วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556

กองทุนมั่งคั่ง ทุนสำรองเงินตรา รัฐบาลถังแตกกับประชานิยม







ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ ไม่ใช่เป็นเงินของไทยไปทั้งหมด แต่มีเงินที่นักลงทุนนำเงินต่างประเทศเข้ามาในไทยอยู่ด้วย แล้วไทยก็พิมพ์เงินบาทแลกให้นักลงทุนใช้ในการลงทุนในประเทศไทย

ถ้ามีเงินเข้ามาในไทยมากกว่านำเงินไหลออกนอกประเทศไป ไม่ว่าจะเกิดจากเงินจากภาคการส่งออกและการนำเข้า หรือเงินจากการลงทุน เงินที่กู้จากต่างชาติ หรือเงินที่ได้มาจากการท่องเที่ยวก็ตาม

รวม ๆ แล้ว ถ้าเงินเข้าประเทศมีมากกว่าเงินออกนอกประเทศ ไทยก็จะได้กำไรจากการเคลื่อนไหวของเงินตรา เป็นผลให้ทุนสำรองเงินตราเพิ่มขึ้น เราจึงเรียกว่า กำไรจากดุลบัญชีเดินสะพัด

แต่ถ้าหากรัฐบาลคิดเอาเงินทุนสำรองมาใช้แบบไม่คิด ไปใช้ในประชานิยมแบบผิด ๆ ที่ไม่สร้างผลกำไร เช่นนำไปใช้ในโครงการรับจำนำข้าวหรืออื่น ๆ ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้

ระวัง !นักลงทุนต่างประเทศเกิดแห่ถอนทุนคืน !!

แล้ววิกฤติ 40 จะกลับมาอีกครั้งแน่นอน

ดังนั้น ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ จึงต้องมีสำรองให้พอกับการไหลออกของเงินไว้ตลอดเวลา โดยเฉพาะในยามเกิดวิกฤติ

-----------------------

ที่ผมพูดถึงทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ สืบเนื่องจาก รัฐบาลอีโง่มันจะตั้ง กองทุนมั่งคั่ง เพื่อจะนำเงินจากทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศมาใช้ครับ

เพราะตอนนี้รัฐบาลอีโง่ มันกำลังถังแตกจากโครงการจำนำข้าว ทำให้เป็นหนี้ ธกส. กว่า 5 แสนล้านบาท ซึ่งยังไม่ได้จ่าย รัฐบาลอีโง่มันเลยหาหนทางจะนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมาใช้

(จำไว้ว่า ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ ไม่ใช่เงินคงคลังนะครับ)

ซึ่งถ้าหากไทยขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวมาก ๆ ก็อาจทำให้ประเทศไทยเกิดสภาวะไม่มั่นคงทางการเงินในท้องพระคลัง ซึ่งจะทำให้นักลงทุนต่างชาติเกิดความไม่มั่นใจไปด้วย

และหากเกิดการแห่ถอนทุนคืนจากนักลงทุนต่างชาติจะเป็นอย่างไร ? เช่นแห่ขายคืนพันธบัตรและตราสารหนี้ของไทย ถอนหุ้นเพื่อเอาเงินคืนจากตลาดหุ้น

คำตอบคือ ก็จะเหมือนไทยเราโดนโจมตีค่าเงินบาทเลยครับ นั่นคือ ไทยเราก็ต้องคืนเงินในรูปเงินดอลล่าห์ให้แก่นักลงทุน นั่นก็คือ นำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศจ่ายคืนนักลงทุน

ซึ่งถ้าไทยมีทุนสำรองไม่มากพอ เพราะเสือกเอาไปใช้ในทางที่ผิด ไทยก็ต้องนำเงินดอลล่าห์ในท้องพระคลังไปจ่ายคืน ถ้ามีไม่พอก็ต้องนำทองคำในท้องพระคลังไปแลกเป็นเงินดอลล่าห์มาเพื่อคืนเงินแก่นักลงทุน

หรือจะนำเงินบาทจำนวนมากไปซื้อเงินดอลล่าห์ก็ตาม ก็จะทำให้เงินบาทเริ่มอ่อนค่าลง เพราะความต้องการเงินบาทในตลาดการเงินจะต่ำลง แต่ความต้องการเงินดอลล่าห์จะสูงขึ้น

