วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

กนง. ดีใจแบบโง่ ๆ เมื่อเงินบาทอ่อนที่สุดในรอบ 5 ปี






ข่าวเศรษฐกิจในเช้าวันที่ 7 พ.ค. 2558 ทุกสื่อต่างรายงานว่า ค่าเงินบาทอ่อนที่สุดในรอบ 5 ปี โดยอยู่ที่ 33.30 บาท/ดอลล่าห์สหรัฐ หลังจากที่ กนง.ประกาศดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือ 1.5%

ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ค่าเงินบาทอ่อน อาจไม่ใช่ปัจจัยจากการประกาศลดดอกเบี้ยนโยบายลง ของ กนง. ก็ได้

แต่สื่อทุกสื่อรายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจต่างลงความเห็นไปในแนวทางเดียวกันว่า ที่ค่าเงินบาทอ่อนลงที่สุดในรอบ 5 ปีนั้น เป็นเพราะการลดดอกเบี้ยนโยบายติดต่อกันถึง 2 ครั้งในรอบ 2 เดือนของ กนง.

คือ สติปัญญาผู้บริหารการเงินและบริหารเศรษฐกิจไทย สมองมันคงคิดได้แค่นี้จริง ๆ คือหวังให้เงินบาทอ่อนเพื่อหวังว่า จะช่วยให้การส่งออกไทยจะดีขึ้น

แต่พวกโง่เหล่านี้มันเคยคิดหรือไม่ว่า ถ้าเงินบาทยิ่งอ่อนมากเท่าไหร่ ก็เท่ากับไทยเราต้องใช้เงินซื้อน้ำมันดิบมากขึ้นเท่านั้น

หลังจากที่สื่อนำเสนอข่าวพวกโง่ดีใจที่ค่าเงินบาทอ่อนที่สุดในรอบ 5 ปี ผมก็คิดว่า สงสัยต้องรีบเติมน้ำมันไว้ก่อนดีกว่า เพราะสงสัย ปตท. ต้องประกาศขึ้นราคาน้ำมันสำเร็จรูปเร็ว ๆ นี้แน่นอน

แล้วมันก็เป็นจริงตามที่ผมคาด

ปตท. รีบประกาศขึ้นราคาน้ำมันแบบเงียบ ๆ อีกลิตรละ 50 สต. ทุกชนิดทันที มีผลในวันที่ 8 พ.ค. 58 

คือ ปตท. แอบขึ้นแบบไม่ให้กระโตกกระตาก เพราะราคาน้ำมันดิบของโลกก็ไม่ได้ผันผวนอะไรมากนักในช่วงนี้ แค่ราคาสลับขึ้น ๆ ลง ๆ วันละไม่ถึงเหรียญมาหลายวันแล้ว แปลง่าย ๆ คือ ราคาน้ำมันดิบโลกในช่วงนี้ยังทรง ๆ อยู่



เป็นไงครับ กนง. มันปล้นดอกเบี้ยเงินออมคนแก่และคนออมเงินทั้งประเทศในธนาคารแล้ว แถมยังทำให้คนไทยทั้งประเทศต้องเติมน้ำมันแพงขึ้นลิตรละ 50 สต.อีก

แบบนี้เท่ากับ กนง. เหมือนจะฉลาดที่แก้ปัญหาเงินบาทแข็งได้ แต่กลับเสียค่าโง่ ทำให้คนไทยทั้งประเทศต้องซื้อน้ำมันแพงขึ้น

เมื่อน้ำมันแพงขึ้น ต้นทุนการผลิตสินค้าและการขนส่งย่อมมีต้นทุนสูงขึ้นไปด้วยจริงไหม ?

