วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

มหัศจรรย์ยาหอมไทย กับคุณค่าที่คนไทยควรรู้จัก





ก่อนอื่นผมขอแนะนำให้อ่านเนื้อหาของบทความทั้งหมดให้จบเสียก่อน แล้วค่อยเลือกชมคลิปประกอบบทความแต่ละคลิปตามสะดวกในภายหลังนะครับ
v

v

ผมเป็นผู้หนึ่งที่รับประทานยาหอมไทยเป็นประจำเป็นเวลานานกว่า 10 ปีมาแล้ว และคันพบด้วยตัวเองว่า ยาหอมเป็นยาไทยที่มีคุณค่าน่ามหัศจรรย์มาก ๆ

หากเราดูส่วนผสมข้างกล่องก็จะพบว่า ส่วนผสมหลักของยาหอมไทย คือ ดอกไม้นานาพรรณ ที่มีสรรพคุณบำรุงหัวใจ และขับลม

ในทางการแพทย์แผนไทย โรคลมกำเริบต่าง ๆ จะมีผลโดยตรงต่อหัวใจ เช่น ถ้าคุณท้องอืดท้องเฟ้อ คุณก็จะมีอาการแน่นมากที่หน้าอกและหัวใจ จะรู้สึกไม่สบายใจเลย

ดังนั้นสรรพคุณของยาหอม จึงมีหน้าที่หลักคือการขับลมจุดเสียดจากอาการลมกำเริบต่าง ๆ ของร่างกาย และเป็นยาบำรุงรักษาหัวใจไปในตัวด้วย



สำหรับยาหอมที่ผมทาน คือยาหอมตรา 5 เจดีย์ ผมไม่ได้โฆษณาให้ยี่ห้อนี้นะครับ แต่เป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่ใช้แล้วได้ผลดี

โดยวิธีการชงยาหอมที่ถูกต้อง จะต้องใส่น้ำน้อย ๆ ให้ปริมาณยาหอมกับปริมาณน้ำมีสัดส่วนพอเข้มข้น ถึงจะเป็นการชงยาหอมที่ถูกต้อง

โดยถ้าทานยาหอมด้วยวิธีการชงที่ถูกต้องแล้ว หลังจากทานก็จะเกิดความเย็นสบายที่หน้าอกและหัวใจ แต่ถ้าใส่น้ำมากเกินไป ก็จะทำให้สรรพคุณของยาหอมเกิดการเจือจางลง และจะไม่ได้ผลเท่าที่ควรครับ

เช่น ผมใส่ยาหอมสัก ครึ่งช้อนชา ก็จะมีน้ำปริมาณแค่ 50 cc. เท่านั้น แล้วเวฟด้วยไมโครเวฟประมาณ 15 วินาที แล้วดื่มเลย โดยไม่ต้องดื่มน้ำตามอีก ก็จะเกิดสรรพคุณทำให้เย็นสบายที่หน้าอก และทำให้จิตใตสงบลงได้อย่างดีเยี่ยม

แต่วิธีที่ง่ายในการทานยาหอมอีกวิธีคือ ตักผงยาหอมใส่ปากโดยตรงเลย แต่ยังดีสู้วิธีชงด้วยน้ำน้อย ๆ วิธีแรกไม่ได้ เพราะจะไม่ได้ความหอมเท่าที่ควร

คลิปรายงานเรื่องยาหอม โดยสำนักข่าวไทย


-------------------

ยาหอมบำรุงรักษาโรคหัวใจ

ผมเคยดูรายการชีวิตชีวา ของคุณศิริบูรณ์ ณัฐพันธ์ ทางช่อง 3 เมื่อหลายปีก่อน เคยเชิญนายแพทย์ด้านโรคหัวใจ จากโรงพยาบาลรัฐชื่อดังแห่งหนึ่ง (ซึ่งผมจำได้ว่าคือโรงพยาบาลอะไร แต่ขออนุญาตไม่เอ่ยถึงแล้วกัน เพราะมันผ่านมาหลายปีแล้ว จึงไม่อยากให้กระทบกับโรงพยาบาล)

คุณหมอผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจท่านนี้ได้ศึกษาเรื่องยาหอมไทยด้วย เพราะเนื่องจากที่ท่านเป็นหมอโรคหัวใจ ได้รับรู้ว่า ยาหอมไทยมีสรรพคุณบำรุงหัวใจ ท่านจึงได้ค้นคว้าศึกษา

