วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ประเด็นเด็ดไหนที่ ป.ป.ช. ฟันยิ่งลักษณ์ร่วมทุจริตจำนำข้าว








ตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยเห็นนายกรัฐมนตรีคนไหนแถลงการณ์ได้เลวร้ายที่สุดเท่ายิ่งลักษณ์อีกแล้ว

โดยเฉพาะการแถลงแก้ตัวเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 57 ที่ผ่านมา เป็นการแถลงที่โยนความผิดให้คนอื่นอย่างเลวร้ายที่สุด โดยที่ตัวเองไม่เคยคิดว่าตัวเองกระทำผิดเลย




ซึ่งการแถลงของยิ่งลักษณ์ในวันนั้น กกต. บอกว่า อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง เพราะยังอยู่ในช่วงเลือกตั้ง การนำสื่อของรัฐมาใช้ในการหาเสียงยกยอปอปั้นโครงการรับจำนำข้าวของตัวเอง จึงอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง

แถมล่าสุดยิ่งลักษณ์ยังโพสเฟสบุ้คแถแบบหน้าด้าน ๆ ต่อไป โดยไม่ยอมรับว่านโยบายจำนำข้าวนั้น ตนเองได้กระทำผิดพลาด

---------------

โครงการจำนำข้าว ถ้าไม่โง่เหมือนเสื้อแดง แค่ดูเรื่องการจัดเก็บข้าวก็พิสดารแล้วครับ

นั่นคือ ข้าวต้องเก็บข้าวในรูปข้าวเปลือกเพราะจะเก็บได้นาน และเสื่อมสภาพได้ยากกว่า

แต่รัฐบาลชั่วมันสั่งให้เก็บในรูปข้าวสาร เพื่อให้พวกพ้องมันที่เป็นเจ้าของโรงสีได้กินค่าจ้างสีข้าวอย่างอิ่มแปร้ แถมลักลอบเอาไปขายก็ง่ายได้ราคาเพราะสีเสร็จแล้ว

แต่ปัญหาคือ ข้าวสารจำนวนมากมันเสื่อมสภาพได้ง่าย เพราะโกดังที่เก็บข้าวสารมันไม่ได้ทันสมัย ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นได้ดีพอ

----------------------

กลับมาประเด็นที่ว่า ป.ป.ช. มีประเด็ดเด็ดตรงไหนที่แจ้งข้อกล่าวหายิ่งลักษณ์ว่าทุจริต ?

ที่จริงมีหลายประเด็นมากมาย แต่ผมขอคัดเอาเฉพาะประเด็นที่เข้าใจง่าย ๆ มาให้คุณผู้อ่านอ่านปุ๊บเข้าใจได้ทันทีก็คือ

ประเด็นขายข้าวจีทูจีให้จีน แต่ไม่มีการขายจริง

เหตุเพราะ ถ้ามีการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐได้ ก็ต้องมีการส่งออกไปต่างประเทศ แล้วต้องผ่านขั้นตอนทางศุลกากร ถูกต้องไหมครับ

แต่พอ ป.ป.ช. ไปสืบหาหลักฐานการส่งข้าวจีทูจีที่กรมศุลกากร กลับไม่เคยมีเอกสารการส่งออกข้าวแบบจีทูจีผ่านกรมศุลกากร ตามที่รัฐบาลอ้างแต่อย่างใด

แต่กลับมีการซื้อขายข้าวตามสัญญาเหมือนที่นายบุญทรงพูดไปแล้ว แล้วข้าวมันหายไปไหนล่ะ ?

ข้าวแบบจีทูจี เมื่อไม่ได้ส่งออก มันก็วนขายอยู่ในประเทศไทยนี่แหละครับ นี่แหละคือ ประเด็นทุจริต !!

ในฐานะที่ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี การขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ นายกรัฐมนตรีจะมาอ้างว่า ดิชั้นไม่รู้ไม่เห็น ก็คงไม่ได้หรอกครับ

เพราะยิ่งลักษณ์ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวร่วมกับนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ หรือตอบคำถามเรื่องจีทูจีกับสื่อเอง ก็หลายครั้งหลายหนมาก





ดังนั้น การที่ ปปช. แจ้งข้อกล่าวหาต่อยิ่งลักษณ์จึงเป็นเรื่องที่ชอบธรรมแล้ว

อีกทั้งเคยมีหน่วยงานราชการและองค์กรเอกชนหลายแห่ง รวมทั้ง ป.ป.ช.เอง ก็เคยแนะนำให้ยิ่งลักษณ์หยุดโครงการที่สร้างความเสียหาย และมีการทุจริตมากมายนี้ลงเสีย 

แต่ยิ่งลักษณ์ก็ไม่ยอมเชื่อ ยังเดินหน้าโครงการเลว ๆ นี้ต่อไป ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามีการทุจริตทุกขั้นตอน ยิ่งลักษณ์จึงเข้าข่ายความผิดอาญามาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ป.ป.ช. เขาจึงถือว่า ยิ่งลักษณ์กระทำความผิดซึ่งหน้าเขาโดยตรง


----------


ดูคลิปขั้นตอนการโกงขายข้าวแบบจีทูจี และการวนข้าวมารับจำนำอีกรอบ




----------------

ตรรกะเสื้อแดง สอบสวนคดียิ่งลักษณ์เร็ว สอบสวนคดีอภิสิทธิ์ช้า

โครงการจำนำข้าวของยิ่งลักษณ์ ยิ่งลักษณ์พยายามจะแก้ตัวว่า ตัวเองรู้เฉพาะในเรื่องระดับนโยบายเท่านั้น ส่วนเรื่องการทุจริต ก็ต้องว่าเป็นเรื่อง ๆ คน ๆ ไป

แต่จากหลักฐานที่ ป.ป.ช. ไปสืบมาตามประเด็นที่ผมเสนอไปก็คือ ประเด็นการขายข้าวแบบจีทูจี หรือ รัฐบาลต่อรัฐบาล

เมื่อมันเป็นเรื่องการขายข้าวรัฐบาลต่อรัฐบาล คนเป็นนายกรัฐมนตรีจึงไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้เลย

เพราะยิ่งลักษณ์เองก็เคยให้สัมภาษณ์หลายครั้งว่า มีการขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีน

ป.ป.ช. จึงตามหาหลักฐานได้ง่ายมาก เพราะเรื่องนี้กำลังเกิดขึ้นและง่ายต่อการตามสืบค้นช้อมูล ความผิดของยิ่งลักษณ์เห็นชัดเจนมาก ความผิดโจ๋งครึ่ม จึงไม่แปลกที่จะสืบสวนได้รวดเร็ว


