เพราะบล็อคมุมมองใหม่เมืองเอก ลิงค์มักมีปัญหาไลค์ไม่ได้ เลยมาเปิดบล็อคใหม่อันนี้แทนครับ
วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
ธรรมกาย ธรรมโกย ลิเก เมื่อผมเลิกนับถือวัดธรรมกาย
ผมเขียนเรื่องธรรมกาย ไว้ในหลายบทความในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รวมทั้งเคยเล่าประสบการณ์ไปทำบุญที่วัดพระธรรมกายในสมัยเด็กของผมตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ก็ไปหลายครั้งแล้วก็มีเว้นระยะไปหลายปี แล้วก็ได้ไปอีกในช่วงอายุ 15 - 18 ปีในเฟสบุ๊คของผม
แรกเริ่มจุดขายของวัดพระธรรมกายคืออะไร ?
ก็เริ่มจากที่ในอดีต บรรดาวัดทั่วไปจะสกปรก มีหมาวัด หมาจรจัด หมาขี้เรื้อนมากมายในวัด ทำให้วัดไม่เป็นที่น่ามาเยือนของผู้คนจำนวนมาก เพราะไม่ชอบความสกปรกจากหมา แมว ขี้หมา ที่มีเลอะเทอะมากมายในวัด
จากที่วัดควรเป็นสถานที่สัปปายะ คือ สะอาด สบาย น่ารื่นรมย์ สงบ เหมาะแก่การศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรม
แต่วัดทั่ว ๆ ไปกลับกลายเป็นสถานที่ ๆ สกปรกไปด้วยมูลหมา แถมหนวกหูไปด้วยเสียงหมาเห่า เสียงสัตว์ต่าง ๆ ที่มีมากมายในวัด ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้คนที่รักความสะอาด รักธรรมชาติ ไม่อยากไปวัด
ผู้ก่อตั้งวัดธรรมกาย รู้จุดตรงนี้ดี จึงสร้างวัดธรรมกายให้ไม่มีสิ่งไม่น่ารื่นรมย์เหล่านั้น ทำวัดให้เป็นสถานที่สะอาด รื่นรมย์สวยงาม ไม่มีหมาวัด ไม่มีขี้หมาสกปรก ทำให้ใคร ๆ ก็อยากมาวัด มาปฏิบัติธรรมกันที่วัดธรรมกายมากขึ้น ๆ
อีกทั้งจุดขายคือ เน้นกลุ่มปัญญาชน เพราะเจ้าอาวาสและรองเจ้าอาวาสเป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จึงทำให้ผู้คนในยุคนั้นสนใจมากขึ้นว่า นี่ขนาดคนระดับปัญญาชนยังมาบวช มาสร้างวัดเลย ซึ่งเมื่อสัก 40-50 ปีก่อน ถือว่าระดับนิสิตมาบวชตลอดชีวิตจึงเป็นเรื่องน่าสนใจมาก ถือเป็นจุดขายของวัดที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนในยุคนั้นได้
ในตอนเริ่มแรกจนเดี๋ยวนี้ ทางวัดธรรมกายจะมีรถบัสคอยรับส่งคนมาวัดฟรี เพราะวัดยังไม่เป็นที่รู้จัก เลยต้องใช้วิธีขนคนเข้าวัด
ซึ่งตอนเด็ก ๆ ผมและครอบครัวไปวัดธรรมกายก็ด้วยวิธีนั่งรถบัสฟรีนี่แหละครับ โดยรถจะออกจากจุดนัดหมายตอนหกโมงเช้า และกลับมาส่งที่จุดเดิมหรือใครจะลงกลางทางก่อนก็ได้ในช่วงบ่าย 3-4 โมงเย็น
แรกเริ่มที่ผมได้ไปวัดธรรมกายครั้งแรก เพราะมีเพื่อนแม่เขามาชวนแม่ผมไป โดยบอกว่า ไปเที่ยววัดนี้กันไหม ไปฟรี วัดนี้สวย สะอาดมาก
