เพราะบล็อคมุมมองใหม่เมืองเอก ลิงค์มักมีปัญหาไลค์ไม่ได้ เลยมาเปิดบล็อคใหม่อันนี้แทนครับ
วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2559
หักล้าง ดร.เมธาพันธ์ แกนนำแดงสายวัด กรณีตั้งสมเด็จช่วงเป็นสังฆราช
ตอนนี้มีข่าวปล่อยจากฝ่ายเสื้อแดงออกมาว่า คณะกรรมการมหาเถรสมาคมได้ลงมติให้สมเด็จช่วง พระมหารัชมังคลาจารย์เป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2558 ที่ผ่านมาแล้ว และได้ส่งมติ มส.ให้นายกรัฐมนตรีแล้วด้วย เพื่อให้นายกรัฐมนตรีทูลเกล้าฯ ต่อไป
ข่าวนี้จริงเท็จแค่ไหน ผมไม่รู้และไม่ยืนยัน แต่ก่อนการประชุมเมื่อ 11 ม.ค. 2558 ได้มีข่าวจากมหาเถรฯ บอกมาว่า จะไม่มีวาระเรื่องแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชมาพิจารณา
ถ้ามหาเถร ฯ เล่นมุกหมกเม็ดแอบพิจารณาวาระนี้ ก็เท่ากับคณะกรรมการมหาเถรฯ ก็ไม่ต่างอะไรกับศรีธนญชัย
ต่อมามีคลิปที่ นายจอม เพชรประดับ พิธีกรเสื้อแดงสายล้มเจ้า (เพราะนายจอมชอบสัมภาษณ์พวกล้มเจ้าบ่อย ๆ เช่น สัมภาษณ์นายใจ อึ้งภากรณ์ เป็นต้น)
คราวนี้นายจอม ได้สัมภาษณ์นักวิชาการเสื้อแดงสายพุทธศาสนา ซึ่งเป็นแกนนำ นปช. สายวัด มีชื่อว่า ดร.เมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ เลขาธิการสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (คือสมาคมที่พวกเสื้อแดงตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจสำหรับงานด้านพุทธศาสนา)
ซึ่ง นายเมธาพันธ์ ได้ให้สัมภาษณ์ตามคลิป https://youtu.be/ZAZbOd68Rno ไว้ว่า
1. ประเด็นสมเด็จช่วงเป็นพระอุปัชฌาย์ของธัมมชโย หากธัมมชโยต้องปาราชิกจริง ก็ไม่เกี่ยวกับสมเด็จช่วง
เพราะการปาราชิกเป็นเรื่องเฉพาะตน เปรียบเหมือนสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าก็ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์ของพระเทวทัต ต่อมาพระเทวทัตต้องปาราชิก พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ต้องปาราชิกตามไปด้วย เพราะมันเรื่องเฉพาะตน
ดังนั้นกรณีถ้าธัมมชโย ปาราชิก สมเด็จช่วง จึงไม่เกี่ยวข้อง
akecity ขอหักล้างว่า ประเด็นสมเด็จช่วงไม่สมควรเป็นสมเด็จพระสังฆราชนั้น ไม่เกี่ยวกับการเป็นพระอุปัชฌาย์ของธัมมชโย
แต่มันเกี่ยวกับที่ สมเด็จช่วงยังสนับสนุนให้ธัมมชโยยังเป็นพระต่อไป โดยไม่เอาผิด แถมสมเด็จช่วงยังเคยมอบพัดยศเลื่อนสมณศักดิ์ให้ธัมมชโยหลังจากที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชได้มีพระลิขิตให้ธัมมชโยได้ปาราชิกไปแล้ว
รายละเอียดลำดับเวลาและเหตุการณ์ คลิกอ่านที่นี่
และการประชุมมหาเถรสมาคมเมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2558 ที่มีสมเด็จช่วงเป็นประธานการประชุม ก็ยังมีมติให้ธัมมชโยเป็นพระต่อไป โดยไม่เอาผิดฐานปาราชิก เพราะคณะกรรมการ มส. อ้างว่า ถ้าให้ธัมมชโยต้องปาราชิก ก็จะทำให้คณะกรรมการ มส. ก็จะต้องปาราชิก ตามไปด้วย