ทีนี้พอทองคำในท้องพระคลัง(คลังหลวง)ของไทยร่อยหรอ ซึ่งหมายถึง เงินคงคลังร่อยหรอไปด้วย

พอนักลงทุนแห่เอาเงินดอลล่าห์กลับไป เงินบาทที่ไทยเคยพิมพ์ให้นักลงทุนใช้ลงทุนในประเทศไทยก็จะเหลือบานเบอะ ซึ่งมีผลทำให้ค่าเงินบาทตกอย่างรุนแรง!!

ทีนี้แหละ ใครกู้เงินจากต่างประเทศ ซื้อเครื่องจักรจากต่างประเทศ หรือเป็นหนี้ต่างประเทศ ก็จะซวยแบบวิกฤติปี 40 ครับ

กรณีที่ผมยกตัวอย่างนี้ ก็คล้ายกับที่ได้เกิดขึ้นในกรีซมาแล้ว จนทำให้กรีซเกิดภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจ เนื่องจากกรีซใช้เงินเกินตัว จนเกิดหนี้สาธารณะมากมาย แต่รายรับของกรีซกลับลดลง ๆ จนนักลงทุนเกิดความไม่เชื่อมั่นว่า กรีซจะมีเงินมากพอใช้หนี้หรือ ? และกลัวว่าจะไม่มีเงินคืนแก่นักลงทุน

ทำให้นักลงทุนจึงแห่กันถอนทุนคืนจากกรีซ แห่ขายคืนพันธบัตรกรีซ จนกลายเป็นกระดาษที่ไร้ค่า เพราะไม่มีใครอยากจะซื้ออีก

------------

เช่นเดียวกัน หากไทยมีรายได้น้อยลง แถมขาดทุนจากประชานิยมมากขึ้น ๆ แถมรัฐบาลยังหน้าใหญ่กู้เงินจำนวนมาก ๆ มาลงทุนเกินตัว

ทำให้ค่าความเสี่ยงด้านการเงินและการชำระหนี้ของไทยก็จะมีสูงขึ้นเรื่อย ๆ (ค่าความเสี่ยงยิ่งสูงมากเท่าไหร่ นักลงทุนก็จะเกิดมั่นใจในเครดิตประเทศไทยลดลง)

ฉะนั้นจงจำไว้ว่า นักลงทุนต่างชาติเขาไม่ได้โง่เหมือนพวกฟายแดงนะครับ ต้องระวังเรื่องนี้ไว้ให้ดี

ในเมื่อรายได้น้อยลง แถมถูกต่อต้านจากหลายฝ่ายในเรื่อง การตั้งกองทุนมั่งคั่ง

ทำให้รัฐบาลชั่วก็เลยหาทางออกด้วยการคิดจะมาขูดรีดกับประชาชนด้วยการคิดที่จะไปขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มแทน 

ด้วยการเริ่มจาก กลยุทธโยนหินถามทาง 


คลิกอ่าน นาฬิกาหนี้สาธารณะ





วันอังคารที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556

นาฬิกาหนี้สาธารณะของทุกชาติ






หลังจากกฎหมายงบประมาณประจำปี 2014 ของสหรัฐอเมริกา ไม่ผ่านสภาคองเรส ก็ทำให้สหรัฐอเมริกากำลังจะพบอีกวิกฤตินึงก็คือ วิกฤติหนี้ชนเพดาน

หรือภาวะเบี้ยวนัดชำระหนี้สาธารณะครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติ หากรัฐสภาไม่ผ่านกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้ ทันในวันที่ 17 ต.ค.56 นี้ ซึ่งถือเป็นวันเส้นตาย

เราเคยสงสัยกันไหมว่า สหรัฐอเมริกามหาอำนาจของโลก มีหนี้สาธารณะมากเท่าไหร่ ?