----------------
เอาเป็นว่า ตอนเด็ก ๆ ผมเองก็ไม่ได้รู้เรื่องราวธรรมะอะไรมาก สนใจแค่ว่าทำสมาธิแล้วดี ทำสมาธิแล้วจะฉลาดเรียนเก่ง ก็ผู้ใหญ่เขาสอนกันมาแบบนั้น
ต่อมาพอโตขึ้น ก็ได้ยินคำสอนจากวัดธรรมกายมากขึ้นในเรื่องการทำบุญ ที่มักเน้นเรื่องอานิสงส์ผลบุญว่า ทำบุญแบบนี้แล้วจะได้อานิสงส์มากเท่านั้นเท่านี้ ทำบุญแบบนี้แล้วจะได้อานุภาพบุญมากเท่านั้นเท่านั้น
ซึ่งเรื่องทำบุญเพื่อหวังอานิสงส์ มันเป็นเพียงเปลือกของพุทธศาสนา ที่ไม่ควรไปเน้นให้มากเกินไป แต่ธรรมกายเขาเน้นเรื่องนี้เป็นหลักการตลาดเลยครับ
ผมเลยขอเรียกวัดธรรมกายว่า ลัทธิขายบุญ คือ มุ่งเน้นทำการตลาดด้วยการทำบุญและการบริจาคเพื่อหวังผลตอบแทนจากผลบุญ
ทั้งที่เจตนาของการทำบุญทำทาน คือการลดความโลภในใจลง แต่วัดธรรมกายสอนทำบุญแล้วเน้นเรืองอานิสสงส์ จึงเสมือนส่งเสริมความโลภให้มากขึ้น
วัดธรรมกายนี่เขาสอนให้ทำบุญแม้กระทั่ง มีกระปุกบุญให้เด็ก ๆ หรือใครสนใจที่จะหยอดเงินใส่กระปุก ก็จะซื้อกระปุกจากวัดธรรมกายไปค่อย ๆ หยอด พอกระปุกเต็มก็เอามาทำบุญกับวัดอีก โดยกระปุกของวัดธรรมกายจะเป็นกระปุกทรงดวงแก้ว
แถมวัดธรรมกายเขาจะมีหนังสือพิมพ์ของวัดส่งมาที่บ้านผมทุกเดือน จะมีบอกบุญใหม่ ๆ ทุกเดือนตลอดปี
จบกฐิน ก็มีผ้าป่า จบผ้าป่า เดี๋ยวก็มีบวชพระแสนรูป เดี๋ยวก็สร้างโน่นสร้างนี่ มีให้ทำบุญตลอดปีไม่รู้จบ
-----------------
คำสอนสมาธิของธรรมกาย
ก็ท่อง สัมมาอะระหัง ตั้งจิตไว้ที่ศูนย์กลายกายฐานที่ 7 เพื่อให้เห็นพระภายในที่เรียกว่า ธรรมกาย ซึ่งมาจากวิชชาธรรมกายที่หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ เป็นผู้ค้นพบ
หรือบางทีให้กำหนดดวงแก้วใสไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7
และมีแม่ชีจันทร์ ขนนกยูง เป็นศิษย์คนสำคัญวิชชาธรรมกายของหลวงพ่อสด ที่มาเป็นอาจารย์สอนพระธัมมชโยและพระเผด็จ ทัตตชีโว อีกทอด โดยเจ้าอาวาสและรองเจ้าอาวาสมักจะสอนสาวกว่า แม่ชีจันทร์เป็นผู้เชี่ยวชาญวิชชาธรรมกายมากที่สุด
เพราะแม่ชีจันทร์ เก่งวิชชาธรรมกายมาก ขนาดถอดกายทิพย์หรือธรรมกาย เพื่อไปถวายข้าวแด่พระพุทธเจ้าที่แดนนิพพานที่สวยสว่างดั่งแก้ว
ซึ่งที่ถูกต้องนิพพานไม่ได้มีสภาวะเป็นสถานที่ดั่งที่วัดธรรมกายสอน แต่ความจริง นิพพานคือสภาวะธรรม
นี่ยังไม่รวมเรื่องแม่ชีจันทร์ ช่วยปัดระเบิดที่ฝ่ายสัมพันธมิตรเอามาทิ้งระเบิดกรุงเทพฯ ให้ระเบิดจำนวนมากตกแม่น้ำเจ้าพระยาไป