ส่วนประเด็นทุจริตในโครงการประกันรายได้ของอภิสิทธิ์ (ย้ำว่า ชื่อโครงการประกันรายได้เกษตรกรไม่ใช่ประกันราคาข้าว) ผมก็เห็นแต่พวกเสื้อแดงเอาแต่พูดอ้างเรื่องเอาผิดอภิสิทธิ์ช้า แต่เอาผิดยิ่งลักษณ์เร็ว

แต่พวกแกนนำเสื้อแดงระดับอำมาตย์รวย ๆ ไม่ค่อยยอมลงรายละเอียดให้พวกเสื้อแดงระดับไพร่จนๆ รับรู้ว่า โครงการประกันรายได้ของรัฐบาลอภิสิทธิ์มีการทุจริตอย่างไร แล้วปล่อยให้พวกเสื้อแดงรับรู้ข้อมูลแบบตื้นเขิน

แต่เท่าที่ผมตามข้อมูลจากฝ่ายสนับสนุนพรรค ปชป. ได้แก้ต่างว่า การประมูลข้าวในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ มันเป็นการประมูลข้าวเก่าเหลือค้างเก็บมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลสมัครและเริ่มเสื่อมสภาพแล้ว 

จึงทำให้ราคาข้าวที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ขายไปจึงต่ำกว่าราคาตลาด สาเหตุเพราะขายข้าวเสื่อมสภาพ แล้วก็มี สส.เพื่อไทย ไปร้อง ป.ป.ช.ว่ามีการทุจริตเพราะขายข้าวได้ราคาต่ำกว่าราคาปกติ


คลิกอ่านรายละเอียดคำแก้ต่างทุจริตประกันรายได้ของประชาธิปัตย์จากบทความแนวหน้า

v

v

คลิกอ่าน รัฐบาลยิ่งลักษณ์เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน จริงหรือไม่ ?






วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

รัฐบาลยิ่งลักษณ์เข้าข่ายข้อหาฉ้อโกงประชาชน จริงหรือไม่ ?








ตอนนี้มีชาวนาจำนวนมากในหลาย ๆ จังหวัดได้ไปเข้าชื่อร่วมฟ้องร้องว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์โกงชาวนา ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน เช่นชาวนาเพชรบูรณ์ 15 คนได้ยื่นฟ้องรัฐบาลยิ่งลักษณ์ข้อหาฉ้อโกงประชาชน ตามรูป




อย่างเช่น รายล่าสุด เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 57 คือชาวนาจังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 20 อำเภอ รวมกลุ่มยื่นทนายฟ้องรัฐบาล ค้างจ่ายจำนำข้าวปี56/57 ทั้งหมด 5,400 ล้านบาท โดยให้ดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญา

ทีนี้เรามาดูว่า ประมวลกฎหมายอาญา ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน เขียนไว้ว่าอย่างไรกันก่อนครับ

ความผิดฐานฉ้อโกง

มาตรา 341 ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความ อันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งและโดยการหลอก ลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง หรือบุคคลที่สามหรือ ทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทำ ถอนหรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือ ปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 342 ถ้าในการกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ผู้กระทำ
(1) แสดงตนเป็นคนอื่น หรือ

(2) อาศัยความเบาปัญญาของผู้ถูกหลอกลวงซึ่งเป็นเด็ก หรืออาศัย ความอ่อนแอทางจิตของผู้ถูกหลอกลวง
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

**มาตรา 343 ถ้าการกระทำความผิดตาม มาตรา 341 ได้กระทำ ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิด ความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ผู้กระทำต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าวในวรรคแรก ต้องด้วยลักษณะ ดังกล่าวใน มาตรา 342 อนุมาตรา หนึ่งอนุมาตราด้วย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพัน บาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท

**มาตรา 344 ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงบุคคลตั้งแต่สิบคนขึ้นไปให้ประกอบการงานอย่างใดๆ ให้แก่ตนหรือให้แก่บุคคลที่สาม โดยจะไม่ใช้ค่าแรงงานหรือค่าจ้างแก่บุคคลเหล่านั้น หรือโดยจะใช้ค่าแรงงานหรือค่าจ้างแก่บุคคลเหล่านั้นต่ำกว่าที่ตกลงกัน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


คือในมาตรา 341 และมาตรา 342 เป็นแค่การฉ้อโกงผู้อื่นแค่ไม่กี่คน

แต่กรณีมาตรา 343 และ มาตรา 344 คือความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นความผิดที่ยอมความไม่ได้ และมีจำนวนประชาชนที่ถูกฉ้อโกงมีกี่คน ก็คูณจำนวนโทษเข้าไป เช่น ถ้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์โกงชาวนา 1 พันคน ก็ต้องคูณโทษความผิดไป 1 พันคดี



ซึ่งหากนำไปเปรียบเทียบกับคดีแชร์แม่ชม้อย ที่ฉ้อโกงประชาชนไปนับหมื่นคน พอรวมความผิดทั้งหมดแล้ว แม่ชม้อยต้องโทษจำคุกนับแสนปี

แต่กฎหมายอาญามาตรา 91 (2) ก็ให้ลงโทษสูงสุดที่ 20 ปีเท่านั้น ส่วนอายุความคดีก็ 10 ปี

รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็เช่นเดียวกัน ความผิดของยิ่งลักษณ์ก็น่าจะประมาณติดคุก 20 ปี มากกว่าพี่ชายทักษิณ

---------------------

ความผิดของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ต่อชาวนา เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ ?

ต้องตอบว่า เป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนแน่นอน 

เพราะรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้กำหนดขั้นตอนนโยบายจำนำข้าวไว้ว่า นับตั้งแต่ชาวนานำข้าวมาจำนำกับโรงสี จนได้เงินจาก ธกส. โอนเข้าบัญชีให้ รวมแล้วต้องไม่เกิน 8 วันทำการ

ให้สังเกตที่วงกลมสีเขียวที่ผมล้อมไว้ ตั้งแต่ขั้นตอนที่ 3 ไปถึงขั้นตอนที่ 6 ตามเอกสารตัวอย่างของรัฐบาลตามรูปด้านล่าง ขั้นตอนการจำนำข้าวและการจ่ายเงิน


คลิกที่รูปเพื่อขยาย !!