ก็ไม่รู้ว่า ที่ กนง. ทำไปนั้น มันจะช่วยทำให้สินค้าไทยส่งออกได้ดีขึ้นสักแค่ไหน เพราะเงินบาทอ่อนก็หวังว่า สินค้าไทยจะถูกลง ไปแข่งขันในตลาดโลกได้ง่ายขึ้น

แต่เมื่อต้นทุนน้ำมันแพงขึ้น ถ้านำมาหักกลบลบหนี้กันแล้วจะคุ้มไหม ก็ไม่มีใครมาคำนวณให้ประชาชนเห็น

แต่ที่แน่ ๆ ประเทศไทยใช้น้ำมันสำเร็จรูปวันละ 100 ล้านลิตร ก็เท่ากับ คนไทยต้องจ่ายแพงขึ้นวันละ 50 ล้านบาท อีกทั้ง ปตท.ก็ต้องจ่ายเงินนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศแพงขึ้น

แล้วมันจะคุ้มมูลค่าการส่งออกที่จะได้จริงหรือเปล่า ???

ผมจะรอดูว่า ส่งออกไทยมันจะดีขึ้นสักแค่ไหน เพราะ กนง. ปล้นทั้งดอกเบี้ยเงินออมของคนไทยทั้งประเทศ ปล้นทั้งค่าใช้จ่ายจากค่าน้ำมันที่แพงขึ้นของคนไทย เพื่อหวังช่วยผู้ส่งออก

คือถ้าส่งออกไทยเกิดไม่ดีขึ้นตามคาด แต่คนแก่ต้องได้ดอกเบี้ยเงินออมน้อยลง คนไทยจ่ายราคาน้ำมันแพงขึ้น

บาปกรรมตรงนี้ ก็ให้ไปตกกับพวก กนง. แล้ว เพราะเสือกฉลาดในเรื่องโง่ ๆ

---------------------

ที่ค่าเงินบาทอ่อนลงมาก เพราะเหตุผลนี้ต่างหาก

ผลที่ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงจริง ๆ ก็คือ มาตรการผ่อนคลายเงินทุนไหลออกเพิ่มขึ้นของ ธปท.

คือทำให้เงินในประเทศที่อยากจะนำไปลงทุนนอกประเทศ หรือใครก็ตามที่ต้องการนำเงินออกนอกประเทศ จะทำได้มากขึ้น เช่น นักลงทุนต่างชาติที่ได้กำไรจากตลาดหุ้นไทย ก็สามารถนำกำไรออกนอกประเทศไทยได้จำนวนมากขึ้น

หรือเช่น คนไทยที่อยากจะยักย้ายถ่ายเงินออกนอกประเทศ ไม่ว่าเพื่อเหตุผลอะไรก็ตาม ก็ทำได้มากขึ้น เช่น คนโกงอยากยักย้ายถ่ายเทเงินจากการโกงออกนอกประเทศก็ทำได้ง่ายขึ้นมากขึ้นเช่นกัน

คลิปรายละเอียดมาตรการผ่อนคลายเงินทุนไหลออก


เมื่อเงินบาทไหลออกนอกประเทศมาก ก็ต้องนำไปแลกเป็นสกุลเงินต่างชาติมากด้วย ก็เลยเป็นผลให้ค่าเงินบาทอ่อนลง

แต่มันจะเป็นเฉพาะในช่วงต้นระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้นรึเปล่า ก็ต้องจับตาดูต่อไป เพราะเมื่อปริมาณเงินที่จะไหลออกเริ่มน้อยลง ค่าเงินบาทก็อาจจะกลับมาแข็งเพิ่มขึ้นเช่นเดิม

ความจริงมาตรการลดดอกเบี้ยนโยบายไม่ควรใช้ด้วยซ้ำ เพราะตั้งแต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์มาถึงรัฐบาล คสช. ก็ลดดอกเบี้ยแบบนี้มาหลายหน ก็ช่วยอะไรไม่ได้ แต่กลับทำให้คนไทยยิ่งไม่อยากออมเงินมากยิ่งขึ้น

--------------

อัพเดทข่าว เมื่อ ธ.พาณิชย์ไม่ยอมลดดอกเบี้ยเงินกู้ลงตามนโยบาย กนง.