วัดธรรมกายโดยเจ้าอาวาส พยายามโปรโมทแม่ชีจันทร์ว่า เป็นเลิศด้านวิชชาธรรมกายที่สุด ขนาดยกคำของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ มาอ้างว่า "ลูกจันทร์ หนึ่งไม่มีสอง"
http://imgur.com/vnEJ4OJ
ถ้าตามที่วัดธรรมกายสอน คือ ผู้สำเร็จวิชชาธรรมกาย หมายถึง ได้สำเร็จนิพพาน นั้น
ผมขอบอกว่า วัดธรรมกายและแม่ชีจันทร์ กำลังโกหก เพราะผู้ที่เป็นพระอรหันต์แล้ว ไม่สามารถอยู่ในเพศฆราวาสได้เกิน 7 วัน ที่จริงถ้าเป็นฆราวาสแล้วสำเร็จเป็นอรหันต์ในชาตินี้ รุ่งขึ้นก็ตายแล้วครับ
ดังนั้นการที่วัดธรรมกายพยายามอุปโลกแม่ชีจันทร์ราวกับเป็นพระอรหันต์ ก็คือ โกหกคำโต
(หมายเหตุ แม่ชี กับ ฆราวาส สถานะเท่ากัน เพราะฆราวาสก็ถือศีล 8 เหมือนแม่ชีได้)
-----------------
เป็นไงครับ ที่ผมเขียนมาทั้งหมด ผมเขียนจากความทรงจำในวัยเด็กของผมทั้งสิ้น
หากผิดถูกอะไรไปบ้างก็ขออภัย เพราะมันก็นานกว่า 20 ปีมาแล้ว
ย้ำอีกครั้งนะครับ นิพพานไม่ใช่สถานที่ที่สวยงามดั่งแก้วเหมือนที่วัดธรรมกายพยายามล่อลวง
และแม่ชีจันทร์ก็ไม่ใช่พระอรหันต์ เพราะถ้าแม่ชีจันทร์สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ก็ต้องตายไปนานแล้ว ไม่อยู่จนอายุยืนกว่า 80 ปีหรอกครับ
http://imgur.com/D0n66fb
--------------
บทความนี้ผมไม่อยากเขียนเยิ่นเย้อ แต่เอาเป็นว่า ผมเคยเป็นคนที่เลื่อมใสในสำนักธรรมกายอย่างมากคนนึง
ถ้าสังเกตดี ๆ จะมีพ่อค้าแม่ค้านักธุรกิจเชื้อสายจีนจำนวนมากไปทำบุญกับวัดธรรมกาย เพราะคำสอนของเจ้าอาวาสวัดธรรมกายจะถูกจริตกับผู้ที่ทำมาค้าขายอย่างมาก
นั่นคือทำบุญเยอะ ๆ สั่งสมบุญบารมีมาก ๆ จะทำให้การค้าเจริญรุ่งเรือง ซึ่งคนจีนจะชอบทำบุญแนวนี้กันมาก คือ ชอบทำบุญเพื่อหวังค้าขายดี ร่ำรวยขึ้น
ทีนี้จะมีมหาเศรษฐี นักธุรกิจชื่อดังหลายคนไปทำบุญกับธรรมกาย ซึ่งมหาเศรษฐีพวกนี้เหมือนสาวกคนสำคัญที่มีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้าอาวาสอย่างใกล้ชิด
ทีนี้จะมีคำพูดที่มักบอกต่อ ๆ กัน สอนต่อ ๆ กันในหมู่สาวกกันว่า
"เห็นไหมเจ้าสัวคนนี้มาทำบุญกับวัดธรรมกาย เขาถึงยิ่งรวยขึ้น"
ด้วยคำพูดเหล่านี้แหละครับ ที่เป็นเหมือนสื่อโฆษณาชวนเชื่อชั้นดีที่ทำให้ผู้คนที่ทำบุญแบบหวังผล อยากจะมาทำบุญที่วัดธรรมกายเยอะ ๆ เพื่อหวังจะได้รวยเหมือนเจ้าสัวหลาย ๆ คนที่มาทำบุญที่นี่