นายชูตระกูล ทองมี เจ้าหน้าที่ อคส. ได้อธิบายขั้นตอนการรับใบประทวนภายใน 3 วัน และการรับเงินจาก ธกส. ภายใน 3 วัน ในคลิปแนะนำขั้นตอนการจำนำข้าวขององค์การคลังสินค้า เช่น

ขั้นตอนที่ 4 เจ้าหน้าที่ อคส. ออกใบประทวนภายใน 3 วัน



ขั้นตอนที่ 6 ธกส. จะโอนเงินให้ชาวนาภายใน 3 วัน




เท่ากับรัฐบาลยิ่งลักษณ์สัญญากับชาวนาไว้ว่า หลังจากชาวนานำข้าวมาจำนำแล้ว ต้องได้เงินภายใน 8 วัน หรืออย่างช้าที่สุด ก็ไม่ควรเกิน 15 วัน

แต่ที่มีปัญหาตอนนี้คือ มีชาวนาจำนวนมากจำนำข้าวตั้งแต่เดือนกันยายน 2556 มาจนถึงปัจจุบันนี้คือ เดือนกุมภาพันธ์ 2557 ก็ยังไม่ได้เงิน

จนในขณะที่ผมเขียนบทความนี้ ได้มีชาวนาตายเพราะหนี้ค้างจำนำข้าวของรัฐบาลไปแล้ว 10 คน

การที่รัฐบาลไม่จ่ายเงินให้ชาวนาหลายเดือน ย่อมเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนแน่นอน

ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน เริ่มที่ผู้เสียหาย 10 คนขึ้นไป แต่นโยบายจำนำข้าวของยิ่งลักษณหลอกลวงชาวนาเป็นล้านคน !!

พวกรัฐบาลกบฏยิ่งลักษณ์ อาจคิดว่า เงินของชาวนารายละประมาณแสนถึงสามแสนบาท เป็นแค่เงินเพียงน้อยนิดในสายตาพวกมัน

แต่สำหรับคนจนอย่างชาวนาไทย ที่ต้องตกเขียวด้วยการไปกู้เงินมาลงทุนปลูกข้าวก่อน

เงินแค่แสนบาทสำหรับชาวนา มันคือสิ่งชี้เป็นชี้ตายชีวิตของพวกเขาได้เลยครับ

หากกระบวนการยุติธรรมประเทศไทยยังมีอยู่ ต้องนำยิ่งลักษณ์ และรมว.คลัง นายกิตติรัตน์ และบรรดารมว.พาณิชย์ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการจำนำข้าวนี้มาลงโทษจำคุกให้ได้ เพื่อพิสูจน์ว่า ความยุติธรรมในประเทศนี้ยังมีอยู่จริง

หากเป็นจริงได้ดังคาดการณ์

ยิ่งลักษณ์จะติดคุกมากกว่าทักษิณ และไร้แผ่นดินอยู่ยิ่งกว่าทักษิณแน่นอน !!


---------------

DSI มีธาริต เพ็งดิษฐ์ เป็นอธิบดี คือรอยด่างพล้อยแห่งของกรมสอบสวนคดีพิเศษ

ที่จริงคดีฉ้อโกงประชาชนจากโครงการจำนำข้าว ไม่จำเป็นที่ชาวนาต้องไปฟ้องร้องเองก็ได้ เพราะข้อหาฉ้อโกงประชาชน หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมสามารถรับเป็นโจทก์ฟ้องหรือรับดำเนินคดีแทนประชาชนได้เลย เพราะคดีมีมูลและมีผู้เสียหายจริงที่เป็นที่เปิดเผยอยู่แล้ว

อย่าง DSI ก็น่าจะนำคดีนี้มาเป็นคดีพิเศษ จะได้ตรวจสอบทุจริตได้ง่ายขึ้น ขอเข้าตรวจโกดังข้าวก็ได้ ง่ายขึ้น แต่เพราะมีขี้ข้าทักษิณอย่างธาริต เป็นอธิบดี

ปัญหาฉ้อโกงที่มีมูลค่าเสียหายต่อชาติมากที่สุดแบบนี้ DSI กลับไม่ทำ

----------------------

ข่าว ชาวนาผูกคอตาย รายล่าสุด




คลิกอ่าน ชาวนาไม่ได้เงินตั้งแต่กันยายน เพราะรัฐบาลยิ่งลักษณ์มัวแต่ช่วยทักษิณ





วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ธีรยุทธ บุญมี ถือป้าย "ไม่มีการเลือกตั้งคือการโกงชาติ" หนักหัว บก.ลายจุด







ศาสตราจารย์ ธีรยุทธ บุญมี อดีตผู้นำนักศึกษายุค 14 ตุลา ซึ่งตอนนี้มีแนวคิดคนละฝั่งกับฝ่ายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ปัจจุบันนายธีรยุทธ ยังเป็นอาจารย์ประจำ คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ยิ่งช่วงนี้มีการการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.  อาจารย์ธีรยุทธก็ได้แสดงแนวคิดที่เห็นด้วยกับ กปปส. เลยทำให้อาจารย์ธีรยุทธเสมือนอยู่ฝ่ายตรงข้ามพวกเสื้อแดง และรัฐบาลเพื่อไทย ไปโดยปริยาย


ทีนี้ บก.ลายจุด ซึ่งเป็นแกนนอนเสื้อแดง ได้โพสรูปสมัยอาจารย์ธีรยุทธ ยังเป็นนักศึกษาและต่อต้านเผด็จการยุคถนอม-ประพาส ที่ไม่เปิดให้มีการเลือกตั้งมานานแล้ว

อาจารย์ธีรยุทธ ได้ถือป้ายที่เขียนข้อความว่า "ถ้าไม่มีการเลือกต้ัง ก็หมายความว่าโกงชาติ อำนาจต้องมาจากประชาชน'"

แล้ว บก.ลายจุด ก็ทำโง่ ทำเป็นสงสัยว่า "แต่ที่ไม่เข้าใจคือ 2014 คืออะไร ?"