คำตอบในเวลาที่ผมเขียนนี้ คือ ประมาณ 17,272,483,000,000 ล้านดอลล่าห์สหรัฐ ซึ่งตัวเลขศูนย์ 6 ตัวท้ายนั้นจะมีการเคลื่อนไหวในอัตราเพิ่มขึ้นตลอดเวลา

ซึ่งไปดูการเคลื่อนไหวหนี้สาธารณะของสหรัฐได้ที่เว็บ nationaldebtclocks คลิก !!

ที่สหรัฐเขามีนาฬิกาหนี้สาธารณะ ติดไว้หน้าตึกหลายแห่ง ซึ่งจะมีตัวเลขหนี้สาธารณะแบบเรียลไทม์ กับค่าเฉลี่ยว่าแต่ละครอบครัวมีหนี้สาธารณะเฉลี่ยครอบครัวละเท่าไหร่



ในขณะที่สหรัฐมี GDP หรือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ ที่ 16,004,500,000,000 ล้านดอลล่าห์สหรัฐ

ซึ่งเมื่อคิดจำนวนหนี้สาธารณะสหรัฐเทียบกับGDPของสหรัฐแล้ว หนี้สาธารณะของสหรัฐ คิดเป็น 107.92%

แปลง่าย ๆ ว่า สหรัฐมีหนี้สาธารณะสูงกว่า GDP

----------------

หนี้สาธารณะของประเทศไทย

ส่วนหนี้สาธาณะของไทย มีประมาณ 3,958,722,000,000 ล้านบาท (ตัวเลขศูนย์หกหลักสุดท้ายจะมีการเปลี่ยนแปลงในการเพิ่มขึ้นตลอดเวลา)

คลิกดู นาฬิการหนี้สาธารณะของไทย

เท่ากับคนไทยเรามีหนี้สาธารณะเฉลี่ยคนละประมาณ 60,000 กว่าบาท/คน ซึ่งจะเพิ่มขึ้นตลอดเวลาเช่นกัน

ส่วน GDP ของไทยมีประมาณ 10,157,915,913,878 บาท

เมื่อเทียบหนี้สาธารณะของไทยต่อ GDP คือ 38.97%

ซึ่ง ณ. เวลานี้หนี้สาธารณะของไทยเทียบกับจีดีพียังถือว่าน้อย แต่ถ้าบริหารจัดการไม่ดี แม้หนี้สาธาณะไม่มาก แต่ก็ทำให้ประเทศเจ๊งได้เหมือนกัน หากทุนสำรองระหว่างประเทศโดนชาวต่างชาติแห่ถอนทุนกลับหมด

เพราะจะทำให้ไทยขาดสภาพคล่องทางการเงิน เหมือนยุควิกฤติต้มยำกุง พ.ศ. 2540 ได้

และตอนนี้โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์กำลังทำให้ไทยสูญเสียเงินจากการขาดทุนไปแล้วไม่น้อยกว่า 4 แสนล้านบาท ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ต่อไป

ไทยเราอาจโดนโจมตีค่าเงินบาทอีกครั้งก็เป็นได้ 

ระวัง! กันไว้ให้ดีครับ โดยเฉพาะพวกแมงเม่าทั้งหลาย

---------------

เงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท กับเงินกู้ 2.2ล้านล้านบาท

ตอนนี้ไทยเรามีหนี้สาธารณะประมาณ 3.9 ล้านล้านบาท หากรัฐบาลไทยกู้เงินอีก 3.5 แสนล้านบาท + 2.2ล้านล้านบาท (ยังไม่รวมดอกเบี้ย)

ก็จะทำให้ตัวเลขหนี้สาธารณะของไทยเพิ่มเป็น 3.9ล้านล้านบาท + 2.55 ล้านบาท ก็จะได้เท่ากับ 6.45 ล้านล้านบาท หรือคนไทยจะมีหนี้สาธาณะเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็นคนละ 1 แสนบาท/คน

ซึ่งจะทำให้ตัวเลขหนี้สาธารณะของไทยเทียบกับจีดีพีทะลุเป็น 64% โดยประมาณครับ (แล้วยังจะมีหนี้จากโครงการจำนำข้าวอีกหลายแสนล้านบาท ที่จะกลายเป็นหนี้สาธารณะในอนาคต)

ในสถานการณ์ปัจจุบัน ข้าวไทยก็ขายไม่ออก ยางพาราก็ราคาตก ส่งออกในภาคอื่น ๆ ทั้งหมดก็เข้าสู่สภาวะถดถอย

พูดง่าย ๆ ว่า รายได้น้อย แต่ความกระสันอยากของรัฐบาลสูง !!