หลักการตลาดของวัดธรรมกายคือ พยายามหาคนดัง คนรวย คนมีความรู้ที่ศรัทธาวัดธรรมกายมาเป็นจุดขายเพื่อโฆษณาชวนเชื่อผู้คนให้มาศรัทธาวัดธรรมกายมากขึ้น
ตอนเด็ก ๆ ผมเองก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรมาก ก็ยังหลงติดในบุญเช่นกัน ก็อยากทำบุญเพื่อหวังว่าบุญจะมาส่งเสริมให้ชีวิตเราประสบความสำเร็จทุกอย่าง จะได้ร่ำรวยเหมือนเขาเหล่านั้นบ้าง
ถาม ทำไมเราถึงรู้ว่าเจ้าสัวคนนั้น เจ้าสัวคนนี้มาทำบุญกับวัดธรรมกาย แต่ประเทศไทยยังมีเจ้าสัวอีกมากมายนับไม่ถ้วน ที่เราไม่รู้ว่า ท่านไปทำบุญที่ไหน ?
ตัวอย่างการสอนเน้นบุญและอานิสสงส์ของพระนพดล สิริวํโส หัวหน้ากองปฏิบัติธรรม ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักเผยแผ่วัดพระธรรมกาย
http://imgur.com/2xrGjFW
แต่เมื่อผมโตขึ้น ศึกษาธรรมะมากขึ้นจากแหล่งความรู้ต่าง ๆ ผมเริ่มรู้มากขึ้นว่า ธรรมกายไม่ใช่หนทางที่ถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนา
หลักของพระพุทธศาสนาจะต้อง สมถะ เรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ ปล่อยวางไม่ยึดติดวัตถุ แม้กระทั่งบุญก็ไม่ควรยึดติดให้มาก
เช่น ทำบุญบวขพระแสนรูป ตักบาตรพระล้านรูป แล้วอ้างว่า เป็นบุญใหญ่ เพราะจำนวนพระบวชยิ่งมีมาก ยิ่้งได้บุญมาก
ศาสนาพุทธของเราไม่สอนให้เน้นปริมาณนะครับ แต่เน้นเรื่องของเจตนาของใจสำคัญที่สุด เช่น ทำบุญล้านบาท หรือทำบุญแค่ 1 บาท ก็ได้บุญไม่ต่างกันถ้าใจเรามีเจตนาทำกุศลไม่ต่างกัน
แต่หลักการของธรรมกาย สอนยิ่งทำบุญยิ่งมากยิ่งดี ดูได้จากคลิปนี้ครับ ไหว้พระพุทธรูปล้านองค์ที่ตั้งล้อมรอบมหาธรรมกายเจดีย์ได้บุญมากกว่าไหว้พระพุทธรูปองค์เดียว แบบนี้มันไม่ใช่หลักการที่ถูกต้องแล้วครับ
(หมายเหตุ เรื่องการทำบุญมากได้มากนั้นมีส่วนจริงอยู่ แต่ไม่ใช่แบบธัมมชโยสอน แต่ไว้ต้องแตกประเด็นขยายความกันอีกบทความครับ)
ผมเริ่มถอยห่างจากวัดธรรมกายเพราะเน้นเรื่องทำบุญยิ่งมากยิ่งดี ยิ่งสร้างใหญ่โตอลังการยิ่งดี เช่น วัดขยายใหญ่โตไปเรื่อย เดี๋ยวสร้างโน่นสร้างนี่ที่อลังการหรูหราใหญ่โตมากมาย
โดยจะอาศัยหลักการที่สอนว่า การถวายสิ่งประณีตให้สงฆ์ หรือการถวายเพื่อเป็นพุทธบูชา จะได้อานิสสงส์ผลบุญเยอะ จึงทำให้ผู้คนจึงพยายามบริจาคเงินเยอะ ๆ เพื่อจะได้มาซึ่งสิ่งประณีต หรือสิ่งสวยงาม หรือสิ่งยิ่งใหญ่เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา
(และหลักการเรื่องต้องถวายของประณีตให้สงฆ์นี่แหละ ที่ทำให้เณรคำรวย!!)