คลิกอ่าน ข่าวมติ มส. ให้ธัมมชโยเป็นพระได้ต่อไป เพราะ มส. กลัวปาราชิกเอง
2. นายเมธาพันธ์ บอกว่า กรณีสร้างหลวงพ่อสดวัดปากน้ำองค์ทองคำ ก็ไม่เกี่ยวกับสมเด็จช่วง เลย และในอดีตตั้งแต่โบราณก็มีการสร้างพระพุทธรูปทองคำ เช่น หลวงพ่อวัดไตรมิตร หรือเจดีย์เชวดากอง ก็ทำด้วยทองคำ ถือเป็นประเพณีปกติของพุทธศาสนิกชน
akecity ขอหักล้างว่า ใช่ประเด็นหลวงพ่อสดทองคำไม่เกี่ยวกับสมเด็จช่วง คุณเมธาพันธ์ กรุณาอย่าเบี่ยงประเด็น
เพราะประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่ สมเด็จช่วงไม่สมควรเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 และไม่สมควรเป็นภิกษุต่อไปแล้วด้วยซ้ำ
เพราะประเด็นสำคัญหนึ่งเดียวก็คือ นายช่วงยังสนับสนุนธัมมชโยให้เป็นพระได้ต่อไป ซึ่งเท่ากับสมรู้ร่วมคิด เท่ากับร่วมปาราชิกไปด้วยกันแล้ว
ถ้าให้นายช่วงเป็นสมเด็จพระสังฆราช ก็เท่ากับ แต่งตั้งสมี เป็นสมเด็จพระสังฆราช
กฎหมายสงฆ์ สมัยรัชกาลที่ 1 เนื้อหาคร่าว ๆ เช่น
1. ภิกษุสามเณรใดเป็นปาราชิก ให้สึกเสียแล้วให้สักหน้าหมายไว้อย่าให้ปลอมบวชชีต่อไป
2. ผู้เป็นปาราชิกแล้วปกปิดไว้ร่วมทำสังฆกรรมกับสงฆ์ ถ้าพิจารณาได้เป็นสัตย์ เป็นโทษถึงสิ้นชีวิต แล้วให้ริบราชบาทขับเฆี่ยนตีโบยญาติโยมจงหนัก
3. พระสงฆ์ใดเป็นปาราชิกแล้วปริวัติออกเสีย ทรงพระกรุณาหาเอาโทษไม่ ถ้าพระสงฆ์ปาราชิกแล้วปกปิดไว้ร่วมทำสังฆกรรมกับสงฆ์ พิจารณารับเป็นสัตย์ จะเอาตัวเป็นโทษถึง 7 ชั่วโคตร แล้วให้ลงพระราชอาญาญาติโยมพระราชาคณะฐานานุกรม เจ้าอธิการ พระสงฆ์อันดับ ซึ่งกระทำความผิดและละเมิดเสียมิได้ระวังตรวจตรากัน
ตัวอย่างเนื้อหากฎหมายสงฆ์ รัชกาลที่ 1 บางส่วน คลิกที่รูปเพื่อขยาย
หมายเหตุ คำว่า อ้ายสิน มาจากคดี มหาสินซึ่งเป็นพระครูอยู่วัดนาคกลาง ปลอมเข้าไปหาอีอึ่งข้าหลวงในกรมสมเด็จพระเจ้าหลานเธอเจ้าฟ้าอภัยธิเบศร จับตัวได้รับเป็นสัตยว่า มหาสินได้เสพเมถุนธรรมด้วยอีอึ่งถึงชำเรา แต่เดือนเจ็ด ปีขาน นักษัตรฉศก มาหลายครั้งจนอีอึ่งมีท้องมีลูก มหาสินจึงขาดจากสิกขาบท เป็นปาราชิกลามกในพระศาสนา เลยเรียกว่า อ้ายสิน
กฎหมายรัชกาลที่ 1 ผู้ใดปาราชิกและยังปกปิดไว้จนถูกจับได้ จะมีโทษถึง 7 ชั่วโคตร ซึ่งโทษนั้นยังเอาผิดถึงญาติโยม และพระที่ร่วมกันปกปิดด้วย
3. ประเด็นกฎเลือกสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์และสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช
akecity ขอตอบว่า ถูกต้อง ตามกฎก็จะต้องเลือกพระที่มีอาวุโสสูงสุดในมหาเถรฯ แต่เฉพาะกรณีที่พระรูปนั้นไม่มีความมัวหมองใด ๆ ให้เสื่อมเสีย
แต่ถ้ากรณีพระผู้มีอาวุโสสูงสุดอาจมีเหตุความมัวหมอง หรืออาจเป็นเหตุให้เกิดความแตกแยกในหมู่พระและประชาชนได้ ก็ควรเลือกพระที่มีอาวุโสรองลงมา ที่ไม่มีความมัวหมอง ไม่มีเหตุสร้างความขัดแย้งแตกแยกขึ้นมาเป็นสมเด็จพระสังฆราชก็ได้
