เพราะบล็อคมุมมองใหม่เมืองเอก ลิงค์มักมีปัญหาไลค์ไม่ได้ เลยมาเปิดบล็อคใหม่อันนี้แทนครับ
วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
ถ้าอธิบายง่าย ๆ แบบนี้ อุทยานราชภักดิ์ก็อาจไม่มีการโกง
ถ้าอธิบายแบบนี้ เรื่องพวกนี้ก็ไม่น่าจะใช่การโกง
1. กรณีต้นปาล์มที่สวนนงนุชบริจาคให้อุทยานราชภักดิ์ แต่ทำไมถึงมีข่าวการจัดซื้อต้นปาล์ม
ตอบ ต้นปาล์มต้นละ 1 แสนบาท ที่สวนนงนุชเขาบริจาคมาให้นั้น แต่ถ้าใครบริจาคเงิน 3 แสนบาท ก็จะนำชื่อผู้บริจาคไปติดที่หน้าต้นปาล์ม
แล้วทางมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ก็นำเงินบริจาคต้นปาล์มนั้น มาใช้ในกิจกรรมของอุทยานราชภักดิ์ต่อไป
ถ้าผมอธิบายแบบนี้ พอเข้าใจไหมครับว่า นี่ไม่ใช่การทุจริต ก็แค่นำต้นปาล์มของสวนนงนุช มาใช้หาเงินบริจาคเพิ่มขึ้นจากบรรดาเศรษฐีที่อยากได้หน้าได้ตาไงครับ
ซึ่งผมคาดว่า สวนนงนุชเขาก็คงรับรู้เรื่องนี้อยู่เล้ว เพราะสวนนงนุชต้องมาจัดสวน และต้องมาดูแลสวนในช่วงต้นอีกหลายเดือน
เว้นแต่ เงินบริจาคส่วนนี้ไม่ได้เข้าบัญชีมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ นั่นแหละถึงจะเรียกว่า มีการทุจริต
หรือถ้าการบริจาคซื้อต้นปาล์ม ถือเป็นการทุจริตจริง ๆ ผู้ที่เป็นเจ้าทุกข์ตัวจริงก็คือ ผู้บริจาคเงิน 3 แสนบาทซื้อต้นปาล์ม และสวนนงนุชที่เป็นผู้บริจาคต้นปาล์ม เท่านั้น
ถ้าผู้บริจาคเงิน และ สวนนงนุช ไม่แจ้งความร้องทุกข์เอาผิด ก็ถือว่า ไม่มีคดีทุจริตในส่วนนี้
ล่าสุด 10 ธ.ค. 58 เจ้าของสวนนงนุชได้ออกมาพูดเรื่องการบริจาคต้นไม้และจัดสวนแล้วว่า สวนนงนุชได้บริจาคต้นไม้ ต้นปาล์มให้อุทยานราชภักดิ์จริง แต่ก็มีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ขนส่ง และอื่น ๆ รวมเป็นเงินกว่า 4 ล้านบาท ซึ่งสวนนงนุชได้เบิกค่าใช้จ่ายส่วนนี้จากมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์
ในความเห็นส่วนตัวของผม akecity ขอแสดงความเห็นว่า ค่าใช้จ่ายที่สวนนงนุชเบิกไปใช้ในการดำเนินงานจัดสวน รวมทั้งค่าขนส่งต้นไม่ ก็อาจมาจากเงินที่ทางมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ได้นำต้นปาล์มไปประมูลก็เป็นได้
2. กรณีหักหัวคิวค่าก่อสร้างพระบรมรูป ฯ