ตามรูปด้านล่าง




แล้วพวกเสื้อแดงก็เข้ามาด่าอาจารย์ธีรยุทธ ในเฟสบุ้คของ บก.ลายจุด แบบโง่ ๆ กันมากมาย

ผมว่า ตรรกะของ บก.ลายจุด และพวกเสื้อแดง นี่มันสมแล้วที่คนเขาจะดูถูกว่า เป็นพวกโง่ เพราะพวกมันคงไม่เข้าใจเรื่อง สถานการณ์เปลี่ยน ยุทธวิธีเปลี่ยน หรือเรื่องบริบทที่แตกต่างกัน


นเรานั้นสิ่งที่ต้องยึดมั่นและไม่ควรเปลี่ยนแปลงคือ หลักคุณธรรม หลักธรรมาภิบาล หลักธรรมาธิปไตย

หรือถ้าเรื่องความเป็นชาติ สิ่งที่คนไทยต้องยึดมั่นว่าสำคัญที่สุดคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

แต่ถ้าเป็นเรื่องแนวคิดเกี่ยวกับการเมืองนั้น มันย่อมเปลี่ยนความคิด หรือเปลี่ยนแปลงได้เสมอ

เช่น ถ้าเราเคยชอบพรรคนี้ เคยเลือกพรรคนี้มาก่อน แต่ถ้าในอนาคตเราพบพรรคที่ดีกว่า เราก็สามารถเปลี่ยนใจไปเลือกพรรคใหม่ก็ได้ นี่คือสัจธรรมแห่งการเมือง

หรือวันนึงคนไทยที่เคยเข้าป่าไปเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ แต่ต่อไปอยากกลับออกจากป่า มายึดแนวทางประชาธิปไตยก็ได้ ใช่หรือไม่ ?

เช่น นังธิดานกแสก และไอ้เหวง ก็เคยเป็นอดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย

แต่ถ้าโง่เหมือน บก.ลายจุด และพวกเสื้อแดง ก็ย่อมไม่เข้าใจว่า ทำไมสมัย 14 ตุลา อาจารย์ธีรยุทธ ต้องถือป้ายที่มีข้อความนั้น ?


แล้วทำไมปีนี้ อาจารย์ธีรยุทธกลับเห็นด้วยการการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง

ผมขอย้ำอีกครั้งว่า กปปส. ไม่ใช่ไม่เอาการเลือกตั้ง แต่พวกเขาไม่เอาการเลือกตั้งที่เอื้อให้แก่พวกรัฐบาลโจรกบฏรัฐธรรมนูญของนายกรักษาการณ์ยิ่งลักษณ์ ต่างหาก

ถ้าอธิบายสั้น ๆ แค่นี้ ถ้าใครยังไม่เข้าใจ ให้ไปอ่านบทความเรื่อง เหตุผลและทำไม กปปส. ต้องต่อต้านการเลือกตั้ง 2 ก.พ.


--------------------

มัย 14 ตุลา 2516 มันเป็นบริบทในสถานการณ์ของเผด็จการทหารครองอำนาจเบ็ดเสร็จ ไม่เปิดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปมานาน และเผด็จการทหารก็ครองอำนาจยาวนาน จนทำให้นักศึกษาและประชาชนในยุคนั้น ต้องออกมาประท้วงขับไล่ และต้องการให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น

หรือในสมัยพฤษภาทมิฬ ที่พลตรีจำลอง ศรีเมือง ต้องออกมาเป็นผู้นำมวลชนเพื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้งนั้น เจตนาก็เพื่อปิดทางไม่ให้พรรคการเมืองที่ชอบอิงอำนาจทหาร ไม่ให้ไปเชิญพวกทหารที่ไม่ได้ลงเลือกตั้งมาเป็นนายรัฐมนตรีได้

เหมือนที่พรรคการเมืองส่วนใหญ่ในปี 2535 ไปเชิญพลเอกสุจินดา คราประยูร อดีต ผบ.ทบ. และ 1 ในคณะรสช. มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเปรียบเสมือนสืบทอดอำนาจเผด็จการ ซึ่งสังคมไทยในยุคนั้นรับไม่ได้อีกแล้ว


แต่ยุค 2556 - 2557 มันแตกต่างจากยุคอดีตที่ผ่านมา เพราะการเรียนรู้ประชาธิปไตยของคนไทยในวันนี้ ได้เรียนรู้ว่า พวกที่มาจากการเลือกตั้งนั้น บางทีมันชั่วและเลวบัดซบยิ่งกว่าเผด็จการทหารเสียอีก จึงควรต้องปฏิรูปประเทศไทยใหม่ เหมือนยกเครื่องประเทศไทยใหม่

ไม่งั้นถ้ายังใช้กติกาเดิม ๆ แนวคิดเดิม ๆ ประเทศไทยที่ได้ชื่อว่า มีนักการเมืองคอร์รัปชั่นมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก แต่แทบไม่เคยจับนักการเมืองมาลงโทษในข้อหาคอร์รัปชั่นได้เลย

การเลือกตั้งด้วยแนวคิดและกติกาเดิม ๆ ก็ย่อมได้พวกนักการเมืองชั่ว ๆ หน้าเดิม ๆ นักการเมืองที่ยอมเป็นขี้ข้าทรราชกลับมาครองอำนาจ และสืบทอดอำนาจเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง

ซึ่งถ้าให้พวกชั่วมันครองอำนาจนาน ๆ จนหยั่งรากลึกมาก ๆ  ต่อไปก็จะยากที่จะล้มพวกชั่วมันลงได้อีก

ผมเขียนเท่านี้ ผมเชื่อว่า ผู้ที่มีคุณธรรมและมีใจรักธรรมาธิปไตย อ่านเท่านี้ก็คงเข้าใจแล้ว

ส่วนพวกฟายแดงมันจะเข้าใจหรือไม่ ?

ผมไม่สนหรอก เพราะพวกมันโง่นี่ 55555


----------------------

เมื่อ บก.ลายจุด คิดโครงการซื้อข้าวสารไปบรรจุถุง 5 โล ช่วยรัฐบาลชั่วมีเงินจ่ายชาวนา

คือ บก.ลายจุด ไปได้เงินจากป้าเช็ง เจ้าของน้ำหมักหยอดตาบอด มาประมาณ 1-2 ล้านบาท ก็เลยจะเอาเงินนี้ไปช่วยซื้อข้าวจากรัฐบาล เพื่อรัฐบาลจะได้มีเงินไปจ่ายหนี้จำนำข้าวให้ชาวนา

แนวคิดดีครับ แต่ทำไม บก.ลายจุด ไม่ลองชวนไอ้เต้น ไอ้ตู่ ไปเดินหาเงินแถวภาคเหนือ ภาคอีสาน แล้วให้เสื้อแดงช่วยบริจาคเงินบ้างล่ะครับ

