วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

โพลนั่งเทียน






ต่อจากบทความก่อน โพลจัดตั้ง โพลขี้ข้า

ในตอนนี้ผมจะพูดถึงโพลนักศึกษานั่งเทียน ก็แปลตรงตัวคือ อาจารย์จ้างนักศึกษาทำโพลเพื่อหารายได้พิเศษ หรือไม่ก็เป็นงานที่อาจารย์ใช้นักศึษาไปสำรวจโพลเพื่อแลกคะแนนหรืออะไรก็ตามแต่

นักศึกษาที่รับจ๊อบจากอาจารย์ทำโพล ตามหลักนักศึกษาก็ต้องไปสำรวจความคิดเห็นตามกลุ่มตัวอย่างจริงๆ

แต่สมัยนี้นักศึกษาจำนวนมาก ผมกล้าย้ำเลยว่า จำนวนมากโดยเฉพาะโพลการเมืองที่รับจ๊อบเป็นเงิน โดยมากจะมีการนั่งเทียนกันเอง คิดกันเอง

ยิ่งโพลการเมือง นักศึกษายิ่งชอบ เพราะมันง่ายมาก สุ่มก็ไม่ต้องสุ่ม คิดเองเออเอง แล้วเอาเงินค่าจ้างมากินเหล้าดีกว่า เรื่องอะไรจะไปสำรวจให้เมื่อย

ผมถามง่ายๆ ว่า คุณเคยโดนสำรวจโพลการเมืองกันบ้างไหม ?

เพราะจากข่าวโพลการเมืองที่รายงานมาทีไร สังเกตดูได้ ไม่ค่อยจะบอกว่า สำรวจที่ไหน สำรวจคนอายุเท่าไหร่ หรือกลุ่มอาชีพไหน เป็นต้น

หรือบางทีนักศึกษาก็ชี้นำเอาเองเลย ตัวเองชอบใครก็ชี้นำไปทางนั้น ก็นักศึกษาที่ทำโพล ทุกคนก็เคยเรียนมาทั้งนั้นว่า โพลสามารถชี้นำสังคมได้ โดยเฉพาะสังคมที่มีคนไม่ค่อยสนใจใฝ่หาวิชาความรู้จำนวนมาก เพราะสนใจแต่แชทๆๆๆ

โพลสามารถชี้นำให้สังคมคล้อยตามได้ มันจิตวิทยาสังคมแขนงหนึ่ง

หรือไม่ก็ถ้านักศึกษาที่ฉลาดหน่อย ก็จะตามเช็คข่าวว่า พรรคไหนนำอยู่ หากตัวเองชอบฝ่ายไหนอยู่แล้ว ก็อาจเสริมเติมแต่งไปอีกนิด ให้มันชี้นำมากขึ้น เป็นการสนองตัณหาความสะใจของตัวเองกลาย ๆ

หรือถ้าพรรคไหนสูสี บางทีก็ทำโพลนั่งเทียนให้ออกมาใกล้เคียงกันหน่อย โดยที่จะเอนเอียงเข้าข้างฝ่ายที่ตัวเองชอบอยู่ดี

-------------------------

โพลการเมือง ยุคเลือกตั้งผู้ว่า '56

กรณีเลือกตั้งผู้ว่ากทม. สังเกตเลยว่า ไม่เห็นบอกสำรวจที่ไหน จำนวนคนเท่าไหร่ และคนกลุ่มไหน

บางทีนะ จ้างนักศึกษาไปสำรวจ แต่ส่วนใหญ่มักไปสำรวจจริงแค่วันแรก เท่านั้น เพราะกำลังขยันวันต่อมาก็ร้อน ก็ขี้เกียจ ที่เหลือเลยนั่งเทียนเอาเองต่อก็มี โดยยึดโพลที่ไปสำรวจจริงเป็นแม่แบบไว้ ทีนี้มันมีประเด็นนึงคือ

พวกนักศึกษามันชอบมักง่าย เช่นถามคนไม่กี่คน แถมถามคนใกล้ตัว เช่นถามญาติ ถามเพื่อน ถามมอไซค์วิน ถามพ่อค้าแม่ค้าที่ตัวเองรู้จัก

