ฟ้าร้อง แมงเม่าไทยก็พากันตกใจ ขายทิ้งหุ้นดี ๆได้ อย่างดื้อๆ ก็มี

หรือนายกโง่ๆ โดนตรวจสอบบัญชีเพราะปล่อยเงินกู้ให้คู่นอนประจำ ก็ทำแมงเม่าตกใจ พาหุ้นตกก็มี

หรือแม้แต่นายกโง่ๆ ไปได้รับปริญญาดุษฎีกิตติมศักดิ์จากมหาลัยที่เพิ่งก่อตั้งแค่13ปี แมงเม่าไทยก็อาจดีใจจนไปซื้อหุ้นโง่ ๆ มาเก็บไว่้ได้เช่นกัน 555

สภาวะหุ้นไทยตอนนี้ มีบริษัทมากมาย ที่มีค่าพีอีเรโช สูงเกินกว่า 40 เท่าไปแล้ว นี่คือสัญญาณเตือนถึงการเก็งกำไรในหุ้นตัวนั้น ๆ

เชื่อหรือไม่ ? โดยปกติ มีคนเปิดพอร์ตเพื่อซื้อขายหุ้นประมาณปีละ 8 หมื่นบัญชี

แต่เฉพาะปี 2556 แค่ 2 เดือนแรก มีคนเปิดพอร์ตไป 4 หมื่นบัญชีแล้ว และเป็นการเข้ามาเพื่อหวังเก็งกำไรในตลาดทั้งนั้น

(แมงเม่าโดนหลอกให้เข้ามาในตลาดเล่นเยอะ ถ้าอยากรู้ว่าใครหลอก ก็ให้กลับไปอ่านเรื่อง การเก็งกำไรในตลาดหุ้นคือการพนัน เป็นอบายมุข)

--------------------

สุดท้าย ผมขอยืมบทความจากบล็อค RandomWalk Blog

เรื่อง "10 พฤติกรรม" ของ "แมงเม่าหุ้น" มาให้อ่านกัน

1.เริ่มจากแมงเม่าหุ้นได้มีโอกาสรับฟังเรื่องราวการได้กำไรมหาศาลจากบุคคลรอบข้าง และคิดว่าเป็นสิ่งง่ายที่เราจะอยู่เฉยๆแล้วได้เงินเพิ่ม จึงเริ่มก้าวเข้าสู่ตลาดหุ้นอย่างมั่นใจ

2.ในระยะแรกการตัดสินใจของแมงเม่าส่วนใหญ่จะทำตามคำแนะนำที่ได้รับจากบุคคลอื่น หรือบทวิเคราะห์ทั่วไป

3.แมงเม่าชอบที่จะเข้าไปซื้อหุ้นตัวที่มีหลายคนบอกว่าดีทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าหุ้นบริษัทที่ตัวเองซื้อดำเนินกิจการอะไร แต่รู้ว่าคนพูดถึงเยอะแสดงว่าต้องเป็นบริษัทที่ดีแน่นอน ถ้าหุ้นที่มีคนพูดถึงน้อยจะไม่ค่อยสนใจและมองว่าเป็นบริษัทที่ไม่ดี

4.แมงเม่ามักจะเข้าไปซื้อหุ้นยอดนิยมดังกล่าวในราคาที่ขึ้นไปสูงแล้ว และหวังว่ามันจะขึ้นไปได้อีกมาก

5. ในระยะแรกแมงเม่ามักจะได้กำไรเล็กน้อย แต่ในที่สุดราคาของหุ้นที่แมงเม่าซื้อจะตกอย่างรุนแรง

6.แมงเม่ามองตาปริบๆ และปรึกษาคนรอบข้างว่าควรทำอย่างไรดี หลังจากนั้นแมงเม่ามักจะซื้อหุ้นเพิ่มหลังจากที่ได้ตกไปซักพักแล้ว

7.หุ้นดังกล่าวได้ตกต่อไปอีก จนถึงตอนนี้แมงเม่ายอมจำนน และตัดสินใจที่จะขายทิ้งด้วยการขาดทุนมหาศาล

8.จนถึงตอนนี้แมงเม่าเริ่มมีอารมณ์สงบลง และแมงเม่าจะแตกออกเป็น 3 ประเภท
ประเภทแรกคือแมงเม่าที่ตัดสินใจเลิกเล่นหุ้น เพราะยอมรับว่า ความผันผวนของหุ้นไม่เหมาะสมกับตนเอง
ประเภทสองคือแมงเม่าที่ปลี่ยนไปซื้อหุ้นยอดนิยมตัวใหม่และอยู่ในวงจรแมงเม่าต่อไป
ประเภทที่สามคือแมงเม่าที่เริ่มค้นหาตัวเองว่าตัวเองได้ทำอะไรผิดไป โดยค้นคว้าหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

9.สำหรับแมงเม่าที่เข้าใจและปรับปรุงตัวเองสำเร็จจะประสบความสำเร็จและก้าวขึ้นเป็น “เซียนหุ้นรุ่นเล็ก”

10.แต่ก็มีบางแมงเม่าที่หลงคิดว่าตัวเองเป็น “เซียนหุ้นรุ่นเล็ก” ทั้งๆที่ตัวเองยังไม่ได้เป็น และเป็นผลทำให้ยังคงอยู่ในวงจรแมงเม่าต่อไป





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น