และที่สำคัญตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช อาจว่างเว้นโดยไม่มีการแต่งตั้งก็ได้ หากเห็นว่า ยังไม่มีผู้ใดเหมาะสม
ในกรณีตาช่วงวัดปากน้ำ ผู้รู้ว่ายังมีกรณีนำรถยนต์ใส่เป็นชื่อของตัวเอง และยังหนีภาษีรถยนต์อีกด้วย ซึ่งก็เข้าข่ายความผิดฐานปาราชิกเช่นกัน แต่คดีรถยนต์นี้ผมไม่รู้รายละเอียด ผมจึงไม่ขออธิบาย
----------------------
นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ อย่าหลงกลระบอบทักษิณตั้งสมเด็จช่วง เป็นสังฆราช
พลเอกประยุทธ์ ท่านจงจำให้ดีนะครับ สมเด็จช่วงได้ปาราชิกไปแล้ว ถ้าท่านนายกฯ นำชื่อสมเด็จช่วงขึ้นทูลเกล้าฯ เมื่อไหร่
ก็เท่ากับท่านนายกฯ ประยุทธ์ ได้สร้างความระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท และได้หลอกลวงเบื้องสูง มีความผิดตาม ปอ.มาตรา 112 เช่นเดียวกัน
ท่านนายกฯ ประยุทธ์ อย่าให้พวกเสื้อแดงล้มเจ้าที่นำโดยนายทักษิณ ชินวัตร ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้สำเร็จ โดยที่ท่านนายกฯ ประยุทธ์กลายเป็นเครื่องมือทำลาย 3 สถาบันหลักของชาติเสียเองล่ะครับ
------------------
อย่าปล่อยให้สถาบันชาติ สถาบันศาสนา ตกอยู่ในมือระบอบทักษิณ
ถ้าตาช่วง วัดปากน้ำ ได้เป็นสังฆราช ก็เท่ากับว่า ระบอบทักษิณแอนด์ลัทธิธรรมกายขายบุญ ได้ยึดพุทธศาสนาไทยไว้ในกำมือได้แล้ว
ถ้ามีการเลือกตั้งครั้งใหม่ ถ้าระบอบทักษิณชนะการเลือกตั้งอีก ก็เท่ากับยึดสถาบันชาติได้
ถ้าสถาบันหลักของชาติ 2 สถาบัน ตกอยู่ในมือระบอบทักษิณเมื่อไหร่ สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยก็จะลำบากแล้วครับ เพราะพวกล้มเจ้าก็ลูกน้องทักษิณทั้งนั้น
-----------------------
ย้อนดูข่าวเก่า ตาช่วงเคยอวยพรยิ่งลักษณ์ให้เป็นนายกรัฐมนตรีตลอดกาล
วันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 34 ฉบับที่ 12221 มติชนรายวัน
ยิ่งลักษณ์ทำบุญใหญ่พร ะ99 รูป
ต่อมาเวลา 10.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคลในการเริ่มบริหารราชการของรัฐบาล ที่ตึกสันติไมตรี โดยมีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญโญ) คณะปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชฯ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมพระสงฆ์เถรานุเถระ จำนวน 98 รูป ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์
หลังเสร็จพิธีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ให้พรนายกฯว่า "ขอให้ทำงานให้หนัก เพื่อเผื่อแผ่ไปถึงประชาชน และขอให้เป็นนายกฯตลอดกาล"
คลิกอ่าน พระมหาพงศ์นรินทร์ แห่งวัดสุทัศน์ พูดถึงการสอนที่บิดเบือนของวัดพระธรรมกาย
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น