น่าจะได้เงินเร็วกว่า และได้มากกว่า มานั่งกรอกข้าวสารลงถุงขาย เพราะ บก.ลายจุด แค่ขอซื้อข้าวเพียง 1 คันรถบรรทุกเท่านั้น คงต้องขายกันไปอีกหลายชาติหน้านั่นแหละ กว่าจะได้ 1.3 แสนล้านบาทมาจ่ายชาวนา แต่ความจริงข้าวมันจะเน่าก่อนแน่นอน

ก็ขนาดโอ๊ค พานทองแท้ ยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐมนตรีชั่ว มันมีเงินคนละหลายสิบ หลายร้อย หลายพันล้านบาท มันยังไม่เคยคิดจะซื้อข้าวในโกดังแบบโปร่งใสเหมือนที่ บก.ลายจุด คิดจะซื้อเลยครับ

ไอ้เต้น เคยอวดโม้ว่า ถ้ามันเดินแถวอีสานจะมีคนมาสนับสนุนเป็นล้านคนไม่แพ้กำนันสุเทพ

บก.ลายจุด ลองชวนไปไอ้เต้น ไอ้ตู่ ไปเดินสิครับ เผื่อจะได้เงินเร็ว ๆ แล้วเอาเงินนั้นมาซื้อข้าวได้เยอะมากทีเดียว (หวังว่าจะมีเสื้อแดงบริจาคนะ 55)

นายยรรยง พวงราช มันได้ให้สัมภาษณ์ทางช่อง11 ว่า การซื้อข้าวทีละไม่กี่กิโลแบบที่ บก.ลายจุดจะซื้อน่ะ แทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย มันต้องซื้อทีละหมื่นตัน แสนตัน ถึงจะช่วยชาวนาได้

บก.ลายจุด ลองไปหาพวกแดงรวย ๆ มาซื้อข้าวสักแสนตันสิครับ จะได้ประโยชน์กว่า ซื้อแค่ไม่กี่กิโลสร้างภาพนะ (ลองบินไปหาแถวดูไบก็ได้ เอ๊ะ? ตอนนี้แค่ไปพม่าก็พอ)

แต่ยังไงผมก็ยังชื่นชม บก.ลายจุด ว่า ยังมีความคิดที่ดีกว่าอีโอ๊ค ลูกไอ้เหลี่ยมครับ 555






วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

การเลือกตั้งของรัฐบาลกบฏยิ่งลักษณ์ ต้องเป็นโมฆะแน่นอน






การเลือกตั้งทั่วไป หมายถึง การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จัดขึ้นพร้อมกันและวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร (ยกเว้นเฉพาะ การเลือกตั้งล่วงหน้า การเลือกตั้งนอกเขต และการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ที่รธน.อนุญาตให้มีการเลือกตั้งก่อนได้)

ฉะนั้นหากการเลือกตั้งทั่วไป ไม่สามารถเกิดขึ้นได้พร้อมกันในวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักรได้ การเลือกตั้งนั้น ๆ ย่อมไม่ใช่การเลือกตั้งทั่วไปตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้

ผมอยากจะอธิบายว่า เจตนารมณ์ของการเลือกตั้งทั่วไปนั้น คือต้องเป็นการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นในยามสถานการณ์บ้านเมืองเป็นปกติ ประชาชนทั่วประเทศเห็นพ้องต้องกันว่าอยากจะเลือกตั้ง

เข้าใจคำว่า ทั่วไป ไหมครับ คำว่า การเลือกตั้งทั่วไป ก็คือ ต้องมีการเลือกตั้งอยู่ทั่วไปทั้งประเทศ 

ถ้าการเลือกตั้งไม่เกิดขึ้นพร้อมกันได้ทั่วทั้งแผ่นดิน การเลือกตั้งนั้นย่อมไม่ใช่การเลือกตั้งทั่วไป

ส่วนสาเหตุที่การเลือกตั้ง 2 ก.พ. นี้ ไม่อาจเกิดขึ้นได้พร้อมกันทั่วประเทศ ฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลก็โทษว่า เพราะฝ่าย กปปส. ขัดขวาง แต่นั่นมันเป็นปลายเหตุครับ

ส่วนสาเหตุที่ กปปส. มีการต่อต้านขัดขวางกระบวนการเลือกตั้งในหลายเขตนั้น ผมอยากจะย้ำว่า กปปส. มีเจตนาขัดขวางการเลือกตั้งที่ไม่ชอบธรรมไม่ให้เกิดขึ้น ไม่ใช่ขัดขวางการใช้สิทธิของผู้ต้องการใช้สิทธิเลือกตั้ง

รายละเอียดเรื่องนี้ ผมเขียนไว้ในบทความเรื่อง เหตุผลและทำไม กปปส.ถึงต่อต้านการเลือกตั้ง 2 ก.พ.


------------

รัฐบาลกบฏยิ่งลักษณ์ยังไม่เคยสำนึกผิด

และแม้แต่ตอนนี้ ความล้มเหลวในนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ได้ปรากฏออกมาเรื่อย ๆ แต่ยิ่งลักษณ์ก็ยังไม่ยอมรับว่าตัวเองผิดพลาด

5 ก.พ. 57 ยิ่งลักษณ์ก็ยังออกมายืนยันว่า นโยบายจำนำข้าวของรัฐบาลไม่ได้ล้มเหลว แต่ถ้าได้เป็นรัฐบาลอีก ก็พร้อมทบทวนว่าจะทำโครงการนี้ต่อหรือไม่ เนื่องจากมีผู้ท้วงติงหลายฝ่าย

ที่ผมติดใจมากคือ ประเด็นส่งคนไปคุมการบินไทย แล้วไปทำการบินขาดทุนยับเยิน จนไอ้คนนั้นมันลาออกหนีความล้มเหลวของมันไปแล้ว แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ไม่เคยแสดงความรับผิดชอบเชิงนโยบายใด ๆ เลยทั้งสิ้น

-------------------------------

การเลือกตั้ง 2 ก.พ. ต้องเป็นโมฆะแน่นอน

1. รัฐธรรมนูญมาตรา 108 กำหนดว่า การเลือกตั้งทั่วไปต้องจัดให้มีขึ้นพร้อมกันในวันเดียวทั่วราชอาณาจักร

แต่ประเด็นที่ การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่สามารถจัดให้มีการเลือกตั้งภายในวันเดียวกันพร้อมกันทั่วประเทศได้ เราคงต้องรอศาลรัฐธรรมนูญมีวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งจะเป็นโมฆะหรือไม่เท่านั้น

เพราะยังมีความเห็นต่างในข้อกฎหมายระหว่างฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลกับฝ่ายต่อต้านรัฐบาล