----------------

ที่สหรัฐอเมริกา มีสำนักงานหนี้สาธารณะของชาติ 

สำนักงานหนี้สาธารณะของสหรัฐ เขาจะมีสำนักงานสาขาไปทั่วประเทศ ซึ่งสังกัดกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง

ชาวอเมริกันคนไหนอยากจะร่วมบริจาคเงินเพื่อช่วยลดหนี้สาธารณะของประเทศก็ไปบริจาคได้ ซึ่งเมื่อปี 2011 คนอเมริกันได้บริจาคเงินช่วยประเทศรวมทั้งสิ้น 7 ล้านดอลล่าห์

ที่ประเทศไทยน่าจะมีสำนักหนี้สาธารณะเป็นการเฉพาะบ้างนะ เผื่อใครอยากทำบุญให้ประเทศชาติ ก็จะได้ไปบริจาคโดยตรงได้ง่าย ๆ


คลิกอ่าน กรณีศึกษาเมื่องบประมาณสหรัฐปี 2014 ไม่ผ่านสภา





วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ที่ญี่ปุ่น ใครจะซื้อรถก็ต้องมีที่จอดรถของตัวเองด้วย






ผมอยากจะเขียนเล่าเรื่องนี้มานานแล้ว แต่ไม่ได้เขียนสักที พอได้ยินข่าวว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินฯ เสนอว่า ต่อไปใครจะซื้อรถก็ต้องแสดงสถานที่จอดรถส่วนตัวมาแสดงในการจดทะเบียนรถกับกรมขนส่งด้วย เลยทำให้ผมนึกถึงเรื่องการซื้อรถในญี่ปุ่นอีกครั้ง

ที่ประเทศญี่ปุ่น ประเทศที่เป็นเจ้าตลาดรถยนต์ของโลก และเป็นเจ้าตลาดรถยนต์ในเมืองไทย รวมทั้งมีโรงงานผลิตรถยนต์ในเมืองไทยนั้น เขากลับไม่อยากส่งเสริมให้คนญี่ปุ่นมีรถส่วนตัวเท่าไหร่นัก

สาเหตุเพราะระบบขนส่งสาธารณะอย่างรถไฟ เขามีรองรับเพียงพอ อีกทั้งประเทศญี่ปุ่นมีขนาดเล็กราว 3 ใน 4 ของประเทศไทย แต่มีประชากรมากกว่าไทยกว่า 2 เท่า ทำให้เนื้อที่สำหรับประชากรของญี่ปุ่นก็ยิ่งน้อยลงไปด้วย

อีกทั้งประเทศญี่ปุ่นยังสามารถรักษาป่าไม้อุดมสมบูรณ์ได้มากกว่า 70 % ของเนื้อที่ประเทศ ก็ยิ่งทำให้เนื้อที่สำหรับประชากรอยู่อาศัยก็ยิ่งน้อยลงไปอีก

แล้วยิ่งกรุงโตเกียวที่ได้ชื่อว่า มีราคาที่ดินสูงที่สุดในโลกแล้วด้วย การใช้ประโยชน์ในพื้นที่ก็ต้องให้คุ้มค่าที่สุด อยู่ ๆ จะปล่อยให้รถยนต์ส่วนตัวมาจอดทิ้งกันบนถนนสาธารณะฟรี ๆ ก็ยิ่งไม่สมควร

ทำให้กฎหมายญี่ปุ่นจึงได้กำหนดว่า หากใครจะซื้อรถก็ต้องนำโฉนดที่จอดรถ หรือนำโฉนดที่ดินของบ้านพร้อมรูปถ่ายที่จอดรถมาแสดงในการจดทะเบียนรถยนต์ หรือถ้าใครอยู่คอนโด อพาร์ทเมนต์ ก็ต้องไปเช่าที่จอดรถแบบรายปี แล้วนำรูปที่จอดรถและเอกสารการเช่าที่จอดรถมาแสดงด้วย