พอวัดธรรมกายเริ่มบอกบุญว่าจะสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ ผมเริ่มมองเห็นว่า นี่ไม่ใช่หนทางที่ผมต้องการแล้ว ผมเริ่มไม่มีความสุขที่จะทำบุญกับวัดนี้
แต่ตอนนั้นผมยังเด็ก ยังไม่ถึงกับรู้อะไรมากนักหรอกครับ แค่ความรู้สึกในใจผมเริ่มรู้สึกว่า นี่ไม่ใช่แนวทางที่ผมแสวงหา
ผมเลยบอกกับพ่อแม่ของผมว่า "พอเถอะเรา พอเถอะพ่อ พอเถอะแม่ ผมว่า นี่ไม่ใช่แนวทางที่ครอบครัวเราต้องการแล้ว เราเลิกมาทำบุญวัดนี้กันเถอะ"
แล้วหลังจากนั้นอีกเป็น 10 ปีที่ผมเริ่มศึกษาหลักธรรมะมากขึ้น ผมยิ่งแน่ใจว่า มีคำสอนของธรรมกายหลายอย่างไม่ใช่แนวทางพุทธศาสนาที่ถูกต้องอย่างแน่นอน
ที่จริงมีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้ผมเริ่มรู้สึกมาเรื่อย ๆ ว่า เริ่มไม่ชอบแนวทางของวัดธรรมกาย แต่ขอจบเพียงเท่านี้ดีกว่า เพราะเรื่องแบบนี้ต้องเจอกับตัวเองจึงจะเข้าใจ
สำหรับความคิดของผมในปัจจุบัน "การทำบุญยิ่งอยากได้บุญมากยิ่งได้บุญน้อย จงทำความดีเพราะอยากทำ แล้วปล่อยให้มันเป็นไปตามสภาวะแห่งธรรม"
แต่ผู้คนในวัดรวมทั้งผู้มาทำบุญ ก็ล้วนเป็นคนดีนะครับ แต่เขาเป็นคนดีในแบบทีมีจุดบกพร่อง ก็คือ ไม่รู้ว่า เจ้าอาวาสวัดธรรมกายคือ สมีปาราชิกแล้วนั่นเอง
"พระพุทธเจ้าทรงละทิ้งราชสมบัติละทิ้งปราสาทราชวัง เพื่อทรงผนวช และอยู่อย่างสมถะในป่าหรือในวัดที่ยากจน
ในขณะที่ธัมมชโย บวชเพื่อแสวงหาทรัพย์สมบัติ และสร้างวัดให้เสมือนปราสาทราชวัง"
----------------------
รูปนี้ผมขอให้ชื่อว่า อย่าคิดเอาแต่ได้เองฝ่ายเดียว เป็นรูปที่วัดธรรมกายใช้สนับสนุนขบวนการเดินอวดเท่บนกลีบดาวเรือง
http://imgur.com/n9x2H5H
ส่วนรูปนี้ขอให้ชื่อว่า พระธุดงค์แท้
http://imgur.com/hy8qIaP