คุณหมอโรคหัวใจท่านนี้ยังได้แนะนำว่า คนไทยทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป ควรหัดกินยาหอมไว้ เช่นตื่นนอนก็ชงดื่ม หรือก่อนนอนก็ชงดื่ม เป็นต้น

ที่คุณหมอแนะนำนั้นเพื่อให้ยาหอมบำรุงธาตุ ปรับธาตุ และยาหอมยังมีสรรพคุณป้องกันโรคหัวใจได้ในระดับหนึ่ง เพราะยาหอมนอกจากมีฤทธิ์ขับลมแล้ว ก็ยังช่วยขยายหลอดเลือดหัวใจ ทำให้เลือดมาหล่อเลี้ยงหัวใจได้ดีขึ้น จึงมีผลทำให้มีสรรพคุณบำรุงหัวใจไปด้วยในตัว

ยาหอมจึงจัดเป็นยาอายุวัฒนะชนิดหนึ่ง

------------------------------

รายการชีวิตชีวา ตอน ยาหอมปรับอารมณ์ ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น



----------------------

ยาหอมรักษาอาการโรคความดันต่ำกำเริบ

ผู้ที่มีความดันต่ำเป็นปกติ คือ มีค่าความดันตัวบนสูงไม่เกินค่า 100 มม.ปรอท เราจะถือว่า คน ๆ นั้นมีลักษณะเป็นคนความดันต่ำเป็นปกติ ซึ่งถ้าทางการแพทย์แผนโบราณจะถือว่า เป็นคุณสมบัติที่ดี เพราะมักจะเป็นผู้ที่มีอายุยืนยาวกว่าคนที่มีความดันปกติทั่วไป

แต่ข้อเสียของคนที่มีความดันต่ำเป็นปกติคือ วันดีคืนดีก็อาจมีอาการความดันต่ำกำเริบได้ เช่น เกิดอาการอ่อนเพลีย หน้ามืด คลื่นเหียนอาเจียน จนอาจมีอาการจะอ้วกเมื่อรับประทานอาหารเข้าไป

อาการแบบนี้แม่ของผมเคยเป็นมาทุกปีในสมัยแม่ยังสาว ๆ พอเป็นทีก็ไม่ต้องทำงานเลย ลาหยุดงานไปทั้งวัน นอนทั้งวัน คล้ายคนป่วยหนักนอนซมเลย

แต่แล้วมีอยู่ครั้งหนึ่งที่แม่เกิดมีอาการความดันต่ำกำเริบที่บ้านเพื่อนของพ่อผม เมื่อครอบครัวของเราเดินทางไปเยี่ยมเยียนเพื่อนของพ่อ

แล้วแม่เกิดอาการความดันต่ำกำเริบ ภรรยาของเพื่อนพ่อจึงชงยาหอมมาให้แม่กิน

แล้วก็เกิดความมหัศจรรย์ อาการหน้ามืด อ่อนเพลีย ท้องอืดกินอะไรไม่ลง เพราะจะอ้วก  ก็หายภายในไม่เกินครึ่งชั่วโมงเป็นปลิดทิ้ง หลังจากที่แม่ผมได้กินยาหอมเข้าไป

หลังจากนั้นมา ทุกครั้งที่แม่มีอาการแบบเดิมกำเริบอีก แม่ก็จะกินยาหอมเพื่อรักษาอาการดังกล่าวให้หายชะงักทุกครั้งไป


----------------------

ยาหอมรักษาอาการนอนไม่หลับ

บางช่วงของชีวิตผมเคยเป็นคนที่มีอาการนอนหลับยาก คือร่างกายเพลียอยากจะพักแล้ว  แต่ความคิดในสมองยังไม่ยอมหยุดพักตาม เมื่อนอนหลับยาก จิตใจก็จะเริ่มไม่สงบและหงุดหงิด

ผมได้ค้นพบด้วยตัวเองว่า ก่อนจะนอนพอได้กินยาหอมเข้าไปไม่นาน ยาหอมได้ช่วยระงับความคิดฟุ้งซ่าน และช่วยให้จิตใจเริ่มสงบลงได้อย่างน่าอัศจรรย์ เป็นผลทำให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลายและหลับได้ง่ายในที่สุด

คลิปรายการชีวิตชีวา ตอนยาหอมช่วยให้นอนหลับ คำแนะนำโดยเภสัชกรจาก ร.พ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร์