ฉะนั้นเมื่อต้องรอคำวินิจฉัยของศาล รธน. ผมว่า เราควรข้ามประเด็นมาตรา 108 นี้ไปก่อน ไปประเด็นต่อไปเลย



2. ไม่สามารถนับคะแนน สส. แบบบัญชีรายชื่อได้

เพราะตามรัฐธรรมนูญสำหรับ สส.แบบบัญชีรายชื่อนั้น จะต้องได้คะแนนจากทุกเขตทุกจังหวัดในประเทศครบถ้วนแล้วเท่านั้น จึงจะสามารถรวมคะแนนแล้วคำนวณหาสัดส่วนจำนวน สส. แบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมืองได้

หากยังไม่ได้คะแนนจากทุกเขตทุกจังหวัดแล้ว ก็ทำให้ กกต.ไม่สามารถประกาศผู้ที่ได้เป็น สส.แบบบัญชีรายชื่อได้เลยแม้แต่คนเดียว

เป็นผลให้ สภาผู้แทนราษฎรจะไม่มีสส.แบบบัญชีรายชื่อทั้งหมด 125 คนในสภา

ซ้ำยังมีประเด็นถกเถียงกันในข้อกฎหมายอีกว่า กกต.สามารถเปิดให้มีการลงคะแนน สส.แบบบัญชีรายชื่อใหม่ได้อีกหรือไม่

เพราะตามรัฐธรรมนูญ สส.แบบบัญชีรายชื่อนั้น เราจะถือว่า ประเทศไทยเป็นเขตเดียวกันเหมือนกันทั้งประเทศ เพราะบัญชีรายชื่อของสส. ในแต่ละพรรคเหมือนกันทุกจังหวัดทั่วประเทศ และต้องเลือกพร้อมกันวันเดียวกันทั่วประเทศด้วยเช่นกัน

ซึ่งแตกต่างจาก สส.แบบแบ่งเขต ที่ในแต่ละเขตมี สส.คนละคนกัน แตกต่างกัน



3. บางที กกต. อาจใช้ รธน.มาตรา 93 ภายใต้บังคับมาตรา 109 (2) ให้มีการเลือกตั้ง สส. แบบแบ่งเขตใหม่อีก เพื่อให้จำนวน สส. แบบแบ่งเขตให้ครบภายใน 180 วัน (6เดือน)

เพราะตราบใดที่ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีคำวินิจฉัยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะแล้วล่ะก็  กกต. ก็อาจนำรัฐธรรมนูญมาตรา 93 ภายใต้บังคับมาตรา109 (2) มาใช้เพื่อกำหนดวันเลือกตั้ง สส.แบบแบ่งเขตในเขตที่ยังไม่มีการเลือกตั้งใหม่อีก

แต่มาตรานี้ กกต.เองก็ไม่กล้าใช้เท่าไหร่ เพราะ กกต. ยังไม่แน่ใจในข้อกฎหมายเหมือนกัน เพราะมี 28 เขตที่ยังไม่มีผู้สมัครเลย

แล้วกกต. จะสามารถประกาศรับสมัคร สส. อีกครั้งจะทำได้หรือไม่ (เพราะไม่ใช่เลือกตั้งซ่อม หรือคะแนนผู้สมัครแพ้โหวตโนหรือมีคะแนนน้อยกว่า 20% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง)

กกต. เองก็หวั่นว่าจะผิดกฎหมายเสียเอง แล้วต้องมารับผิดชอบฝ่ายเดียวในภายหลัง

แต่ฝ่ายรัฐบาลรักษาการพยายามจะกดดันให้ กกต. ใช้มาตรานี้ในการเลือกตั้งใหม่เพื่อให้ได้จำนวน สส. แบบแบ่งเขตครบตามจำนวน ภายใน 6 เดือน

(รัฐบาลพยายามโยนให้กกต.ต้องรับผิดชอบแต่เพียงฝ่ายเดียว คือ ถ้าพลาดขึ้นมา กกต. ก็ชวยแต่ฝ่ายเดียวเช่นกัน)


4. เมื่อยังมีการลงคะแนนไม่เสร็จ แต่ผลการเลือกตั้งกลับประกาศออกมาแล้ว

คือตอนนี้มีผลการเลือกตั้งในหลายจังหวัดออกมาแล้วว่า ใครได้คะแนนเท่าไหร่ ใครได้เป็น สส.

ฉะนั้นถ้ายังจัดให้มีการเลือกตั้งในเขตที่ยังไม่มีการเลือกตั้งอีก ก็เท่ากับว่า เป็นการเลือกตั้งที่ไม่โปร่งใส เพราะมีผลได้ผลเสียจากการล่วงรู้คะแนนกันแล้ว โดยเฉพาะการเลือกตั้งล่วงหน้าและการเลือกตั้งนอกเขตที่จะจัดให้มีการเลือกตั้งซ้ำอีก

ฉะนั้นการเลือกตั้ง 2 ก.พ. จึงไม่ใช่การเลือกตั้งทั่วไป ย่อมเป็นการเลือกตั้งที่เป็นโมฆะแน่นอน

---------------------

ผมจึงขอสรุปเลยว่า ตราบใดที่ 28 เขตของภาคใต้ยังไม่มีผู้สมัคร สส.  หรือยังไม่สามารถจัดการเลือกตั้งเพื่อหาสส.แบบแบ่งเขต ได้อีกในภาคใต้อีกหลายจังหวัด ภายใน 6 เดือน

การเลือกตั้งตามพระราชกฤษฎีกายุบสภา 2556 ครั้งนี้ จะต้องเป็นการเลือกตั้งที่เป็นโมฆะทันที โดยไม่ต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

ฉะนั้น ความหวังในการทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะโดยอัตโนมัติ จึงเป็นเรื่องของพี่น้องชาวใต้จัดการ

------------------------

ระหว่างการรอช่วงนี้อีก 6 เดือน ก็ต้องต่อสู้เพื่อขับไล่รัฐบาลกบฏยิ่งลักษณ์ต่อไป

ซึ่งหากมองในแง่กฎหมายอีกแบบ รัฐบาลรักษาการจะต้องพ้นจากการรักษาการหลังมีการเลือกตั้งภายใน 30 วัน เพราะจะต้องเปิดสภาเพื่อเลือกสรรนายกรัฐมนตรี

แต่เมื่อไม่สามารถเปิดสภาได้ เพราะจำนวนสส.ไม่ครบตามกฎหมาย ก็ไม่สามารถมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้

ดังนั้นจึงมีผู้เสนอว่า ควรให้วุฒิสภาทำหน้าที่แทนสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่มาจากวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้งก็ได้ หรือจะให้มาจากคนกลางตามมาตรา 7 ก็ได้ เพราะนี่คือสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

แต่ฝ่ายรัฐบาลรักษาการยิ่งลักษณ์ ไม่ยอมรับข้อเสนอกฎหมายประเด็นนี้ ยังเกาะมาตรา 181 เพื่อรักษาการต่อไปจนกว่าจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง !!