หากไม่มีหลักฐานมาแสดงตามที่ว่า คุณก็ไม่มีสิทธิซื้อรถส่วนตัวในญี่ปุ่น

เพราะญี่ปุ่นเขาไม่ยอมให้คนที่มีรถนำรถมาจอดบนถนนสาธารณะเด็ดขาด เพราะนั่นแสดงถึงการเอาเปรียบคนอื่น ๆ เพราะถนนสาธารณะเป็นของทุกคนร่วมกันใช้ ไม่ใช่มีไว้ให้ใครนำรถส่วนตัวมาจอดเกะกะการจราจร


To own a car in Japan, you need to provide documents that prove you have a space to park the car. Most apartments and mansions dont usually come with parking so you would usually pay on average 30,000 yen per month for a parking space.

Our house came with space to park a car so obviously we dont need to pay this extra cost.

คลิกที่รูปเพื่อขยาย



-------------------------

เมืองไทยใครใคร่ซื้อรถซื้อ ใครใคร่จอดที่ไหนก็จอด


หากเปรียบในบ้านเรา คุณคงเคยเห็นพวกร้านค้าตึกแถว มีรถส่วนตัวแต่ไม่มีที่จอดรถในบ้านตัวเอง แล้วก็นำโต๊ะเก้าอี้มาวางบนถนนเพื่อจองที่จอดรถเอาไว้ก็มี

หรือตามทาวเฮ้าส์ บางบ้านใช้เนื้อที่ที่จอดรถไปทำอย่างอื่นหมดแล้ว ก็เลยนำรถมาจอดบนถนนในหมู่บ้านแทน แล้วก็ขวางการจราจรในหมู่บ้านให้เข้าออกยาก

หรือในซอยแคบ ๆ หลายแห่งใน กทม. หลายบ้านไม่มีที่จอดรถก็นำรถมาจอดในซอยแทน ก็ยิ่งทำให้ซอยมันยิ่งคับแคบไปอีก

อย่างคอนโดมิเนียมบางแห่งที่ตั้งริมถนนแถวถนนไปโรงเรียนสตรีวิทย์ 2 ไม่มีที่จอดรถให้คนในคอนโดเลย ผู้อาศัยเลยต้องนำรถมาจอดริมถนนกันยาวเหยียด ใครเคยผ่านไปคงนึกออก

นี่แหละเมืองไทย อยากมีรถแต่ไม่ต้องมีที่จอดรถ ไปหาจอดบนนถนนหน้าบ้านแทน คือมูลเหตุหลักอย่างหนึ่งที่ทำให้รถในกรุงเทพฯ มีมากเกินไปนั่นเอง


รูปประกอบด้านล่างจากคุณ Noi Noi

คลิกที่รูปเพื่อขยาย!!

รูปแรกถนนใหญ่ขนาดนี้ ยังหน้าด้านเอามาเป็นที่จอดรถส่วนตัวได้ ทำป้ายซะด้วย 



คลิกที่รูปเพื่อขยาย!!

รูป 2 ในซอยแคบ ๆ มีเหล็กกั้นสำหรับลูกค้าคอนโดจอด


คลิกที่รูปเพื่อขยาย!!



ส่วนที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอว่า ถ้ารถใครเสียกลางถนนให้ปรับนาทีละ 100 บาทนั้น

ผมว่าผู้ตรวจการแผ่นดินแกคิดแบบเศรษฐีเกินไป เพราะไม่มีใครอยากรถเสียหรอก ปรับนาทีละ100 บาทมันก็แพงเกินไป

แต่ถ้าปรับแบบเหมาจ่ายไปเลย 500 บาทสำหรับรถเสียบนถนน ผมว่าเออ.. ยังพอทนครับ ^^

นี่เห็นว่าในอดีตของไทย ใครจะซื้อรถต้องซื้อเงินสดเท่านั้น ไม่มีมาผ่อน ไม่มีไฟแนนซ์ทั้งสิ้น จริงหรือเปล่า ? เห็นแม่ผมเคยเล่าว่าอย่างนั้น