21 พ.ค. 58 นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จึงต้องออกมาเรียกร้อง ให้ธนาคารพาณิชย์ลดดอกเบี้ยลง เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจและเพื่อส่งผ่านนโยบายการเงิน หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ไปแล้ว 2 ครั้ง

แต่ปรากฏว่าธนาคารพาณิชย์ไม่ได้สนองตอบหรือที่เรียกว่าส่งผ่านนโยบายการเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากนัก ทำให้นโยบายของกนง.ไม่ส่งผลเท่าที่ควร ท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของโลกยังไม่ฟื้นตัว

**

เป็นไงครับ เห็นรึยังว่า ธนาคารพาณิชย์ของไทยเห็นแก่ตัวขนาดไหน ทีดอกเบี้ยเงินฝากลดได้ลดเอา แต่ดอกเบี้ยเงินกู้แทบไม่กระดิกลดลงตาม


คลิกอ่าน ผู้บริหารเศรษฐกิจไทยมันโง่ กับวิธีแก่เงินบาทแข็ง




3 ความคิดเห็น:

  1. ขอความกรุณา คุณเมืองเอก ช่วยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่กระทรวงการคลังจะออกกฎหมายล้างหนี้โครงการรับจำนำข้าวให้ด้วยครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. จริง ๆ แล้วไม่มีหนี้ของรัฐอะไรที่ล้างได้จริง ๆ หรอกครับ
      มันแค่โอนหนี้มาเป็นของรัฐบาลเต็ม ๆ แล้วก็ออกพันธบัตรขายให้ประชาชนเพื่อมาใช้หนี้ คือ แปลง่าย ๆ ว่า รัฐบาลหาเงินมาหมุนจ่ายไม่ทัน แต่พยายามแปลงหนี้ให้จ่ายได้สะดวกขึ้นและยาวมากขึ้นเท่านั้น ความเสียหายมันเกิดขึ้นแล้ว หนี้ก็มีอยู่ ไม่มีอะไรล้างให้หนี้หมดไปได้
      .

      .
      ผมไม่เห็นด้วยแน่นอนอยูู่แล้ว เพราะถ้าไม่ปล่อยให้คนส่วนใหญ่ได้เห็นว่า โครงการจำนำข้าวมันสร้างความฉิบหายให้แก่ประเทศมากแค่ไหน ก็จะหลงงมงายไอ้รัฐบาลชั่ว ๆ ที่ผ่านมาไม่เลิก
      .
      เช่น การขายพันธบัตรเพื่อนำมาใช้หนี้จำนำข้าวในครั้งแรก ใช้ชื่อว่า พันธบัตรสุนกันเถอะเรา มูลค่า 1 แสนล้านบาท แต่กลับขายได้เพียง 5 หมื่นล้านบาทเท่านั้น เพราะประชาชนที่เขาติดตามข่าวสารจริง ๆ เขาไม่เห็นด้วยกับพันธบัตรใช้หนี้แบบนี้

      ลบ
    2. ขอบคุณครับ ผมเองก็เห็นไปในแนวทางเดียวกันกับคุณใหม่เมืองเอกครับ จริงๆแล้วผมคิดว่าคุณประยุทธ์ น่าจะต้องใช้มาตรา 44 รีบดำเนินคดีกับคณะรัฐมนตรีของอีปูโง่ แล้วยึดทรัพย์พวกมันมาให้หมดเพื่อชดใช้หนี้โครงการที่พวกมันทำปู้ย้ำปู้ยีกับประเทศ เราต้องร่วมกันกดดันรัฐบาลด้วยการไม่ไปซื้อพันธบัตรที่รัฐบาลนี้กำลังจะออกมาอีก ซึ่งเท่ากับว่าเราไปสนับสนุนให้มีการถ่วงเวลาในการดำเนินคดีกับไอ้พวกนักการเมืองชั่วชาติพวกนั้น อย่างที่คุณใหม่เมืองเอกเคยแนะนำไว้ เรื่องนี้ผมรู้สึกเหมือนกับตอนเลือกตั้งหลายๆครั้งที่ผ่านมาที่ ก.ก.ต ในหลายชุดได้ทำการประกาศรับรอง ส.ส ไปก่อนแล้วค่อยถอดถอนทีหลัง สุดท้ายก็ไม่สามารถถอดถอน ส.ส ชั่วคนไหนได้เลย

      ลบ