ขอสมมุติตัวอย่างก่อนนะ เช่น ถ้าผมเป็นมหาเศรษฐีอยากจะสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ถวายวัดสัก 9 วัด แต่ผมไม่มีความรู้เรื่องทางด้านนี้เลย ผมก็ไปหาผู้รู้ทางด้านนี้หรือเป็นเซียนพระ ให้ช่วยแนะนำเป็นธุระจัดการแทนผมให้หน่อย
แล้วเซียนพระก็จัดหาโรงหล่อให้ผม 9 โรง เพื่อหล่อพระพุทธรูป 9 องค์ให้ แล้วก็มาเบิกเงินค่าหล่อพระกับผม
ซึ่งต่อมาเซียนพระก็ไปหักค่าหัวคิวที่หางานใหญ่ไปให้โรงหล่อ โดยถือเป็นค่าดำเนินงาน และค่านายหน้า
ถามว่า แบบนี้เซียนพระได้โกงผมหรือไม่ ? หากราคาการสร้างพระก็เป็นราคาที่มาตรฐานไม่แพงกว่าราคาหล่อมาตรฐานตามปกติ เพียงแต่โรงหล่ออาจได้กำไรลดลง เพราะต้องนำกำไรส่วนหนึ่งมาจ่ายค่านายหน้าให้เซียนพระ
ในวงการธุรกิจทั่วไป การติดต่อซื้อขายหรือการติดต่อจ้างงานต่าง ๆ ผ่านตัวแทน ย่อมต้องมีผลตอบแทนให้ตัวแทนที่เป็นธุระจัดการแทนเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนเราอยากจะได้ที่ดินสวย ๆ สักแห่งนึง เราก็ต้องติดต่อนายหน้าที่เชี่ยวชาญด้านที่ดินเป็นผู้ไปทำธุระจัดหาที่ดินแบบที่เราต้องการมานำเสนอให้เราจริงไหม ?
ส่วนกรณีหล่อพระบรมรูปกษัตริย์ 7 พระองค์ ในอุทยานราชภักดิ์
เมื่อมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ ต้องการหล่อพระบรมรูปบูรพกษัตริย์ 7 พระองค์ ก็เลยหาผู้รู้ทางด้านนี้มาช่วย ซึ่งก็อาจเป็นเซียนพระตามที่เป็นข่าว
แล้วเซียนพระคนนั้นก็ไปจัดการติดต่อประสานงานกับโรงหล่อทั้ง 7 โรง จนงานสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย แล้วทางมูลนิธิก็จ่ายเงินตามที่ทำสัญญาไว้กับโรงหล่อ
ซึ่งในประเทศไทยก็มีโรงหล่อที่หล่อพระบรมรูปขนาดใหญ่แบบนี้เพียงไม่กี่โรง
ถามว่า การที่เซียนพระจะไปหักค่าหัวคิวกับโรงหล่อ โดยถือเป็นค่านายหน้าจัดหางานมาให้ แบบนี้ถือว่า เป็นการทุจริตหรือไม่ ?
ถ้าค่าหล่อพระบรมรูปก็ถือเป็นราคามาตรฐาน เพียงแต่โรงหล่อจะได้กำไรน้อยลง เพราะต้องหักค่านายหน้าให้เซียนพระไป
แบบนี้ต้องถือว่า มันเป็นเรื่องของเอกชน (เซียนพระ) ที่ดำเนินการและติดต่องานกับเอกชน (โรงหล่อ) ด้วยกันที่รับงานไปทำ
ถ้าจะกล่าวหาว่ามีการทุจริต ผู้กล่าวหาก็ต้องหาหลักฐานมาว่า ค่าหล่อองค์พระมหากษัตริย์ทั้ง 7 พระองค์แพงเกินจริงกว่าราคามาตรฐาน ไม่ใช่แถปาว ๆ ว่าโกง แต่ไหนล่ะหลักฐานที่ว่า โกง ??
ซึ่งต่อมาจากข่าวที่ พลเอกอุดมเดช อดีต ผบ.ทบ. ซึ่งเป็นอดีตประธานมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์โดยตำแหน่ง ได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า ค่าหัวคิวที่โรงหล่อจะต้องจ่ายให้เซียนพระเป็นค่านายหน้าจัดหางานมาให้ สุดท้ายก็ไม่ได้ให้เงินค่านายหน้าแก่เซียนพระ แล้วทางโรงหล่อได้นำเงินส่วนนั้นมาบริจาคให้มูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ในเวลาต่อมาแทน เพื่อจะได้ไม่มีข้อครหาอีก
(หมายเหตุ แม้แต่ค่านายหน้า เซียนพระก็ตั้งใจจะเสียภาษีในส่วนค่านายหน้าเอง สำนักข่าวอิศรารายงานมาแบบนี้ จึงแสดงว่า เรื่องนี้มีการตกลงอย่างถูกต้องกับโรงหล่อ)
แต่ถ้าเป็นกรณีเจ้าหน้าที่ทหารหักค่าหัวคิวเอง ก็จะกลายเป็นอีกประเด็นคือ ทุจริตในหน้าที่ ครับ
3. กรณีจัดโต๊ะจีน โต๊ะละล้าน หาเงินบริจาค
กรณีแทบไม่ต้องอธิบายอะไรเลย เพราะถือว่า เป็นเรื่องปกติ ก็เหมือนงานการกุศลต่าง ๆ ที่เขาจัดโต๊ะจีนเพื่อหาเงิน หรือเหมือนที่พรรคการเมืองจัดโต๊ะจีนเพื่อหาเงินสนับสนุนพรรคนั่นแหละครับ แถมโต๊ะจีนนักการเมืองแพงกว่าด้วย โต๊ะละ 5 ล้าน 10 ล้าน ถือเป็นเรื่องธรรมดา
---------------------
จากกรณีที่เป็นข่าวใหญ่ทั้ง 3 กรณี หากผมอธิบายแบบนี้ ก็อาจมองได้ว่า ไม่มีการทุจริตเกิดขึ้นจริงไหมครับ
ผมเองก็ไม่ได้รู้อะไรมากกว่าที่เป็นข่าวออกมา แต่เมื่อเราฟังข่าวก็ต้องวิเคราะห์อย่างไม่มีอคติ แล้วไตร่ตรองดูว่า อะไรเป็นอะไรกันแน่
เพราะหากฟังข่าวอย่างผิวเผิน ย่อมเข้าใจผิดในเรื่องเดียวกันได้ง่ายจริงไหมครับ
แต่จะมีทุจริตในโครงการอุทยานราชภักดิ์จริง ๆ หรือไม่ ผมไม่ขอฟันธง เพราะผมก็รู้เท่าที่คุณผู้อ่านรู้นั่นแหละครับ ผมก็อธิบายไปตามที่ได้รับรู้จากข่าวเท่านั้น
แต่หากมีอะไรที่มากกว่านี้ มากกว่าที่เป็นข่าว อันนี้ก็ต้องมาว่ากันใหม่
---------------------
คำถามที่แฟนเพจของผมฝากถามมา
ผมขอตอบตามความเข้าใจของผมนะครับ เพราะผมก็ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องใด ๆ
คำถาามแรก ทำไมรูปแบบการแถลงข่าวจึงต้องทำอย่างมิดชิด มีการปิดห้องและห้ามถ่ายทอดสด
ตอบ คงเพราะ ผบ.ทบ. ท่านไม่ใช่นักตอบคำถามมืออาชีพ ท่านไม่ใช่มืออาชีพในการพูด ท่านคงไม่สะดวกในการให้ถ่ายทอดสด เพื่อให้นักข่าวไทยที่ชอบถามคำถามโง่ ๆ ได้ถามออกอากาศสด ๆ (เหมือนกรณีนักข่าวถามเรื่องอาการป่วย ปอ ทฤษฎี) แต่ท่าน ผบ.ทบ. ก็อนุญาตให้สื่อได้เข้าไปทำข่าวและตั้งคำถามแล้ว ซึ่งแค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
และเรื่องนี้เป็นเรื่องของมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ ไม่ใช่เรื่องของกองทัพบกโดยตรง คงไม่ต้องทำเรื่องเล็กและเรื่องที่เป็นแค่ข้อกล่าวหาให้ใหญ่โตเกินความจริง
ก็คงต้องให้อภัย ผบ.ทบ.คนนี้ เพราะท่านพูดไม่เก่งเลย ทำเอาคนมึนทั้งประเทศ ถ้าไม่ค่อย ๆ คิดตามที่ท่านพูดให้ดี ๆ เรียกได้ว่า ทักษะการพูดท่าน ผบ.ทบ. ยังสอบไม่ผ่าน จัดเป็น มือใหม่หัดแถลงข่าว
คำถามที่ 2 ผบ.ทบ. ยินดีเปิดเผยเรื่องเงินบริจาค
ตอบ ผบ.ทบ. ก็ได้ตอบไปแล้วว่า ยอดเงินบริจาคมีประมาณพันกว่าล้านบาท มีบัญชีรายรับรายจ่ายถูกต้อง ไม่พบการทุจริต
คำถามที่ 3 นักข่าวขอดูรายได้รายจ่ายของโครงการราชภักดิ์ ผบ.ทบ. กลับพูดทำนองปฏิเสธ ทำให้สังคมแคลงใจ
ตอบ พวกสื่อชั่ว ๆ บางรายของฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ทำเอกสารราชการปลอมที่มีพิรุธว่า ผิดรูปแบบเอกสารทางราชการชัดเจน อยู่ ๆ ทำเอกสารปลอมขึ้นมา เพื่อจะล่อให้กองทัพออกมาเปิดเผยข้อมูลที่ไม่มีความจริง ซึ่งวิธีการทำเอกสารปลอมแบบนี้ ไม่ควรได้รับการยอมรับและยอมทำตามข้อเสนอ
ส่วนที่นักข่าวจะขอดูบัญชีรายรับรายจ่ายนั้นก็เช่นกัน เนื่องจากบัญชีรายรับรายจ่ายเป็นของมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ ไม่ใช่การดำเนินงานของกองทัพบกโดยตรง ถ้าใครอยากจะดูบัญชีของมูลนิธิ ฯ ก็ต้องทำเรื่องขอมาให้เป็นกิจจะลักษณะ เป็นทางการ ไม่ใช่ขอดูกันง่าย ๆ ดื้อ ๆ
ซึ่งการเปิดเผยบัญชีรายรับรายจ่ายของมูลนิธิฯ ก็ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการมูลนิธิ ฯ เสียก่อน ไม่ใช่อยู่ ๆ จะมาเอ่ยปากขอดูกันง่าย ๆ แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
โดยเฉพาะสื่อไทยมักทำข่าวชุ่ย ๆ ใส่ร้ายดื้อ ๆ ทำไมมูลนิธิ ฯ ต้องบ้าตามกระแสนักข่าวเห่ย ๆ พวกนี้ด้วย ??
---------------------
อัพเดทข่าว
เงินหลายร้อยล้านบาทที่ใช้ในการสร้างอุทยานราชภักดิ์เป็นเงินบริจาคของประชาชน จะมีงบประมาณตั้งต้นจากรัฐประมาณส่วนหนึ่งเท่านั้น
ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ออกมาให้ข่าวว่า อุทยานราชภักดิ์ได้ใช้งบประมาณแผ่นดินไป 63 ล้านบาท
ดังนั้น สตง. จึงมีอำนาจเข้าตรวจสอบการใช้งบดังกล่าวได้
กรณีผม akecity ขออธิบายว่า เงินงบประมาณ 63 ล้านบาทที่ใช้ในอุทยานราชภักดิ์ ก็คือ เงินเริ่มต้นโครงการ เพราะในตอนเริ่มต้นยังไม่มีเงินบริจาคจากประชาชนเข้ามา
หาก สตง. อ้างว่ามีอำนาจตรวจสอบงบประมาณแผ่นดิน 63 ล้านบาท สตง. ก็จะมีอำนาจตรวจสอบเฉพาะเงินจำนวนนี้เท่านั้น
หรือถ้ามีหน่วยงานราชการใดบริจาคเงินให้โครงการอุทยานราชภักดิ์ด้วย สตง.ก็สามารถตรวจสอบงบของหน่วยราชการที่บริจาคได้เช่นกัน
--------------------------
ล่าสุดผลสอบของ สตง. ออกมาแล้วว่า ไม่พบการทุจริต
คลิกอ่าน พลเอกอุดมเดช ลาออกเถอะ
คลิกอ่าน ความโง่ของพวกร่านประชาธิปไตย กับ กรณีการโกงในอุทยานราชภักดิ์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น