วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

อย่าเห็นแก่เงินผู้สูงอายุ 1,200 บาท ของพงศพัศ







เมื่อเย็นผมไปตลาดนัด ก็มีรถหาเสียงของพรรคเพื่อไทยจอดปราศัยหาเสียงให้พงศพัศ โดยประเด็นที่ผมได้ฟังพอดีก็คือ นโยบายเพิ่มเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็น 1,200 บาท ย้ำ!! ด้วยนะว่าสำหรับผู้สูงอายุในกรุงเทพฯเท่านั้น

กกต.ยุคนี้ มันละเลยการทำหน้าที่จริงๆ การหาเสียงด้วยการบอกว่า จะเพิ่มเบี้ยยัง
ชีพผู้สูงอายุกรุงเทพฯทุกคน เป็น 1,200 บาทต่อคนต่อเดือนนั้น มันเข้าข่ายการซื้อเสียงชัดๆ อย่างที่ผมเคยเขียนในบทความความเรื่อง พรรคการเมืองสัญญาว่าจะให้ ผิดกฎหมายเลือกตั้ง

ก่อนอื่นเรามาดู

พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 มาตรา57 กันก่อนครับ



---------------

มาตรา 57 ข้อ 1) สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด

ซึ่งจะมีความผิดฐานชี้นำเพื่อจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 10 ปี

----------------------

การสัญญาว่าจะให้เงินผู้สูงอายุ 1,200 บาท นี่จึงเข้าข่ายการซื้อเสียงชัดๆ แต่พวกชั่วยุคนี้มันฉลาดและเลวกว่าเดิม

คือสมัยก่อนผู้สมัครอาจใช้เงินตัวเองซื้อเสียง แต่เดี๋ยวนี้มันใช้เงินภาษีชาติมาซื้อเสียงแทน

แปลความง่ายๆ ว่า ตัวเองไม่ควักสักบาท แต่ซื้อเสียงด้วยเงินของคนทั้งประเทศ เพราะงบกทม.ก็มาจากงบที่รัฐบาลจัดสรรมาให้

แถมการที่ให้เฉพาะผู้สูงอายุในกรุงเทพ ก็เท่ากับเสริมสร้างความไม่เท่าเทียมกันให้เกิดขึ้นในประเทศ

เพราะหากผู้สูงอายุในต่างจังหวัดไม่ได้เงินในส่วนนี้เท่ากับผู้สูงอายุในกรุงเทพฯ โดยพร้อมเพรียงกัน ก็เท่ากับว่า เป็นการสร้างความไม่เท่าเทียมกันแท้ๆ

ไหนว่า พรรคเพื่อไทยเน้นความเท่าเทียมกันไง ฉะนั้นทุกอย่างที่พวกชั่วทำไป ก็เพื่อซื้ออำนาจและหวังผลประโยชน์ภายหน้าทั้งนั้น

หากคนกรุงเทพฯ คนใด คนชราท่านใด เห็นแก่ประโยชน์ที่พวกชั่วนี้เอามาล่อ ผมขอบอกเลยว่า พวกคุณได้ร่วมทำบาปไปพร้อมๆ กับพวกชั่วนี้ด้วย

เพราะนี่คือการซื้อเสียง โดยอาศัยความโลภของคนมาล่อหลอกแท้ๆ

แม้ผมจะมีญาติผู้สูงอายุหลายคนที่ได้รับผลประโยชน์นี้ด้วย แต่ผมจะไม่ขอเลือกพรรคเพื่อไทยเด็ดขาด เพราะผมเชื่อว่า นี่คือการทำบาปด้วยการเห็นแก่อามิสสินจ้างที่พวกชั่วนำเงินของประเทศมาซื้อเสียงครับ

และผมก็จะบอกญาติผู้ใหญ่ของผมด้วยว่า อย่าไปเห็นแก่อามิสของคนพวกนี้ อย่าไปเลือกคนพวกนี้เด็ดขาด ถึงแม้คนพวกนี้อาจจะชนะ แล้วต่อมาญาติของผมจะได้รับผลประโยชน์ก็ตาม แต่ตอนนั้นมันคงเป็นนโยบายไปแล้ว ซึ่งถ้ารับตอนนั้นก็คงรับได้ไม่ผิดแต่อย่างใด

แต่สำหรับช่วงนี้นั้น ถ้าใครไปเลือกคนพวกนี้เพียงเพราะเห็นแก่เงินที่พวกนี้นำมาซื้อเสียง นั่นคือการร่วมทำบาป สนับสนุนพวกซื้อเสียงครับ


----------------------

ถามว่า ทำไม กกต. จึงละเลยหน้าที่ ?

ตอบง่ายๆ เลยว่า เพราะย่อหย่อนมาตลอด พอพรรคใหญ่ทำได้ พรรคอื่นๆ ก็ทำตาม สุดท้ายเลยไม่กล้าเอาผิดใคร หรืออาจเพราะกกต.มันรับใช้ พรรครัฐบาลก็เป็นได้





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น