วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556

หลักการให้เงินเดือนพ่อแม่ของลูกที่ดี ควรทำอย่างไร







ตั้งแต่เด็กจนโตพ่อแม่เลี้ยงดูเรามาอย่างเหนื่อยยาก

จนเมื่อเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่มีงานการทำแล้ว มีอาชีพแล้ว มีรายได้แล้ว เราควรให้เงินตอบแทนพระคุณพ่อแม่อย่างไร ?

เมื่อลูกทุกคนเรียนจบและมีงานทำ ได้เงินเดือนแล้ว หลายคนอาจสงสัยว่า เอ.. แล้วเราจะให้เงินพ่อแม่อย่างไรดีจึงจะเหมาะสม ?

ผมจึงขอแนะนำว่า เงินเดือนที่เราได้ในเดือนแรกนั้น เราควรให้พ่อแม่ทั้งหมด เพื่อความเป็นศิริมงคลในการเริ่มต้นทำงานของเรา และหากเราไม่มีเงินใช้เลยในช่วงเดือนแรก ก็ให้ขอเงินจากพ่อแม่เหมือนตอนเรายังเรียนไม่จบ แต่ถ้าเราพอมีเงินเก็บส่วนตัวอยู่บ้าง ก็ให้เราใช้เงินเก็บส่วนนั้นในเดือนแรกของการทำงานแทน

ต่อมาในเดือนที่ 2 ให้ทำดังนี้คือ

1. หากลูกยังอาศัยบ้านพ่อแม่อยู่เหมือนเดิม หลักการให้เงินแก่พ่อแม่ควรให้ดังนี้ คือ แบ่งเงินเดือนของเราออกเป็น 3 ส่วน คือ 1 ส่วนเพื่อพ่อ 1 ส่วนเพื่อแม่ และ 1 ส่วนเพื่อตัวเราเองใช้สอย

เพราะการอยู่บ้านพ่อแม่ เราไม่ต้องเสียเงินค่าเช่า ค่าน้ำค่าไฟก็ไม่ต้องจ่าย

ยิ่งถ้าเรากลับมากินข้าวที่บ้าน ข้าวก็ไม่ต้องซื้ออีก เพราะพ่อแม่จ่ายให้ทุกอย่าง เพราะถ้าพ่อแม่ไม่เดือดร้อนจริง ๆ ก็คงไม่มีพ่อแม่คนไหนมาขอเงินจากลูกให้ช่วยจ่ายค่าโน่นค่านี่ในบ้านหรอก

เข้าทำนอง บ้านก็ไม่ต้องเช่า ข้าวก็ไม่ต้องซื้อ ปรึกษาหารือไม่ต้องเสียสตางค์ !!

ฉะนั้น เราต้องคิดเองได้ คือให้พ่อแม่ท่านไปเลยโดยไม่ต้องรอให้ท่านขอ เพราะการที่พ่อแม่ต้องมาขอเงินลูกใช้ ถือเป็นความบกพร่องของเรา !!

สรุปว่า เงินเดือนที่เราได้มา ควรให้พ่อและแม่รวมกันอย่างต่ำ 66% ที่เหลือ 33%กว่า ๆ ก็เป็นส่วนของเราไป


2. หากเราได้เงินเดือนขึ้น ไม่ว่าจะกี่เปอร์เซ็นต์ก็ตาม ก็ต้องเพิ่มให้พ่อแม่ด้วย ในอัตราเท่ากันหรือมากกว่าที่เราได้เพิ่ม ไม่ใช่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ให้พ่อแม่เท่าเดิม


3. หากเราได้โบนัสประจำปี เราก็ต้องใช้หลักเกณฑ์เดียวกันคือ แบ่งเงินโบนัสออกเป็น 3 ส่วน 1 ส่วนให้พ่อ 1 ส่วนให้แม่ และ 1 ส่วนเป็นของเรา


4. หากเราย้ายออกจากบ้านพ่อแม่ไปแล้ว แน่นอนรายจ่ายของเราย่อมเพิ่มขึ้น

หากเราไม่สามารถให้พ่อแม่เท่าเดิมได้ คือการแบ่งเงินออกเป็น 3 ส่วนได้

ก็ให้เราบอกพ่อแม่ว่า จะขอให้เงินเดือนพ่อแม่รวมกัน 60% ของเงินเดือนเราได้ไหม ส่วนตัวเราขอเงิน 40% ของเงินเดือนลูกนะพ่อนะแม่นะ ลูกจะขอเอาไปใช้จ่ายค่าที่อยู่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ของลูก

แต่ถ้าคิดว่าเงิน 40% ของเงินเดือนแค่นี้ยังไม่พอสำหรับเรา ก็ให้เงินส่วนของพ่อแม่เป็น 50 % แล้วส่วนของเราก็ 50% ของเงินเดือน หากพ่อแม่ไม่ยอม เราก็ห้ามขัดใจ

แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว พ่อแม่มักจะเห็นใจลูก เนื่องจากลูกก็ไม่ได้อยู่ที่บ้านแล้ว ค่าใช้จ่ายของลูกย่อมจะเพิ่มขึ้น ส่วนค่าใช้จ่ายในบ้านของพ่อแม่ก็คงลดลง เพราะลูกไม่อยู่แล้ว

แต่โบนัสประจำปี เราต้องให้พ่อแม่เหมือนเดิมแบบที่เราเคยให้


5. หากเราแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว และไม่ได้อยู่บ้านพ่อบ้านแม่แล้ว ก็ให้เราแบ่งเงินเดือนออกเป็น ส่วนของพ่อแม่ 40 % ส่วนของเราและครอบครัว 60% แต่ต้องบอกกล่าวพ่อแม่ให้ท่านรับทราบก่อน ว่าท่านจะเห็นด้วยกับเราหรือไม่ ซึ่งพ่อแม่ส่วนใหญ่ก็จะเข้าใจลูก

