วันเสาร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2556

ความห่วยของ กกต. ยุค อภิชาติ กับ สดศรี






กกต. หรือคณะกรรมการการเลือกตั้ง ยุคที่นายอภิชาติ สุขัคคานนท์ เป็นประธาน กกต. และมี นางสดศรี สัตยธรรม เป็นกกต. ยุคนี้มันรับใช้พรรคการเมืองชั่ว

เพราะความจริงนั้นพรรคเพื่อไทยมันทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ตั้งแต่หาเสียงเรื่อง ค่าแรง 300 บาท เงินเดือนปริญญาตรีหมื่นห้าแล้วล่ะครับ นั่นคือสัญญาว่าจะให้ เป็นตัวเงิน แม้จะเป็นเงินจากภาษีชาติก็ตาม

หรือแม้แต่ครงการรับจำนำข้าวตันละหมื่นห้า เป็นการหาเสียงที่ไม่สนเรื่องความเสียหายของกลไกตลาดที่จะตามมา เพราะมันสนแต่คะแนนเสียงเพื่อได้มาซึ่งอำนาจเท่านั้น

แต่ กกต.ยุคนายอภิชาติและนางสดศรี เสือกตีความการหาเสียงแบบประชานิยมของพรรคเพื่อไทยว่า เป็นเพียงนโยบายพรรคไม่ใช่การซื้อเสียง

-----------------

กฎหมายเลือกตั้ง

ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๕๐

มาตรา ๕๓ ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แก่ตนเอง หรือผู้สมัครอื่น หรือพรรคการเมืองใด หรือให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
(๑) จัดทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ แก่ผู้ใด

(๒) ให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม แก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัด สถาบันการศึกษา สถานสงเคราะห์ หรือสถาบันอื่นใด

(๓) ทำการโฆษณาหาเสียงด้วยการจัดให้มีมหรสพหรือการรื่นเริงต่าง ๆ
(๔) เลี้ยงหรือรับจะจัดเลี้ยงผู้ใด
(๕) หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด

ความผิดตาม (๑) หรือ (๒) ให้ถือว่าเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจส่งเรื่องให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ได้

เป็นความผิดมีโทษจำคุก ๑ ปี – ๑๐ ปี และปรับ ๒๐,๐๐๐ บาท – ๒๐๐,๐๐๐ บาท
และถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ๑๐ ปี (มาตรา ๕๓ ประกอบมาตรา ๑๓๗)


----------------------

การหาเสียงที่ถูกต้องเป็นอย่างไร 

การหาเสียงต้องหาเสียงเรื่องนโยบายแก้ปัญหา ไม่ใช่บอกจะให้เงิน หรือให้สิ่งของแก่ประชาชน ที่ค่าเป็นรูปตัวเงินได้ เพราะนั่นเหมือนการซื้อเสียงล่วงหน้าด้วยภาษีชาติแท้ ๆ

เช่นการบอกจะลดภาษีรถคันแรกจะคืนให้สูงสุด 1 แสนบาทต่อคัน นี่ก็คือสัญญาว่าจะให้ ถือเป็นการซื้อเสียงรูปแบบหนึ่งเช่นกัน

หรือ เช่นให้แท็บเล็ตเด็กป. 1 ก็คือสัญญาว่าจะให้ ถือเป็นการซื้อเสียงเช่นกันครับ เพราะเป็นการให้สิ่งของ

เหมือนอย่างในอดีตที่ ผู้สมัคร สส. สัญญาว่า ถ้าได้เป็น สส. จะเอางบมาสร้างถนนให้ชาวบ้าน เป็นต้น นี่ก็คือการซื้อเสียง ซึ่งผิด กม. เลือกตั้ง และเคยเอาผิดได้มาแล้วในอดีต

การหาเสียงต้องพูดเรื่องนโยบายในการแก้ปัญหา หรือมีนโยบายอะไรที่จะทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตดีขั้น โดยต้องไม่สัญญาว่าจะให้เงินหรือสิ่งของ ครับ

เพียงแค่ดูนโยบายของพรรคการเมือง ก็รู้ถึงคุณภาพของประชาชนในประเทศนั้นๆ แล้วว่า มีคุณภาพอย่างไร !!

หากไม่มีการปฏิรูปคณะกรรมการการเลือกตั้ง และการหาเสียงด้วยประชานิยมแบบผิด ๆ  

ต่อไปหากพรรคชั่วมันจะหาเสียงคราวหน้าว่า จะรับจำนำข้าวตันละ 2 หมื่นบาท ก็จะมีคนไทยหรือชาวนาไทยเห็นแก่ตัวเลือกพวกชั่วเข้ามาทำลายชาติอีกรอบ 

ดังนั้น กกต. ยุคนางสดศรี คือจุดเริ่มต้นของปัญหาหายนะของชาติทั้งมวล





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น