หรือถ้าปัจจุบันนี้ลองออกกฎหมายว่า ใครจะซื้อรถต้องดาวน์อย่างน้อย 50% ของราคารถ ก็คงช่วยลดอัตราการซื้อรถของคนไทยในแต่ละปีลงได้บ้าง

แต่อย่างว่าล่ะนะ นักการเมืองไทยมันขี้ข้าบริษัทรถยนต์ทั้งนั้น มันคงไม่ออกกฎหมายที่ทำให้บริษัทรถยนต์ต้องขายรถได้น้อยลงมาง่าย ๆ หรอก จริงไหม

ส่วนพรรคการเมืองชั่ว ๆ ก็เอาภาษีรถมาแจกคืนคนซื้อรถคันแรก แม่งกระตุ้นส่งเสริมให้รถติดมากขึ้นแท้ ๆ พรรคอะไรนะ แม่งเลวแท้ 555


(*เท่าที่ทราบที่จีน ที่สิงคโปร์ ก็ใช้วิธีซื้อรถต้องมีที่จอดเช่นกัน ส่วนญี่ปุ่น ราคารถยนต์จะถูกกว่าราคารถยนต์บ้านเรา แต่ภาษีรถในแต่ละปีแพงมาก และจะแพงขึ้นตามอายุการใช้งานของรถ)


คลิกอ่าน ความโง่ของรอง ผบช.น. กับการห้ามรถเกิน 7 ปีวิ่งในกทม.





วันพุธที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2556

พวกแดกชาเขียวหวังโชค โง่ไม่แพ้พวกฟายแดง







อย่าไปว่าประเทศไทยไม่เจริญเพราะฟายแดงเลย

เพราะไอ้พวกแดกชาเขียวหวังลุ้นของรางวัลจากไอ้เสี่ยอบายมุข แม่งก็โง่ไม่แพ้ไอ้พวกฟายแดงหรอก

แถมยังโง่ไปเทิดทูนไอ้เสี่ยอบายมุขนี้เสียอีก ทั้ง ๆ ที่ แม่งทำบุญเพื่อการตลาดทั้งนั้น

ไอ้เสี่ยอบายมุข ทำการตลาดร่วมกับไอ้สรย้วยหน้าเงิน ด้วยการทำเรื่องดราม่าน้ำท่วมโรงงาน แถมตอนหลังลากเอาไอ้โน้ส ศิษย์lสมีไชยบูลย์มาร่วมกันทำการตลาดเพื่อหลอกคนโง่และโลภให้หลงใหล

สุดท้ายไอ้พวก 3 ตัวเนี่ยแม่งรวยเอา ๆ

เห็นว่าแม่งกำลังดึงเถ้าแก่น้อยมาร่วมวงหลอกแดกคนไทยโง่ ๆ อีกนะ

ระวังให้ดี สาหร่ายแม่งเค็มจะตาย เคยอ่านข้างซองบ้างไหม ??


คลิกอ่าน ตัน อิชิตัน เจ้ามือหวยออกเบอร์






วันอังคารที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2556

กรณีศึกษา งบประมาณแผ่นดินสหรัฐไม่ผ่านสภา






และแล้วงบประมาณแผ่นดินปี 2014 ของสหรัฐอเมริกาก็ไม่ผ่านสภาคองเกรส โดยเฉพาะสภาล่างที่มีพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก ทำให้ทางการสหรัฐฯ ต้องปิดหน่วยงานราชกาชกลางของรัฐทั้งหมดทั่วประเทศ เพราะไม่มีงบจ่ายเงินเดือนให้ข้าราชการ

ซึ่งความจริงตอนนี้ก็คล้ายสถานการณ์ที่เกิดในไทย คือ งบประมาณปี 2557 ของไทยก็ยังค้างอยู่ที่ศาล รธน. เช่นกัน แต่หน่วยราชการไทยไม่ต้องถูกปิดตัวเหมือนหน่วยงานราชการของสหรัฐฯ เพราะของไทยให้ใช้นำแผนงบประมาณปี 2556 มาปรับใช้ชั่วคราวก่อน