แล้วถ้าเรารวย อยากจะให้พ่อแม่มากกว่านี้ก็ย่อมได้


6. หากพ่อแม่เราร่ำรวยมาก ไม่จำเป็นต้องได้เงินจากเราก็ได้ พ่อแม่ก็อยู่ได้อย่างสุขสบายอยู่แล้ว เราก็ควรให้เงินพ่อแม่เหมือนกับคำแนะนำทั้งหมดที่ผมแนะนำเหมือนเดิม

เพราะคนเป็นลูกต้องมีหน้าที่ตอบแทนพระคุณพ่อแม่ แม้พ่อแม่จะไม่อยากได้เงินจากลูกที่จนกว่าพ่อแม่ก็ตาม แต่ถึงอย่างไรเสีย ลูกก็ควรให้พ่อแม่ เพราะในใจพ่อแม่ย่อมดีใจและภูมิใจที่มีลูกที่ดี คิดตอบแทนพระคุณของพ่อแม่

ซึ่งสุดท้ายเงินของพ่อแม่ก็ไม่ได้หายไปไหน สุดท้ายในที่สุดเงินทุกบาททุกสตางค์ ทรัพย์สินที่พ่อแม่มีย่อมตกเป็นของลูกในที่สุด

การให้เงินพ่อแม่ ก็เปรียบเสมือนการปลูกพืชพรรณบุญลงในเนื้อนาบุญที่ดีที่สุดของลูก เป็นการออมที่ดีที่สุดของลูก ดอกผลจะงอกเงยเป็นความเจริญก้าวหน้าแก่ตัวลูกเอง

ซึ่งการที่ได้ให้เงินแก่พ่อแม่นั้น แม้พ่อแม่หลายคนอาจจะไม่ได้อยากเงินของลูกก็ตาม แต่ให้เชื่อเถอะ พ่อแม่ดีใจเสมอที่ลูกให้เงินพ่อแม่

ที่ผมแนะนำมาทั้งหมดนั้น หากใครทำได้ก็ดี แต่ถ้าใครยังทำไม่ได้ตามนี้ ก็ต้องพยายามให้มากขึ้น และควรหันไปตอบแทนพระคุณพ่อแม่ในเรื่องอื่น ๆ ให้มากยิ่งขึ้นเป็นการทดแทน

เช่น ถ้าใครยังให้เงินพ่อแม่ไม่ได้ ก็ต้องออกแรงช่วยงานท่านให้มากให้เต็มที่

"หากใครเงินน้อย ก็ให้ออกแรงช่วยพ่อแม่ให้เยอะ งานการในบ้านนอกบ้าน ภารกิจที่พ่อแม่ได้มอบหมาย เราควรแบ่งเบาภาระของท่านให้เต็มที่"


ในประเพณีวันแม่ของจีน ลูกจะล้างเท้าให้แม่

--------------

สุดท้ายผมอยากฝากไว้ว่า เมื่อเราเดือดร้อนครั้งใด ก็มีพ่อแม่ที่เป็นที่พึ่งสุดท้ายให้เราได้เสมอ

การฝากเงินไว้กับเนื้อนาบุญของเรา ไม่มีคำว่า สูญเปล่าแน่นอน

เพราะถึงแม้พ่อแม่จะใช้เงินที่เราให้หมดไปก็ตาม แต่ที่เหลือเต็มๆ ที่เราจะได้ คือบุญกุศลที่อภิชาติบุตรสมควรได้รับ

ขอให้เชื่อเถอะว่า หากลูกคนไหนคิดและทำตามได้อย่างที่ผมแนะนำ รับรองลูกคนนั้นจะมีแต่ความสุข ความเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นในทุกด้าน หรือถ้ามีทุกข์ก็จะเป็นคนตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ แน่นอน


เพราะลูกกตัญญู นอกจากมีบุญคุ้มครองแล้ว เทพเทวดาฟ้าดินก็คุ้มครองด้วย เทวดาก็อยากสงเคราะห์คนดี เพราะเทวดาก็อยากได้บุญเหมือนกัน

"ตอนเป็นเด็ก ตรุษจีน เรารับอั่งเปาจากพ่อแม่ แต่เมื่อเราเป็นผู้ใหญ่ มีอาชีพ มีรายได้แล้ว ก็อย่าลืมให้อั่งเปาคืนแก่พ่อแม่ด้วยล่ะ"


ถึงเทศกาลขึ้นปีใหม่สากล เทศกาลตรุษจีน เทศกาลสงกรานต์ ไหว้พ่อไหว้แม่ ให้เงินพ่อแม่น่ะดีที่สุดแล้วให้พ่อแม่อวยพรให้ นี่คือสุดยอดมงคลที่สุดแล้ว

และลูกที่ทำให้พ่อแม่สุขกาย สุขใจ เห็นเจริญรุ่งเรืองทุกคน

"ูลูกที่ยิ่งให้ความสุขแก่พ่อแม่ ลูกคนนั้นยิ่งได้ความสุขและความเจริญเป็นทวีคูณ"

--------------

พอดีมีคุณแม่ท่านนึงได้อ่านบทความนี้แล้ว ก็แสดงความเห็นบนเฟสบุ๊คเอาไว้ ผมเลยขอนำมาประกอบบทความเพิ่มครับ

ตามนี้



คลิกอ่าน หน้าที่พ่อแม่ และหน้าที่ลูก ที่คุณอาจยังไม่เข้าใจ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น