วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ที่ญี่ปุ่น ใครจะซื้อรถก็ต้องมีที่จอดรถของตัวเองด้วย






ผมอยากจะเขียนเล่าเรื่องนี้มานานแล้ว แต่ไม่ได้เขียนสักที พอได้ยินข่าวว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินฯ เสนอว่า ต่อไปใครจะซื้อรถก็ต้องแสดงสถานที่จอดรถส่วนตัวมาแสดงในการจดทะเบียนรถกับกรมขนส่งด้วย เลยทำให้ผมนึกถึงเรื่องการซื้อรถในญี่ปุ่นอีกครั้ง

ที่ประเทศญี่ปุ่น ประเทศที่เป็นเจ้าตลาดรถยนต์ของโลก และเป็นเจ้าตลาดรถยนต์ในเมืองไทย รวมทั้งมีโรงงานผลิตรถยนต์ในเมืองไทยนั้น เขากลับไม่อยากส่งเสริมให้คนญี่ปุ่นมีรถส่วนตัวเท่าไหร่นัก

สาเหตุเพราะระบบขนส่งสาธารณะอย่างรถไฟ เขามีรองรับเพียงพอ อีกทั้งประเทศญี่ปุ่นมีขนาดเล็กราว 3 ใน 4 ของประเทศไทย แต่มีประชากรมากกว่าไทยกว่า 2 เท่า ทำให้เนื้อที่สำหรับประชากรของญี่ปุ่นก็ยิ่งน้อยลงไปด้วย

อีกทั้งประเทศญี่ปุ่นยังสามารถรักษาป่าไม้อุดมสมบูรณ์ได้มากกว่า 70 % ของเนื้อที่ประเทศ ก็ยิ่งทำให้เนื้อที่สำหรับประชากรอยู่อาศัยก็ยิ่งน้อยลงไปอีก

แล้วยิ่งกรุงโตเกียวที่ได้ชื่อว่า มีราคาที่ดินสูงที่สุดในโลกแล้วด้วย การใช้ประโยชน์ในพื้นที่ก็ต้องให้คุ้มค่าที่สุด อยู่ ๆ จะปล่อยให้รถยนต์ส่วนตัวมาจอดทิ้งกันบนถนนสาธารณะฟรี ๆ ก็ยิ่งไม่สมควร

ทำให้กฎหมายญี่ปุ่นจึงได้กำหนดว่า หากใครจะซื้อรถก็ต้องนำโฉนดที่จอดรถ หรือนำโฉนดที่ดินของบ้านพร้อมรูปถ่ายที่จอดรถมาแสดงในการจดทะเบียนรถยนต์ หรือถ้าใครอยู่คอนโด อพาร์ทเมนต์ ก็ต้องไปเช่าที่จอดรถแบบรายปี แล้วนำรูปที่จอดรถและเอกสารการเช่าที่จอดรถมาแสดงด้วย

หากไม่มีหลักฐานมาแสดงตามที่ว่า คุณก็ไม่มีสิทธิซื้อรถส่วนตัวในญี่ปุ่น

เพราะญี่ปุ่นเขาไม่ยอมให้คนที่มีรถนำรถมาจอดบนถนนสาธารณะเด็ดขาด เพราะนั่นแสดงถึงการเอาเปรียบคนอื่น ๆ เพราะถนนสาธารณะเป็นของทุกคนร่วมกันใช้ ไม่ใช่มีไว้ให้ใครนำรถส่วนตัวมาจอดเกะกะการจราจร


To own a car in Japan, you need to provide documents that prove you have a space to park the car. Most apartments and mansions dont usually come with parking so you would usually pay on average 30,000 yen per month for a parking space.

Our house came with space to park a car so obviously we dont need to pay this extra cost.

