เพราะบล็อคมุมมองใหม่เมืองเอก ลิงค์มักมีปัญหาไลค์ไม่ได้ เลยมาเปิดบล็อคใหม่อันนี้แทนครับ
วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556
คนไทยซื้อขายทองมากที่สุดอันดับ 3 ของเอเซีย แต่....
ประเทศในเอเซียที่มีการนำเข้าและซื้อขายทองคำแท้ ๆ ที่ไม่ใช่ทองคำในกระดาษจากการซื้อขายล่วงหน้า ประเทศที่ซื้อทองคำมากที่สุดอันดับ 1 คือ จีน อันดับ 2 คืออินเดีย และอันดับ 3 คือ ไทย
จากการจัดอันดับดังกล่าว คุณพอมองเห็นอะไรที่มันแปลก ๆ ไหมครับ ?
จีนทั้งซื้อทั้งขายทองคำปีละ 1,000 ตัน (จีนนำเข้าทองปีละประมาณ400กว่าตัน) ซึ่งแซงหน้าอินเดียที่เคยเป็นอันดับ 1 มาตลอดเล็กน้อย เพราะค่านิยมของคนจีน และคนอินเดียชอบซื้อทอง สะสมทอง แจกทอง และใส่ทอง เพื่อแสดงออกถึงความมั่งมี ร่ำรวย
ส่วนสาเหตุที่ คนอินเดียซื้อทองน้อยลง (ในตัวเลขอย่างเป็นทางการ) ก็เพราะทางการอินเดียเพิ่มภาษีทองคำขึ้นไปจากเดิมอีก 30 % ในทองคำแท่ง และเพิ่มอีก 37 % ในทองรูปพรรณ (ทำให้อินเดียมีการลักลอบนำเข้าทองหนีภาษีเพิ่มขึ้น)
สาเหตุเพราะค่านิยมซื้อทองคำให้เจ้าสาวใส่ในงานแต่งปริมาณมากเกินไป ทองส่วนนี้ก็จะเป็นสินสอดทองหมั้นแก่เจ้าบ่าวต่อไป ทำให้เกิดปัญหาว่าครอบครัวเจ้าสาวที่ยากจนที่ให้ทองคำน้อยเกินไปแก่เจ้าบ่าว ทำให้ทางฝ่ายครอบครัวเจ้าบ่าวรังเกียจลูกสะใภ้ และเกิดการทำร้ายร่างกายลูกสะใภ้
ชุดเจ้าสาวอินเดีย ที่ต้องประดับทองมากมาย
--------------------
แต่แค่จีนกับอินเดียรวมกัน ก็มีสัดส่วนการซื้อทองเป็น 60% ของตลาดทองทั้งโลกแล้ว
และในวันนี้ประเทศจีนก็มีทองคำสะสมในคลังหลวงมากที่สุดในโลก
ส่วนคนไทยในวันนี้ ไม่ได้ซื้อทองในรูปเครื่องประดับประเภทสร้อย กำไล มากเหมือนสมัยก่อน เพราะ 90% ของการซื้อขายทองคำในประเทศไทยคือ การซื้อขายทองคำแท่ง ซึ่งมีเจตนาเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นมากที่สุด ที่เหลือก็อาจทองคำเพื่อนำมาผลิตตบแต่งในเครื่องประดับชนิดอื่น ๆ ส่วนคนไทยที่รวยมากๆ จะซื้อมาทองคำแท่งเก็บเล่น ๆ มากกว่าเก็งกำไรระยะสั้น
และหากดูถึงในระดับโลกเฉพาะทองคำแท่ง ประเทศไทยซื้อทองคำแท่งมากที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ของโลก รองจากจีน อินเดีย และเยอรมัน คือไทยมีการซื้อทองคำแท่งนำเข้าประมาณปีละ 92 ตันต่อปี
คนอินเดียที่มีฐานะระดับมหาเศรษฐี มีประมาณ 50-60 ล้านคน ต่อจำนวนประชากรทั้งประเทศ 1,273 ล้านคน
คนจีนก็เช่นกัน มีคนรวยระดับมหาเศรษฐีก็มีมากไม่ยิ่งหย่อนกว่าคนอินเดีย
ทั้งจีนและอินเดีย จัดเป็นประเทศมหาอำนาจของโลก ที่สามารถพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ได้ พัฒนาโครงการอวกาศของตนเองได้ มีเทคโนโลยีของตนเองที่ทันสมัยไม่แพ้ชาติใดในโลก
วันนี้อินเดีย ส่งรถยี่ห้อทาทามาขายคนไทย ส่งยานสำรวจดาวอังคารที่มีกำหนดลงจอดบนดาวอังคารในปีนี้
วันนี้จีนเปิดประเทศมา 20 กว่าปี จีนมีการคลังที่รวยอันดับ 1 ของโลก และส่งยานอวกาศไปสำรวจดวงจันทร์แล้ว
ส่วนเยอรมัน ก็คือชาติมหาอำนาจทางด้านเศรษฐกิจของยุโรปและของโลก ประเทศนี้ไม่ต้องยกตัวอย่าง เพราะรวยที่สุดในยุโรปไปแล้ว
แล้วประเทศที่ซื้อทองคำแท่งเป็นอันดับ4 และ 5 ล่ะคือชาติไหน ?