หมายเหตุ จริง ๆ แล้ว เจ้าของรูปนี้ก็ไม่ควรถวายปัจจัยแก่พระธุดงค์โดยตรงนะครับ แต่เอาเถอะ ก็พอมีเรื่องอนุโลมได้พอสมควรสำหรับในยุคปัจจุบันคือ เมื่อพระนั้นกลับวัดไปแล้ว หากไม่ได้นำเงินไปเพื่อซื้อค่าโดยสารหรือสิ่งจำเป็นบางอย่างในขณะธุดงค์จนหมด เงินหรือปัจจัยที่ได้รับมา ที่ยังเหลือก็ไม่ควรถือเป็นของตน ควรนำไปถวายวัดที่ตนเองพำนักหรือขึ้นอยู่แทน เพราะถ้าไม่ถือว่าเงินเป็นของตน ก็ไม่อาบัติครับ อีกทั้งเพราะเจ้าของรูปก็ใส่เงินลงย่ามทันที พระธุดงค์ไม่ได้รับเงินโดยตรงจากมือ
-------------------
เรื่องเล่าท้ายบทความ
ยายคนนึงไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่อยากไปวัดที่สะอาดน่าปฏิบัติธรรม จึงได้ไปวัดพระธรรมกาย แกทำบุญเท่าที่แกมีสม่ำเสมอมาหลายปี
ครั้งนึงงานบุญใหญ่ ยายรีบไปถึงวัดแต่เช้ามืดเพื่อหวังจะได้ไปนั่งใกล้ๆ ด้านหน้าพิธีเพื่อขอใกล้ชิดหลวงพ่อบ้าง
แต่แล้ว กลับโดนเจ้าหน้าที่วัด ขอให้ยายย้ายที่นั่งไปด้านหลังกว่า เพียงเพื่อจะให้สาวกมหาเศรษฐีใหญ่คนนึงและครอบครัวที่พึ่งมาถึงงานพิธีได้เข้าต้อนรับหลวงพ่ออย่างใกล้ชิด !!
คลิกอ่าน หลักการรับเงินบริจาคของหลวงพ่อชา สุภัทโธ วัดหนองฟ่าพง
คลิกอ่าน อย่าบำรุงพระจนเกินความพอดีของการเป็นภิกษุ
คลิกอ่าน กองกำลังออนไลน์ธรรมกาย กับเหตุผลที่หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ละทิ้งวิชชาธรรมกาย
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
อนุโมทนาสาธุ ชอบบทความนี้ค่ะ ยังไม่ได้ศึกษาธรรมะอย่างลึกซึ้งมากนักแต่ก็ค้านกับแนวคิดการกระทำของธรรมกายเป็นอย่างมาก
ตอบลบสิ่งที่เคยได้ยินมาจากคนไปธรรมกายว่าทำบุญมากๆ จึงจะได้บุญมากๆ ซึ่งขัดกับรู้สึกแย่มาก แบบนี้เท่ากับคนจนไม่มีสิทธิ์จะได้บุญเท่าคนรวยอย่างนั้นเหรอ ... แค่นั้นก็บายเลยค่ะ
ที่ศาสนาพุทธในประเทศไทยเป็นอยู่ทุกวันนี้ สะท้อนถึงจำนวนคนที่ "เข้าถึง" และ "เข้าใจ" ว่า "พุทธ" สอนอะไร? ป่วยการที่จะพูดถึงการปฎิบัติว่าทำได้แค่ไหน ถ้าเริ่มต้นตั้งเข็มทิศก็ผิดแล้ว แนวทางก็เข้าใจได้ว่าสุดท้ายไปไหน..
ตอบลบกฎดึงดูดจะทำงาน
ตอบลบตามความคิดของเรา
ไม่ว่าเราคิดอะไร
มันจะดึงดูดสิ่งนั้นเข้ามา!
