ตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยเห็นนายกรัฐมนตรีคนไหนแถลงการณ์ได้เลวร้ายที่สุดเท่ายิ่งลักษณ์อีกแล้ว
โดยเฉพาะการแถลงแก้ตัวเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 57 ที่ผ่านมา เป็นการแถลงที่โยนความผิดให้คนอื่นอย่างเลวร้ายที่สุด โดยที่ตัวเองไม่เคยคิดว่าตัวเองกระทำผิดเลย
ซึ่งการแถลงของยิ่งลักษณ์ในวันนั้น กกต. บอกว่า อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง เพราะยังอยู่ในช่วงเลือกตั้ง การนำสื่อของรัฐมาใช้ในการหาเสียงยกยอปอปั้นโครงการรับจำนำข้าวของตัวเอง จึงอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง
แถมล่าสุดยิ่งลักษณ์ยังโพสเฟสบุ้คแถแบบหน้าด้าน ๆ ต่อไป โดยไม่ยอมรับว่านโยบายจำนำข้าวนั้น ตนเองได้กระทำผิดพลาด
---------------
โครงการจำนำข้าว ถ้าไม่โง่เหมือนเสื้อแดง แค่ดูเรื่องการจัดเก็บข้าวก็พิสดารแล้วครับ
นั่นคือ ข้าวต้องเก็บข้าวในรูปข้าวเปลือกเพราะจะเก็บได้นาน และเสื่อมสภาพได้ยากกว่า
แต่รัฐบาลชั่วมันสั่งให้เก็บในรูปข้าวสาร เพื่อให้พวกพ้องมันที่เป็นเจ้าของโรงสีได้กินค่าจ้างสีข้าวอย่างอิ่มแปร้ แถมลักลอบเอาไปขายก็ง่ายได้ราคาเพราะสีเสร็จแล้ว
แต่ปัญหาคือ ข้าวสารจำนวนมากมันเสื่อมสภาพได้ง่าย เพราะโกดังที่เก็บข้าวสารมันไม่ได้ทันสมัย ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นได้ดีพอ
----------------------
กลับมาประเด็นที่ว่า ป.ป.ช. มีประเด็ดเด็ดตรงไหนที่แจ้งข้อกล่าวหายิ่งลักษณ์ว่าทุจริต ?
ที่จริงมีหลายประเด็นมากมาย แต่ผมขอคัดเอาเฉพาะประเด็นที่เข้าใจง่าย ๆ มาให้คุณผู้อ่านอ่านปุ๊บเข้าใจได้ทันทีก็คือ
ประเด็นขายข้าวจีทูจีให้จีน แต่ไม่มีการขายจริง
เหตุเพราะ ถ้ามีการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐได้ ก็ต้องมีการส่งออกไปต่างประเทศ แล้วต้องผ่านขั้นตอนทางศุลกากร ถูกต้องไหมครับ
แต่พอ ป.ป.ช. ไปสืบหาหลักฐานการส่งข้าวจีทูจีที่กรมศุลกากร กลับไม่เคยมีเอกสารการส่งออกข้าวแบบจีทูจีผ่านกรมศุลกากร ตามที่รัฐบาลอ้างแต่อย่างใด
แต่กลับมีการซื้อขายข้าวตามสัญญาเหมือนที่นายบุญทรงพูดไปแล้ว แล้วข้าวมันหายไปไหนล่ะ ?
ข้าวแบบจีทูจี เมื่อไม่ได้ส่งออก มันก็วนขายอยู่ในประเทศไทยนี่แหละครับ นี่แหละคือ ประเด็นทุจริต !!