-------------------------------

ยาหอมรักษาอาการใจสั่น ตกใจ ได้ผลดี

มีช่วงนึงของชีวิต ผมมีอาการตกใจทีไร จะเกิดอาการใจสั่น และหัวใจเต้นเร็วขึ้น จิตใจก็เริ่มไม่สงบ ทำให้นอนไม่หลับ เช่นถ้าขณะที่ผมกำลังนอนหลับอยู่ แล้วเกิดมีเสียงอะไรดังทำให้ตกใจตื่น ผมจะมีอาการนอนหลับต่อไม่ได้ ผมก็จะกินยาหอมนี่แหละที่ทำให้ช่วยนอนหลับต่อไปได้

คลิปสรรพคุณยาหอม โดยเภสัชกรจาก ม.มหิดล



รศ.ภญ.รุ่งระวี เต็มศิริฤกษ์กุล ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล โดยแบ่งเป็นกลุ่มๆ นอกจากการแก้ลม แก้ลมคลื่นเหียน อาเจียน แต่ละกลุ่มยังมีสรรพคุณเสริมแตกต่างกันไป เช่น ยาหอมเทพจิตร สรรพคุณเมื่อกินแล้ว กระตุ้นให้จิตใจสดชื่น สบาย บำรุงให้จิตใจรู้สึกแช่มชื่น เช่น อกหักรักคุด เสียใจ ก็แนะนำให้ทานยาหอมช่วยบรรเทาได้

และกลุ่มยาหอมอินทจักร สรรพคุณแก้ลม วิงเวียนดีมาก เพราะทำให้เลือดลมเดินดี บำรุงโลหิต แถมถ้าง่วงมาก ยาหอมอินทจักร ช่วยกระตุ้นให้สมองแจ่มใสขึ้นเพราะช่วยให้เลือดไปเลี้ยงสมองดีขึ้น ดีกว่ากินกาแฟเสียอีก

-----------------

ยาหอม กับโรคกรดไหลย้อน

โรคที่คนสมัยนี้เป็นกันมาก คือ โรคกรดไหลย้อน ที่จะทำให้เกิดแน่นหน้าอก แสบหน้าอก เนื่องจากมีกรดในกระเพาะมีมากเกินไป

เมื่อผมหาข้อมูลในเน็ต พบว่า มีข้อมูลเว็บแพทย์แผนไทยหลายเว็บ และมีผู้แสดงความเห็นหลายรายในเว็บพันทิพ ได้ใช้การทานยาหอมในการรักษาอาการกรดไหลย้อน จนได้ผลดีอีกด้วย แต่ยาหอมไทยราคาไม่แพง ในขณะที่ยารักษากรดไหลย้อนแผนปัจจุบันมีราคาค่อนข้างแพงถึงแพงมาก

โดยคุณผู้อ่าน ลองพิมพ์คำว่า โรคกรดไหลย้อน กับคำว่า ยาหอม บนกูเกิ้ล คุณผู้อ่านก็จะพบวิธีการทานยาหอมเพื่อรักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และอาการกรดไหลย้อน ให้ได้ศึกษาหาความรู้ทันที


ข้อมูล http://www.lannahealth.com/?p=2135

-----------------------------

สรุป

เมื่อ พ.ศ. 2545  อย. เคยตรวจยาหอมในประเทศไทยกว่า 700 กว่ายี่ห้อ พบมีเพียง 4 ยี่ห้อเท่านั้นที่มีปริมาณสารหนูเกินค่ามาตรฐาน ทำให้เกิดผลกระทบต่อวงการยาหอมไทยที่ขึ้นทะเบียน อย. ไปพอควร

สาเหตุเพราะมีผู้ผลิตยาหอมบางรายได้นำ กำมะถันแดง มาใช้เพื่อปรุงแต่งสีของยาหอม ซึ่งกำมะถันแดงจัดเป็นสารหนูชนิดนึงที่ อย.ห้ามใช้ แต่ผู้ผลิตยาหอมบางรายไม่รู้ว่า กำมะถันแดง นั้นจัดเป็นสารหนูชนิดหนึ่ง

รายละเอียดข่าว คลิกอ่านที่นี่

ฉะนั้น อย่าให้ผลตรวจเมื่อ 10 กว่าปีก่อนมาทำลายคุณค่าดี ๆ ของยาหอมไทยส่วนใหญ่เลยครับ เพราะส่วนประกอบแท้ ๆ ของยาหอมล้วนมีประโยชน์ดีทั้งสิ้น