ถ้าเราคิดเรื่องบวก
ก็ดึงดูดเรื่องบวกเข้ามา
ถ้าเราคิดเรื่องลบ
ก็ดึงดูดเรื่องลบเข้ามา
คิดเรื่องรวย คือ คิดด้านบวก
คิดเรื่องจน ตือ คิดด้านลบ
การคิดเรื่องรวยไม่ได้สอนให้โลภ
แต่ให้รุ้จักขวนขวาย รู้จักหาทรัพย์ รู้จักใช้ทรัพย์ให้เกิดประโยช์ และรู้จักรักษาทรัพย์
ไม่มีใครรวยเพราะมัวแต่คิดเรื่องจน และรอบุญวาสนา
ดังนั้นจึงต้องฝึกตัวเอง
ให้เป็นคนคิดบวก
พูดบวก ทำบวก
อยู่เสมอ!
วัดพระธรรมกายสอนให้คนคิดบวก ให้คิดดี ทำดี พูดดี
ให้ปฏิบัติตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
คุณกำลังเอาบางอย่างมามั่วกันยกหางให้ไชยบูลย์นะครับ
ลบการสอนให้คนคิดบวก คิดสอนให้อยากรวยน่ะใคร ๆ ก็รู้หลักจิตวิทยานี้ แต่ไม่ใช่สอนให้มาทำบุญบำรุงพระมากมายจนเกินความเป็นพระ สอนให้คนงมงายในบุญ โดยเอาความโลภของคนมาล่อหลอก
ทางจิตวิทยาของฝรั่ง เขาสอนเรื่องการคิดบวกน่ะถูกต้อง แล้วสิ่งดี ๆ จะเข้ามาตามพลังความคิดของเรา โดยที่ไม่ต้องเอาเรื่องทำบุญ หรือเรื่องอานิสสงส์ของบุญมาล่อหลอกให้คนงมงายครับ
มีแต่คนโง่และโลภเท่านั้นที่หลงเชื่อธัมมชโย เช่นค้อนทุบแล้วรวย ชิตังเมรวยพ่อง น่ะสิครับ
อย่างครูอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง ผู้เชี่ยวชาญหลักสูตรเข็มทิศชีวิต ก็นำหลักพุทธศาสนามาสอนให้คนคิดบวก มาสอนให้คนร่ำรวยโดยไม่โลภ ไม่เห็นต้องล่อหลอกด้วยบุญอะไรแบบสมีไขยบูลย์กระทำครับ
ขอคุณจงงมงายในสมีไชยบูลย์ต่อไป เพราะท่าทางจะถอนตัวไม่ขึ้นแล้วล่ะ 555
ฉันเข้าวัดมาตั้งแต่เด็ก จนโตขึ้นได้ไปศึกษาธรรมะจากวัดพระธรรมกายพร้อมครอบครัว พ่อบ้านก็บวชที่วัดนี้ครอบครัวของฉันมีศีล 5 เป็นปกติ ฉันรักษาศีล 8 ในวันพระ ลูกๆเป็นคนดีไม่เคยทำให้พ่อแม่ต้องเดือดร้อน ได้ทำงานในตำแหน่งที่ดีและบวชเข้าพรรษาที่วัดนี้ เราเป็นครอบครังหนึ่งที่ได้ดีเพราะไปปฏิบัติตามคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย คำสอนที่อยู่ในใจของครอบตรัวฉันคือให้อภัยกับผู้ที่ยังไม่รู้ไม่เข้าใจ จับดีของคนรอบข้าง โชคดีที่ได้เข้ามาอ่านและได้มีโอกาสพูดคุยกับคนที่นับถือศาสนาพุทธและเป็นห่วงพระพุทธศาสนา สวดมนต์ รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนาและมั่นให้ทานทุกวันแล้วจะมีความสุขค่ะ
ตอบลบ