ในฐานะที่ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี การขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ นายกรัฐมนตรีจะมาอ้างว่า ดิชั้นไม่รู้ไม่เห็น ก็คงไม่ได้หรอกครับ
เพราะยิ่งลักษณ์ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวร่วมกับนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ หรือตอบคำถามเรื่องจีทูจีกับสื่อเอง ก็หลายครั้งหลายหนมาก
ดังนั้น การที่ ปปช. แจ้งข้อกล่าวหาต่อยิ่งลักษณ์จึงเป็นเรื่องที่ชอบธรรมแล้ว
อีกทั้งเคยมีหน่วยงานราชการและองค์กรเอกชนหลายแห่ง รวมทั้ง ป.ป.ช.เอง ก็เคยแนะนำให้ยิ่งลักษณ์หยุดโครงการที่สร้างความเสียหาย และมีการทุจริตมากมายนี้ลงเสีย
แต่ยิ่งลักษณ์ก็ไม่ยอมเชื่อ ยังเดินหน้าโครงการเลว ๆ นี้ต่อไป ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามีการทุจริตทุกขั้นตอน ยิ่งลักษณ์จึงเข้าข่ายความผิดอาญามาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ป.ป.ช. เขาจึงถือว่า ยิ่งลักษณ์กระทำความผิดซึ่งหน้าเขาโดยตรง
----------
ดูคลิปขั้นตอนการโกงขายข้าวแบบจีทูจี และการวนข้าวมารับจำนำอีกรอบ
----------------
ตรรกะเสื้อแดง สอบสวนคดียิ่งลักษณ์เร็ว สอบสวนคดีอภิสิทธิ์ช้า
โครงการจำนำข้าวของยิ่งลักษณ์ ยิ่งลักษณ์พยายามจะแก้ตัวว่า ตัวเองรู้เฉพาะในเรื่องระดับนโยบายเท่านั้น ส่วนเรื่องการทุจริต ก็ต้องว่าเป็นเรื่อง ๆ คน ๆ ไป
แต่จากหลักฐานที่ ป.ป.ช. ไปสืบมาตามประเด็นที่ผมเสนอไปก็คือ ประเด็นการขายข้าวแบบจีทูจี หรือ รัฐบาลต่อรัฐบาล
เมื่อมันเป็นเรื่องการขายข้าวรัฐบาลต่อรัฐบาล คนเป็นนายกรัฐมนตรีจึงไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้เลย
เพราะยิ่งลักษณ์เองก็เคยให้สัมภาษณ์หลายครั้งว่า มีการขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีน
ป.ป.ช. จึงตามหาหลักฐานได้ง่ายมาก เพราะเรื่องนี้กำลังเกิดขึ้นและง่ายต่อการตามสืบค้นช้อมูล ความผิดของยิ่งลักษณ์เห็นชัดเจนมาก ความผิดโจ๋งครึ่ม จึงไม่แปลกที่จะสืบสวนได้รวดเร็ว
ส่วนประเด็นทุจริตในโครงการประกันรายได้ของอภิสิทธิ์ (ย้ำว่า ชื่อโครงการประกันรายได้เกษตรกรไม่ใช่ประกันราคาข้าว) ผมก็เห็นแต่พวกเสื้อแดงเอาแต่พูดอ้างเรื่องเอาผิดอภิสิทธิ์ช้า แต่เอาผิดยิ่งลักษณ์เร็ว
แต่พวกแกนนำเสื้อแดงระดับอำมาตย์รวย ๆ ไม่ค่อยยอมลงรายละเอียดให้พวกเสื้อแดงระดับไพร่จนๆ รับรู้ว่า โครงการประกันรายได้ของรัฐบาลอภิสิทธิ์มีการทุจริตอย่างไร แล้วปล่อยให้พวกเสื้อแดงรับรู้ข้อมูลแบบตื้นเขิน
แต่เท่าที่ผมตามข้อมูลจากฝ่ายสนับสนุนพรรค ปชป. ได้แก้ต่างว่า การประมูลข้าวในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ มันเป็นการประมูลข้าวเก่าเหลือค้างเก็บมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลสมัครและเริ่มเสื่อมสภาพแล้ว
จึงทำให้ราคาข้าวที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ขายไปจึงต่ำกว่าราคาตลาด สาเหตุเพราะขายข้าวเสื่อมสภาพ แล้วก็มี สส.เพื่อไทย ไปร้อง ป.ป.ช.ว่ามีการทุจริตเพราะขายข้าวได้ราคาต่ำกว่าราคาปกติ
คลิกอ่านรายละเอียดคำแก้ต่างทุจริตประกันรายได้ของประชาธิปัตย์จากบทความแนวหน้า
v
v
คลิกอ่าน รัฐบาลยิ่งลักษณ์เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน จริงหรือไม่ ?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น