จนเมื่อการเลือกตั้งได้เป็นโมฆะแล้ว ไม่ว่าจะด้วยคำวินิจฉัยของศาล หรือเพราะโมฆะเพราะครบ 6 เดือนยังไม่สามารถมี สส. ครบองค์ประชุมก็ตาม

รัฐบาลกบฏยิ่งลักษณ์ก็ยิ่งหมดความชอบธรรมที่จะอยู่รักษาการอีกต่อไป เพราะได้สร้างความเสียหายจากการดื้อด้านเดินหน้าเลือกตั้งทั่วไปที่ไม่ชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ

ฉะนั้น กปปส. จะชนะรัฐบาลชั่วนี้ได้แน่นอน ในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน (หรือเร็วกว่านั้น) เพียงแต่ต้องอดทนฟันฝ่าการส่งคนมาลอบกัดทำร้ายจากฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลให้ได้

หรือถ้า ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดบรรดาสส. 300 กว่าคนกรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมทั้งชี้มูลความผิดยิ่งลักษณ์ในกรณีนโยบายจำนำข้าวได้เร็ว ชัยชนะของมวลมหาประชาชนก็จะมาเร็วกว่าที่คาดไว้ครับ


------------------

อัพเดท 12 ก.พ.57

ทำไมศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รับวินิจฉัยคำร้องการเลือกตั้งเป็นโมฆะของอดีต สส. ประชาธิปัตย์








วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ชาวนาไทยฉลาดแล้ว แต่เสื้อแดงไม่ยอมเลิกโง่







นับตั้งแต่ชาวนาหลายจังหวัดได้กลายเป็นเจ้าหนี้ของรัฐบาล ก็ทำให้ชาวนาไทยตาสว่างมากขึ้นเพราะได้รู้ว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์มันเลวเพียงใด

ถ้าคุณผู้อ่านได้สังเกตข่าวในหลายเดือนที่ผ่านมา ในช่วงที่ชาวนาเรียกร้องเงินที่รัฐบาลค้างจ่ายค่าจำนำข้าวของชาวนา จะสังเกตได้เลยว่า ชาวนาไม่เคยไปชุมนุมด่า ธกส. ที่ไม่ยอมปล่อยเงินกู้แก่รัฐบาล

จะมีก็เพียงแต่ชาวนาไปชุมนุมหน้า ธกส. เพื่อเรียกร้องค่าจำนำข้าวจากรัฐบาลที่ยังไม่จ่ายมาให้ ธกส. เพื่อมาจ่ายค่าจำนำให้ชาวนา

หรือแม้ในตอนนี้ที่รัฐบาลพยายามวิ่งรอกหาเงินกู้มาจ่ายหนี้ค่าข้าวให้ชาวนา แล้วก็มีบรรดาธนาคารของรัฐหลาย ๆ ธนาคารต่างไม่ยอมปล่อยกู้ให้รัฐบาลนั้น

เราก็จะเห็นว่า ไม่มีชาวนาไปด่าธนาคารเหล่านั้นเลย นั่นเพราะชาวนาต่างรู้ดีว่าความถูกต้องชอบธรรมในวันนี้คืออะไร

เพราะความชอบธรรม ก็คือ รัฐบาลต้องนำข้าวที่ชาวนานำมาจำนำกับรัฐบาลไว้ เอาไปขาย แล้วรัฐบาลก็ต้องนำเงินจากการขายข้าวมาหมุนเวียนในระบบเพื่อจ่ายค่าจำนำข้าวคืนให้ชาวนา

นี่แหละคือความถูกต้องชอบธรรมในระบบการค้า

------------------------

ทำไมธนาคารพาณิชย์ ถึงไม่ยอมปล่อยกู้ให้รัฐบาล

ก็เพราะที่ผ่านมาการขายข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์มีความไม่โปร่งใส แถมข้าวส่วนใหญ่ก็ขายไม่ออก และกำลังรอเน่าอยู่ในโกดัง

การที่ธนาคารเขาจะปล่อยเงินกู้หรือไม่ เขาก็ต้องมองว่า เงินที่ให้กู้ไปนั้นจะมีโอกาสได้คืนสูงหรือไม่ ?

แต่จากที่ดูผลงานการขายข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ผ่านมา ถ้าไม่โง่แบบเสื้อแดง ก็ต้องรู้ว่าโครงการนี้มีแต่เน่ากับเน่าแน่นอน

ถ้าปล่อยกู้ไปแล้วโอกาสกลายเป็นหนี้เน่ามีสูง แถมถ้าต่อไปมีคนไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญว่า การกู้เงินของรัฐบาลรักษาการยิ่งลักษณ์ครั้งนี้ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 181 (3) ล่ะก็

มาตรา 181 (3) ไม่กระทำอันมีผลเป็นการอนุมัติงานหรือโครงการ หรือมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป


หนังสือชี้ชวนซื้อพันธบัตรเงินกู้ของรัฐบาล

ถ้าขัดรัฐธรรมนูญ โอกาสหนี้นี้จะได้เงินคืนก็จะยากขึ้นเป็นทวีคูณ แล้วธนาคารไหนเขาจะกล้าเสี่ยงล่ะ

ซึ่งการออกพันธบัตรกู้เงินค่าจำนำข้าวครั้งนี้ ย่อมมีผลต่อเนื่องเพื่อใช้หนี้ในรัฐบาลต่อไปแน่นอน และถ้าไม่มีเงินจากการขายข้าวมาจ่ายตามกำหนดเงื่อนไขพันธบัตร

กระทรวงการคลังในรัฐบาลต่อไปซึ่งอยู่ฐานะผู้ค้ำประกันตามสัญญา ก็จะต้องหาเงินมาจ่ายหนี้พันธบัตรนี้

จึงเท่ากับพันธบัตรหาเงินใช้หนี้จำนำข้าว จึงเป็นโครงการที่มีผลผูกพันรัฐบาลต่อไปแน่นอน ซึ่งขัดรัฐธรรมนูญมาตรา181 (3) แน่นอนครับ