แบบนี้โพลจะยิ่งไม่ค่อยแม่น เพราะบางทีคนที่ถูกถาม ก็ไม่เคยไปเลือกตั้งเลย หรือไม่ก็คนที่ถูกถามไม่มีสิทธิเลือกตั้งด้วยซ้ำ เช่น เป็นคนตจว.มาหากินในกรุงเทพฯ

ยิ่งโพลสวนดุสิต โดยอาจารย์สุขุม เฉลยทรัพย์ ได้ออกมาบอกว่า ถ้าเป็นโพลการเมืองจะไม่มีใครจ้างให้ทำ ทำให้ฟรีๆ

ซึ่งหากเป็นแบบนั้นตามอาจารย์สุขุมว่าจริงๆ ผมยิ่งเชื่อกว่า นักศึกษาจะยิ่งนั่งเทียนกันใหญ่เลยล่ะครับ ก็ขนาดโพลที่จ้างให้ไปทำ นักศึกษายังมั่วนั่งเทียนเองมากมาย

แล้วโพลฟรี มีรึใครมันจะขยันไปถามให้เล่าอาจารย์ ??


--------------------------


ซึ่งมีตัวอย่างนึงคือ มีผู้สมัครหน้าโง่เป็นอดีตพระเอกละครดัง เดินหาเสียงตามตลาด ตามริมถนน มีพ่อค้าแม่ค้า ประชาชนสัญจรให้กำลังใจมากมาย บอกว่าจะไปเลือกให้ รับรองชนะแน่

สุดท้าย อดีตพระเอกคนนั้นแพ้ !! เพราะอะไรรู้มั้ย ?

ก็เพราะคนเดินถนนเป็นคนต่างจังหวัดทั้งนั้น และพ่อค้าแม่ค้าจำนวนมาก ก็ไม่ค่อยไปเลือกตั้งนั่นเอง

แต่ก็อย่างว่า เมื่อก่อนยุคที่คุณสมัคร สุนทรเวชยังมีชีวิต คุณสมัครเคยต่อต้านไม่ให้ทำโพลชี้นำพวกนี้ เพราะคุณสมัครรู้ว่า โพลมันจัดตั้งได้ โพลมันชี้นำได้ มันเป็นโพลรับจ้างซะเยอะ

จึงเคยมีข้อห้ามทำโพลการเมืองอยู่ยุคนึง โดยห้ามเผยผลโพลก่อนจะพ้น3โมงเย็นของวันเลือกตั้งไปแล้ว

(กฎหมายเลือกตั้ง สส. สว. จะห้ามการทำโพลก่อนวันเลือกตั้ง แต่กฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นกลับไม่ห้าม)

นั่นเพราะโพลชี้นำสังคมไทยได้ เราจึงไม่แปลกใจที่ยุคนี้มีโพลการเมืองกลับมาโลดแล่นอีกก่อนการเลือกตั้ง ก็เพราะว่า คนไทยเก่งเสพเทคโนโลยีนะ ซึ่งดูเหมือนเจริญนะ แต่จริงๆ แล้ว คนไทยจำนวนมากไม่่ค่อยรู้เรื่องวิชาการหรอก แปลง่ายๆ คือ โดนโพลชี้นำได้ง่ายมาก

ก็ขนาดคนขายนมเปรี้ยวแถวบ้านผม เรียนจบแค่ป.6 ยังมีไอโฟน4s นั่งเล่นเฟซบุ๊คระหว่างขายของแทบตลอดเวลาเลย คือผมไม่ได้ดูถูกอะไรหรอก

แต่อยากจะบอกว่า การมีของใช้ไฮเทคไม่ได้แปลว่า ประเทศไทยเจริญ หรือคนไทยเก่งอะไรเลย คนไทยก็แค่นักซื้อติดระดับโลกเท่านั้น คนไทยก็แค่ทาสเทคโนโลยีเท่านั้น

คือถ้าฉันมีของไฮเทคใช้ ก็มักจะคิด(ไปเอง)ว่า ตัวฉันฉลาดขึ้น ^^

จำได้ไหม เอ๊กซิสโพลในการเลือกตั้งใหญ่คราวที่แล้ว โพลบอกว่า พรรค...จะแพ้ในกรุงเทพฯอย่างราบคาบ สุดท้ายกลับตาลปัตร!!  พรรคที่ว่าจะแพ้ กลับชนะขาดลอยเลยครับ

akecity





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น