ส่วนปัญหากำมะถันแดง จริง ๆ ไม่ใช่ส่วนประกอบของยาหอมเลย เป็นเพียงสารที่นำมาปรุงแต่งสีในยาหอมของผู้ผลิตบางรายเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันไม่พบยาหอมที่ขึ้นทะเบียนกับ อย. มีสารหนูปนเปื้อนแล้วครับ

เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่เคยกินยาหอม ทั้ง ๆ ที่ยาหอมถือเป็นยาที่มหัศจรรย์และราคาถูกในการรักษาโรคได้หลายชนิดได้อย่างเหลือเชื่อ

เพราะยาหอมเป็นทั้งยาคลายเครียด ยาช่วยให้นอนหลับ ยาแก้ลมจุกเสียด ยาบำรุงหัวใจ ยาบำรุงธาตุ ยาอายุวัฒนะ


เรามาทานยาหอมไทยกันเถอะครับ ลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศอีกทาง

คลิกอ่าน วิกฤติป่า วิกฤติแล้ง ฟื้นฟูป่าต้นน้ำด้วยความมหัศจรรย์ของหญ้าแฝก



วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

วิกฤติป่า วิกฤติแล้ง ฟื้นฟูป่าต้นน้ำด้วยมหัศจรรย์หญ้าแฝก






เมื่อคืนนี้ผมได้มีโอกาชมคลิปรายการ 1 ในพระราชดำริ ตอน วิกฤติป่า วิกฤติภัยแล้ง ซึ่งเป็นตอนที่ดีมาก

เพราะได้อธิบายถึงปัญหาความแห้งแล้งอย่างสาหัสของประเทศไทย และแนวทางแก้ไขปัญหาป่าต้นน้ำ โดย ศ.ดร.อภิชาติ ภัทรธรรม อาจารย์พิเศษภาควิชาจัดการป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลับเกษตรศาสตร์ อดีตนักเรียนทุนอานันทมหิดล

ก่อนที่จะไปปลูกป่า ก็ควรเรียนรู้ถึงปัญหาของป่าและวิกฤติแล้งให้ถ่องแท้ก่อนครับ

คลิปรายการ หนึ่งในพระราชดำริ ตอน วิกฤติป่า วิกฤติแล้ง


ถ้าคุณได้ดูคลิปแรกจนจบ คุณจะเข้าใจปัญหาความซับซ้อนของป่าไม้ไทย ว่ามีผลอย่างไรต่อสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน และอิทธิพลของเอลนีโญในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และกำลังจะพบอิทธิพลของลานีญาในปี 2560 ต่อไป

ส่วนหลักการปล่อยให้ป่าฟื้นตัวด้วยตัวเอง ผมจะสรุปที่ท้ายบทความอีกทีครับ

--------------------

หลังจากเกิดกรณี ดารานักร้องมีเจตนาจะไปปลูกป่าบนพื้นที่ป่าต้นน้ำเดิมในจังหวัดน่านที่กลายเป็นไร่ข้าวโพด ไปแล้วนั้น

ก็มีกระแสดราม่าออกมาทั้งสนับสนุนและคัดค้าน ทั้งมีบางคนบอกว่า จะไปปลูกแต่ถ้าไม่มีคนดูแล สุดท้ายต้นกล้าก็ตายอยู่ดี

แถมชาวไร่ข้าวโพดเดิม ๆ ถ้าเขาไม่ยอมรับ เขาก็บุกทำลายต้นกล้าเพื่อกลับไปปลูกข้าวโพดได้เช่นเดิม

ดังนั้นปัญหาสำคัญของการฟื้นฟูป่าต้นน้ำ ก็คือ ปัญหาของคนในพื้นที่จะยอมรับหรือไม่ และมีมาตรการใดในการไม่ให้คนในพื้นที่กลับมาทำลายต้นกล้าที่นำไปปลูกป่าอีก

โอเค ปัญหานั้นพักไว้ก่อน

แต่ก่อนที่เราจะปลูกป่า เราควรเรียนรู้ก่อนว่า ก่อนที่ต้นกล้าจะอยู่รอดได้นั้น มันควรมีพืชพี่เลี้ยงที่ดีเพื่อช่วยดูดซับน้ำ และช่วยป้องกันการพังพลายของหน้าดินเสียก่อน

เพราะเมื่อป่าหัวโล้นไม่มีต้นไม้ใหญ่ที่มีรากค้ำจุนดินเอาไว้ ต่อให้ปลูกป่าไป ก็ยากที่จะไปรอด