คลิกที่รูปเพื่อขยาย



-------------------------

เมืองไทยใครใคร่ซื้อรถซื้อ ใครใคร่จอดที่ไหนก็จอด


หากเปรียบในบ้านเรา คุณคงเคยเห็นพวกร้านค้าตึกแถว มีรถส่วนตัวแต่ไม่มีที่จอดรถในบ้านตัวเอง แล้วก็นำโต๊ะเก้าอี้มาวางบนถนนเพื่อจองที่จอดรถเอาไว้ก็มี

หรือตามทาวเฮ้าส์ บางบ้านใช้เนื้อที่ที่จอดรถไปทำอย่างอื่นหมดแล้ว ก็เลยนำรถมาจอดบนถนนในหมู่บ้านแทน แล้วก็ขวางการจราจรในหมู่บ้านให้เข้าออกยาก

หรือในซอยแคบ ๆ หลายแห่งใน กทม. หลายบ้านไม่มีที่จอดรถก็นำรถมาจอดในซอยแทน ก็ยิ่งทำให้ซอยมันยิ่งคับแคบไปอีก

อย่างคอนโดมิเนียมบางแห่งที่ตั้งริมถนนแถวถนนไปโรงเรียนสตรีวิทย์ 2 ไม่มีที่จอดรถให้คนในคอนโดเลย ผู้อาศัยเลยต้องนำรถมาจอดริมถนนกันยาวเหยียด ใครเคยผ่านไปคงนึกออก

นี่แหละเมืองไทย อยากมีรถแต่ไม่ต้องมีที่จอดรถ ไปหาจอดบนนถนนหน้าบ้านแทน คือมูลเหตุหลักอย่างหนึ่งที่ทำให้รถในกรุงเทพฯ มีมากเกินไปนั่นเอง


รูปประกอบด้านล่างจากคุณ Noi Noi

คลิกที่รูปเพื่อขยาย!!

รูปแรกถนนใหญ่ขนาดนี้ ยังหน้าด้านเอามาเป็นที่จอดรถส่วนตัวได้ ทำป้ายซะด้วย 



คลิกที่รูปเพื่อขยาย!!

รูป 2 ในซอยแคบ ๆ มีเหล็กกั้นสำหรับลูกค้าคอนโดจอด


คลิกที่รูปเพื่อขยาย!!



ส่วนที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอว่า ถ้ารถใครเสียกลางถนนให้ปรับนาทีละ 100 บาทนั้น

ผมว่าผู้ตรวจการแผ่นดินแกคิดแบบเศรษฐีเกินไป เพราะไม่มีใครอยากรถเสียหรอก ปรับนาทีละ100 บาทมันก็แพงเกินไป

แต่ถ้าปรับแบบเหมาจ่ายไปเลย 500 บาทสำหรับรถเสียบนถนน ผมว่าเออ.. ยังพอทนครับ ^^

นี่เห็นว่าในอดีตของไทย ใครจะซื้อรถต้องซื้อเงินสดเท่านั้น ไม่มีมาผ่อน ไม่มีไฟแนนซ์ทั้งสิ้น จริงหรือเปล่า ? เห็นแม่ผมเคยเล่าว่าอย่างนั้น

หรือถ้าปัจจุบันนี้ลองออกกฎหมายว่า ใครจะซื้อรถต้องดาวน์อย่างน้อย 50% ของราคารถ ก็คงช่วยลดอัตราการซื้อรถของคนไทยในแต่ละปีลงได้บ้าง

แต่อย่างว่าล่ะนะ นักการเมืองไทยมันขี้ข้าบริษัทรถยนต์ทั้งนั้น มันคงไม่ออกกฎหมายที่ทำให้บริษัทรถยนต์ต้องขายรถได้น้อยลงมาง่าย ๆ หรอก จริงไหม

ส่วนพรรคการเมืองชั่ว ๆ ก็เอาภาษีรถมาแจกคืนคนซื้อรถคันแรก แม่งกระตุ้นส่งเสริมให้รถติดมากขึ้นแท้ ๆ พรรคอะไรนะ แม่งเลวแท้ 555


(*เท่าที่ทราบที่จีน ที่สิงคโปร์ ก็ใช้วิธีซื้อรถต้องมีที่จอดเช่นกัน ส่วนญี่ปุ่น ราคารถยนต์จะถูกกว่าราคารถยนต์บ้านเรา แต่ภาษีรถในแต่ละปีแพงมาก และจะแพงขึ้นตามอายุการใช้งานของรถ)


คลิกอ่าน ความโง่ของรอง ผบช.น. กับการห้ามรถเกิน 7 ปีวิ่งในกทม.





1 ความคิดเห็น: