วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เกษตรกรไทยเต็มใจให้หลอก หรือยังโง่ซ้ำซาก ?







ช่วงหลายวันที่ผ่านมา มีข่าวชาวสวนมังคุดภาคตะวันออกประท้วงราคามังคุกตกต่ำ เรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ เพราะปีนี้ผลผลิตมังคุดออกมามาก ต้นทุนก็เกือบ 10 บาทต่อกิโลอยู่แล้ว

ต่อมาก็มีข่าวช่อง7 สี รายงานว่า ชาวนาทางภาคอีสานไม่เห็นด้วยกับการลดราคาจำนำข้าวลง

ทั้งสองกรณีได้บอกอะไรได้หลายอย่าง คือ

ทำไมชาวสวนต้องเร่งปุ๋ย เร่งยา เร่งผลผลิตให้มังคุดออกมาเยอะ ๆ ด้วย ?

นั่นเพราะ ชาวสวนเข้าใจว่า ถ้าได้ผลผลิตมากยิ่งดี จะได้ขายได้เยอะ ๆ นี่คือความโง่เรื่องแรก

เพราะยิ่งผลผลิตเยอะมากเท่าไหร่ ราคากลับยิ่งตกลง เพราะชาวสวนทุกสวนต่างเร่งให้สวนตัวเองมีผลผลิตต่อไร่สูง ๆ ซื้อยา ซื้อปุ๋ยเร่งให้ได้ผลผลิตดก

นี่โง่หรือฉลาด ?

การที่เร่งปุ๋ย เร่งยา ที่นับวันๆ ราคาปุ๋ยยายิ่งแพงขึ้น ๆ ประโยชน์ที่ได้คือพวกขายปุ๋ยขายยา ที่กำหนดราคาเองได้ แต่เกษตรกรกำหนดราคาผลผลิตเองไม่ได้

พอเกษตรกรปลูกไปแล้ว ยิ่งใช้ยา ใช้ปุ๋ยเยอะ ๆ ได้ผลผลิตเยอะ ๆ ราคาก็ยิ่งตก ต้นทุนการผลิตกลับยิ่งสูง !!

เพราะมันเป็นเรื่องของปริมาณมากเกินความต้องการ ราคามันก็ต้องตกลงเป็นเรื่องธรรมดา ตามหลักอุปสงค์อุปทาน

แล้วจะไปเร่งให้ผลผลิตมันออกเยอะ ๆ ไปทำไม ?

ป้าไสว ทัศนียเวช เจ้าของสวนทุเรียนดังเมืองนนท์ เคยพูดไว้ว่า "ทุเรียน นนท์ คาดหวังไม่ได้ว่าปีนี้จะออกมากออกน้อย บางต้นบางปีไม่ออกดอกเลยก็มี ทุเรียนนนท์เป็นการปลูกเอารสชาติ ไม่ใช่ปริมาณ"

(เมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อน ผมได้ดูสกู็ปทางทีวีช่องอะไรจำไม่ได้เกี่ยวกับชาวสวนผลไม้ที่ไม่ใช้ปุ๋ย ใช้ยา แถมได้ผลผลิตดกด้วย และเขาก็ส่งผลไม้ออกนอก เพราะยุโรปชอบผลไม้ปลอดสารเคมีทางการเกษตร)

ที่ศรีลังกา กล้วยหอมลูกใหญ่กว่ากล้วยบ้านเรากว่า 2 เท่า ถามว่าเขาใช้ปุ๋ยหรือไม่ ?

คำตอบคือ เปล่าเลย เขาปลูกแบบธรรมชาติ ๆ ปล่อยมันเติบโตเองนี่แหละ แต่พอขุดดินที่นั่นตรวจดู โอ้โห ไส้เดือนเพียบ

ไส้เดือนนี่แหละ ผู้ผลิตปุ๋ยชั้นดีที่สุดของโลก แต่พอเกษตรกรไทยใช้ปุ๋ยใช้ยา ไส้เดือนหนีหายไปจากแผ่นดินไทยหมด

สรุปว่า เกษตรกรไทยยังโง่ตกเป็นเหยื่อของบริษัทปุ๋ยและยาฆ่าแมลงและวัชพืชต่อไป

-------------------------

พอนายกิตติรัตน์ ณ. ระนอง เผยว่า อาจลดราคาจำนำข้าวลง

ก็มีข่าวช่อง 7 สี ทำสกู๊ปสัมภาษณ์ชาวนาอีสานทันทีว่าเห็นด้วยหรือไม่ ?

คลิกที่นี่เพื่อชมคลิปข่าว !!

ชาวนาหลายจังหวัดทางอีสานบอก ไม่เห็นด้วย เพราะต้นทุนการปลูกข้าวสูงขึ้นมาก จากราคาปุ๋ย ราคายา ราคาเมล็ดพันธุ์พืชที่แพงขึ้นมามาก ถ้าลดราคาจำนำลง ชาวนายิ่งแย่แทบไม่ได้อะไร

เพราะปกติจำนำข้าวตันละหมื่นห้า ชาวนาเกี่ยวเสร็จจำนำทันที ความชื่นสูง จะได้ตันละประมาณ11,000-12,000 เท่านั้น หากลดราคาจำนำลงไปเหลือสัก 12,000 ต่อตัน ชาวนาคงได้เงินตันละไม่ถึงหมื่น

เป็นไงครับ สุดท้ายราคาจำนำที่แพง ชาวนากลับได้ผลประโยชน์นิดเดียว แต่บริษัทค้าปุ๋ยยาและพันธุ์ข้าวกลับขายได้ราคาแพงตามใจชอบ




ผมเคยทราบมาว่า ในเขตทำนาที่ไม่มีระบบชลประทาน ถ้าพบปัญหาน้ำแล้ง ชาวนาก็ต้องยิ่งเร่งปุ๋ยมากขึ้น เพื่อกระตุ้นให้ข้าวออกรวง เพราะถ้าน้ำน้อยข้าวจะไม่ออกรวง

เพราะชาวนาได้คำนวณแล้วว่า ถึงจะต้องซื้อยาซื้อปุ๋ยเพื่อเร่งผลผลิตมากขึ้น ก็ยังพอเหลือกำไรบ้าง เลยทำให้ชาวนาที่อยู่นอกระบบชลประทานต่างเร่งปุ๋ยยามากกว่าปกติ

สุดท้ายข้าวไทยจึงมีสารเคมีปนเปื้อนมาก แล้วชาวนาก็ป่วยมากขึ้นจากการได้รับสารเคมีเหล่านี้ แถมดินก็ยิ่งเสีย ต้นทุนตรงนี้ชาวนา สิ่งแวดล้อม รับไปเต็ม ๆ เป็นต้นทุนที่รัฐบาลชั่ว ๆ ไม่ได้คิดถึง

ส่วนคนไทยที่บริโภคข้าวก็พลอยรับเคราะห์ตามไปด้วย และที่แย่ไปกว่านั้น พวกพนักงาน ธกส. นี่แหละ เป็นตัวแทนขายปุ๋ยยาเลยล่ะครับ

นี่คือ ความห่วยจากโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์แท้ ๆ

เพราะหากโครงการจำนำข้าวดีจริง ต้องมีแต่เพิ่มราคาจำนำให้มากขึ้น แต่การลดราคาจำนำลง คือหลักฐานที่บ่งชี้ช้ดเจนว่า โครงการนี้ล้มเหลว !!

ยิ่งทำชาติยิ่งพัง แถมชาวนากลับยิ่งจนลง เพราะราคาจำนำลดลง  = ถอยหลังลงคลอง

และรัฐบาลนี้มักพูดความจริงด้านเดียวที่ว่า โครงการจำนำข้าวช่วยฉุดราคาข้าวในตลาดโลกสูงขึ้น ข้าไทยขายได้ราคาดีขึ้น

แต่สิ่งที่รัฐบาลนี้ปกปิดคือ ราคาข้าวต่อต้นแม้จะสูงขึ้น แต่ไทยกลับขายข้าวได้เงินน้อยลง !! (เพราะข้าวไทยขายไม่ออกไงครับ)


คลิกอ่าน ใครคือตัวต้นเหตุความยากจนของเกษตรไทย ?





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น