และพืชที่เป็นพี่เลี้ยงที่ดีที่สุดของต้นกล้า เป็นพืชที่ช่วยฟื้นฟูผืนดินที่เสื่อมโทรมให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ได้ดีที่สุด เป็นพืชที่รักษาหน้าดินและการพังทลายของหน้าดินที่ดีที่สุด นั่นก็คือ การปลูกหญ้าแฝก นั่นเอง

ซึ่งหญ้าแฝกมีหลายพันธุ์ แต่ละพันธุ์ก็จะมีคุณสมบัติแตกต่างกันเพื่อใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ต่าง ๆ

หญ้าแฝก ที่เดิมชาวบ้านคิดว่า มันคือ วัชพืช

แต่ความจริงแล้ว ในหลวงทรงค้นพบว่า หญ้าแฝกไม่ใช่วัชพืช แถมเป็น พืชมหัศจรรย์ที่เคยฟื้นฟูป่าบนดอยตุงที่เคยเป็นป่าเสื่อมโทรมจนกลับมาเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์อีกครั้ง

รายการ หนึ่งในพระราชดำริ ตอน หญ้าแฝก


จริง ๆ แล้ว การปลูกป่า ควรเริ่มด้วยการเตรียมผืนดินของภูเขาหัวโล้น ให้เหมาะให้พร้อมจะให้ต้นไม้ขึ้นได้อย่างยั่งยืนก่อนครับ

ซึ่งนั้นก็คือ ต้องปลูกหญ้าแฝก เป็นพืชพี่เลี้ยงเพื่อฟื้นฟูและอนุรักษ์ดินก่อน

-----------------

สรุป

หลักการที่ในคลิปแรกนำเสนอ ก็คือ การปล่อยป่า อย่าไปรบกวนป่า แล้วป่าจะฟื้นตัวของเขาเองได้นั้น

ผมอยากจะบอกว่า ในกรณีปล่อยป่าฟื้นสภาพด้วยป่าเองนั้น ก็ต้องเป็นสภาพพื้นที่ที่ยังพอมีป่าโดยรอบหลงเหลืออยู่พอเป็นพี่เลี้ยงป่าต่อไปบ้าง เช่น ป่าที่แหว่งไปจากการบุกทำลาย แต่ถ้าสภาพแวดล้อมโดยรอบยังพอมีป่าหลงเหลืออยู่ ป่าที่หลงเหลืออยู่ก็จะเป็นป่าพี่เลี้ยงที่จะฟื้นฟูบริเวณที่เป็นป่าเสื่อมโทรมได้ด้วยตัวเอง

ส่วนกรณีภูเขาหัวโล้นนับล้านไร่ ถ้าแค่ปล่อยให้ป่าฟื้นฟูเขาตัวเอง ก็คงไม่ทันการ เพราะไม่เหลือป่าเดิมที่จะเป็นพี่เลี้ยงเพื่อการฟื้นฟูตัวเอง

แถมปัญหาการพังทลายของหน้าดินก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะไม่มีรากต้นไม้ใหญ่ค้ำจุนดินไว้ แถมความแห้งแล้งที่ทวีความรุนแรงก็จะยิ่งทำลายหน้าดินให้เสื่อมสภาพในที่สุด สุดท้ายผืนดินบนภูเขาหัวโล้นก็อาจจะเสื่อมสภาพไปตลอดกาล

ผมจึงอยากแนะนำให้คนที่คิดจะไปปลูกป่า ได้ศึกษาคุณสมบัติของหญ้าแฝกในหลาย ๆ พันธุ์ เพื่อนำมาปลูกให้เหมาะสมกับพื้นที่ต่าง ๆ ในการฟื้นฟูผืนดินเสียก่อน ก่อนคิดจะปลูกป่าต้นน้ำต่อไปครับ

ตัวอย่างเช่น หญ้าแฝก พันธุ์ห้วยขาแข้ง เป็นต้น ที่เหมาะกับการปลูกในสภาพที่ดินหลากหลาย แถมสามารถปลูกในที่แสงแดดน้อยก็ยังขึ้นได้ดี และยังเป็นอาหารของสัตว์กินหญ้าอีกด้วย เป็นต้น

คลิกอ่าน ต้นเหตุเขาหัวโล้น และลุงแก้วผู้พิชิตป่าหัวโล้นด้วยเกษตรทฤษฎีใหม่