คำตอบคือ อันดับ 4 สวิสเซอร์แลนด์ อันดับ 5 สหรัฐอเมริกา
อันดับ 4 สวิสเซอร์แลนด์ก็ถือเป็นประเทศที่ร่ำรวยชาติหนึ่ง ทองคำสวิสคือผลิตภัณฑ์ที่ทั้งโลกเชื่อถือ และหากมองว่า ธนาคารในสวิสฯ เป็นแหล่งที่มหาเศรษฐีและนักการเมืองของโลกชอบไปเปิดบัญชีทิ้งไว้ที่นั่น การที่สวิสเซอร์แลนด์จะแปลงเงินเป็นทองบ้าง ก็ไม่แปลก
และอุตสาหกรรมนาฬิกาสวิสฯ ก็มีการใช้ทองคำเป็นส่วนประกอบอยู่มากด้วย
ส่วนอันดับ 5 สหรัฐอเมริกา ก็คือมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลก นวัตกรรมของโลกล้วนมาจากประเทศนี้มากที่สุด
พี่ไทยแลนด์ล่ะซื้อทองมากที่สุดเป็นอันดับ 3 มาโดยตลอด แล้วพี่ไทยแลนด์เราเป็นมหาอำนาจเรื่องอะไรดีนะ ??
เฉลย ไทยเป็นมหาอำนาจ เรื่องนักการเมืองโกงกิน แต่จับมาลงโทษได้แค่คนเดียว !! 555 (ที่จับได้คือนายรักเกียรติ สุขธนะ)
หรือไม่ก็ไทยแลนด์เป็นมหาอำนาจเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญมากที่สุดในโลกมั้ง ?
------------------
คนไทยเป็นมหาอำนาจในเรื่อง...
ทั้งเฟสบุ้ค ไลน์ อินสตาแกรม พี่ไทยใช้มากที่สุดติดอันดับต้น ๆ ของโลก
สยามพารากอน สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นสถานที่ ๆ คนไทยอัพรูปลงอินสตาแกรม และเฟสบุ้คมากที่สุดในโลก
นี่เราควรภูมิใจในความโดดเด่นเรื่องนี้ของคนไทยดีมั้ยเนี่ย ?
แต่ที่แน่ ๆ การที่มีคนไทยจำนวนถึง สี่ร้อยแปดพันเจ็ดหมื่นหกแสนห้าล้านคนลงมาเดินบนท้องถนน เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมาได้มากที่สุดในโลกขนาดนั้น
เหตุเพราะกระแสโซเชียลเน็ตเวิร์คของคนไทยล้วน ๆ นี่แหละครับ ^^
----------------------------
ส่งท้ายบทความ
บทความนี้ไม่ได้เขียนเพื่อเอาฮา แต่ถ้าใครได้อ่านบทความนี้ คุณลองพิจารณาให้ลึกซึ้งเถิดว่า
การที่คนไทยซื้อทองคำมากที่สุดในอันดับต้น ๆ ของโลก ซื้อมากกว่าญี่ปุ่น มากกว่าสิงคโปร์ มากกว่าอังกฤษ และมากกว่าอีกนับร้อยประเทศ จะซื้อไปทำไมเหรอ ?
แล้วที่คนไทยไม่ใช่ผู้ผลิตเฟสบุ้ค ไม่ได้เป็นเจ้าของไลน์ หรืออินสตาแกรม หรือผลิตสมาร์ทโฟนได้เอง แต่ดันใช้แอพลิเคชั่นพวกนี้มากที่สุดในโลก ไปทำไมเหรอ ?
ฝากแค่นี้แหล่ะครับ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น