ดังนั้นควรจะเปลี่ยนชื่อโครงการรับจำนำข้าวเสียใหม่ เป็น  โครงการข้าวเน่าของอีปู


-------------------

เมื่อธนาคารเขาไม่มั่นใจว่าจะได้เงินที่กู้คืนหรือไม่ เพราะข้าวไทยขายไม่ออก แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาใช้คืน แถมยังมีปัญหาเรื่องจะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ด้วย ธนาคารเขาก็ต้องไม่ให้รัฐบาลรักษาการกู้เป็นเรื่องธรรมดา เพราะนี่คือหลักการทำธุรกิจ

แต่พวกฟายแดงมันโง่สมที่คนเขาเรียกว่าเป็นควาย เพราะข่าววันนี้ มีข่าวว่าเสื้อแดงเชียงรายบุกไปประท้วงที่หน้า ธกส.เชียงราย ไปกล่าวหาว่า ธกส.เอาข้าวชาวนาไป แต่ไม่ยอมจ่ายเงินให้ชาวนา

นางเกษนีย์ ชื่นชม แกนนำกลุ่มเชียงราย ได้ปราศัยว่า "ที่ผ่านมามีการให้ร้ายรัฐบาลว่าเป็นผู้ทำให้โครงการรับจำนำข้าวล้มเหลว ทั้งที่ ธ.ก.ส.เอาข้าวของชาวนาไปแต่กลับไม่ให้เงิน แล้วให้ร้ายรัฐบาลว่าไม่มีความสามารถในการบริหารงาน ขณะที่พนักงาน ธ.ก.ส.กลับไปแต่งชุดดำโดยไม่เอาเงินมาให้รัฐบาลกู้"

จากนั้นกลุ่มคนเสื้อแดงได้พากันตะโกนว่า “เอาเงินของเราคืนมา เอาเงินมาๆ”


เฮ่อ.. สมแล้วที่คนเขาเรียกเสื้อแดงว่า ควายแดง

เพราะความจริง ธกส. ไม่ได้เป็นผู้เอาข้าวของชาวนาไป แต่รัฐบาลต่างหากที่เอาข้าวชาวนาไป แล้วไปจ้างโกดังเก็บ

ส่วน ธกส. มีหน้าที่จ่ายเงินให้ชาวนาเท่านั้น แต่ที่ผ่านมา ธกส. จ่ายเงินให้ชาวนาด้วยเงินที่รัฐบาลกู้ ธกส. มาจ่าย แต่วันนี้ถ้า ธกส. ขืนให้รัฐบาลกู้เงินมาจ่ายให้ชาวนาอีก ธกส. ก็เจ๊งน่ะสิ

ชาวนาเขาก็รู้ดี ชาวนาก็เลยไม่ไปด่า ธกส. คงมีแต่พวกควายแดงเท่านั้นที่ควายไม่เลิกรา คิดว่าไปด่า ธกส. แล้วชาวนาเขาจะหลงเชื่อ

ถุย ชาวนาที่ยังไม่ได้เงินส่วนใหญ่เขาฉลาดแล้ว เขาไม่โง่เหมือนพวกมึงฟายแดงหรอก

--------------------------

นางธิดา นกแสก โทษธนาคารที่ไม่ยอมให้ธนาคารกู้



คือเมื่อวันที่รัฐบาลเปิดให้ธนาคารพาณิชย์ทั้งรัฐและเอกชน มาประมูลซื้อพันธบัตรค่าจำนำข้าวของรัฐบาล

ถ้าธนาคารไหนที่เสนอดอกเบี้ยต่ำที่สุด ก็จะได้สิทธิซื้อพันธบัตรฉบับใบละ 1 พันล้านบาทจากรัฐบาลไป

แต่ธนาคารทั้งหลาย เขาไม่อยากจะซื้อพันธบัตรจำนำข้าวฉบับนี้ เพราะมันเสี่ยงต่อภาพลักษณ์ติดลบของธนาคารเองในเรื่องความโปร่งใส ธนาคารอาจจะถูกกล่าวหาว่า สมรู้ร่วมคิดกับโครงการข้าวเน่านี้ด้วย

แต่ธนาคารก็ยังเกรงใจรัฐบาล พวกธนาคารต่าง ๆ ก็เลยแกล้งเสนอดอกเบี้ยสูงมาก ๆ สูงเกินกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปกติ จึงทำให้รัฐบาลไม่กล้าขายพันธบัตรให้ธนาคารใดเลย

เพราะถ้าขายไป รัฐบาลก็จะซวยอีกเรื่องคือ รู้ว่าดอกเบี้ยสูงเกินจริง แล้วยังเสือกไปกู้อีก รัฐบาลอาจโดนข้อหา คอรัปชั่นเชิงนโยบายอีกกระทง

แล้วพอไม่มีธนาคารไหนสนใจซื้อพันธบัตรรัฐเลย ก็ทำให้นางธิดา นกแสก ประธาน นปช. จึงออกมาแถลงด่าธนาคารตามคลิปข้างบน

เฮ่อ.. ควายแดงมันก็ชั่งโง่ไม่เลิกกันจริง ๆ แทนที่อีนกแสกจะด่าไอ้พวกโง่ที่ไม่มีปัญญาขายข้าว ดันมาด่าธนาคารที่เขาไม่ให้ไอ้พวกโง่มันกู้อีก

ตัวอย่าง 

ถ้านางสาวปู ได้กู้เงินธนาคารไปทำการค้าจนเจ๊ง แล้วนางสาวปูก็กลับไปขอกู้ธนาคารเพิ่มอีก ถามว่า ยังจะมีธนาคารไหนเขาจะโง่ให้กู้อีก

ธนาคารอาจยอมให้กู้ในครั้งที่ 2 เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่อง แต่ถ้านางสาวปูยังไปทำกิจการเจ๊งอีก ก็คงไม่มีธนาคารไหนโง่ให้กู้อีกแน่นอน

ทีนี้ นางสาวปูพอเห็นธนาคารไม่ยอมให้กู้อีก ก็เลยโกรธอาฆาตแค้นว่า จะกลับมาคิดบัญชีแค้นกับธนาคาร

ธนาคารก็เลยบอกว่า ถ้ามึงอยากจะคิดบัญชีกับธนาคารก็ช่วยพกเงินมาจ่ายหนี้ที่ค้างด้วยล่ะ ไอ้พวกฟายแดง 5555






คลิกอ่าน มีแรดเป็นนายก มีความเป็นรัฐมนตรี ชาวนาเลยซวย