ส่วนปัญหาที่งบประมาณแผ่นดินของสหรัฐไม่ผ่านสภาคองเกรส เพราะสส.พรรครีพับลิกันคัดค้านกฎหมายประกันสุขภาพของประธานาธิบดีโอบามานั่นแหละ

เพราะโอบามาอยากจะออกกฎหมายช่วยคนจนในเรื่องการรักษาพยาบาล ก็คล้ายแบบที่ไทยเรามี 30 บาทรักษาทุกโรคนั่นแหละ เพราะพรรคเดโมแครตของสหรัฐอเมริกา เขามีฐานเสียงจากคนจน ชนรากหญ้าเยอะกว่ารีพับลิกัน

ส่วนพรรครีพับบลิกัน จะมีชนชั้นกลางและค่อนไปทางเศรษฐีที่สนับสนุนพรรค ไม่เห็นด้วยกับนโยบายประกันสุขภาพของโอบามา

เพราะประชาชนชนชั้นกลางที่สนับสนุนพรรครีพับลิกัน มักเป็นผู้มีงานการทำและเสียภาษีให้ประเทศทุกปี แสดงความไม่เห็นด้วยที่โครงการประกันสุขภาพของโอบามาจะมาบังคับให้ผู้ที่มีงานทำและเสียภาษี ต้องถูกบังคับให้จ่ายค่าประกันสุขภาพเพิ่มขึ้น เพื่อนำเงินไปเฉลี่ยช่วยคนยากจนที่ยากไร้ตกงาน

ชาวรีพับลิกัน หลายคนบอกว่า มันไม่ยุติธรรมที่พวกเขาทำงานมาอย่างเหนื่อยยากถูกบังคับให้ต้องเสียเงินมากขึ้น เพื่อที่รัฐจะนำเงินนี้ไปช่วยคนขี้เกียจเพื่มขึ้น

--------------------

ถาม-ตอบเรื่องวิกฤติงบประมาณสหรัฐ โดยเดลินิวส์




สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ว่าในที่สุดรัฐบาลสหรัฐภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ต้องเข้าสู่ภาวะ "โกเวอร์นเมนท์ ชัทดาวน์" หรือภาวะที่รัฐบาลกลางต้องปิดหน่วยงานบางส่วนชั่วคราว สืบเนื่องจากสภาคองเกรสมีความเห็นไม่ลงรอยกันในเรื่องแผนงบประมาณปี 2557

เพราะเหตุใดรัฐบาลสหรัฐต้องเข้าสู่ภาวะ "โกเวอร์นเมนท์ ชัทดาวน์"
รัฐธรรมนูญสหรัฐระบุเอาไว้ชัดเจนว่า หนึ่งในหน้าที่สำคัญของสภาคองเกรส คือการอนุมัติงบประมาณสำหรับรัฐบาลกลางให้ทันตามกำหนด คือก่อนวันที่ 1 ต.ค. หากไม่สามารถทำได้ หน่วยงานภายใต้การดูแลของรัฐบาลกลางเกือบทุกแห่งจะต้องระงับให้บริการโดยปริยาย

เพราะเหตุใดสภาคองเกรสต้องประชุมกันเรื่องงบประมาณในช่วงกลางปี
ปีงบประมาณของรัฐบาลคลุมระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ถึง 30 ก.ย.

อุปสรรคของการอนุมัติงบประมาณครั้งนี้คืออะไร
สภาผู้แทนราษฎรซึ่งมีพรรครีพับลิกันครองเสียงข่างมาก ต้องการเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายประกันสุขภาพ หรือ "โอบามาแคร์" ออกไปอีก 1 ปี แต่วุฒิสภาซึ่งเสียงส่วนใหญ่เป็นพรรคเดโมแครตไม่เห็นด้วย

"โอบามาแคร์" เกี่ยวกับงบประมาณของรัฐบาลอย่างไร
โอบามาแคร์ไม่เกี่ยวข้องกับงบประมาณโดยตรง แต่ทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันต่างใช้กฎหมายประกันสุขภาพฉบับนี้เป็น "เครื่องต่อรอง" ทางการเมือง

"โอบามาแคร์" คืออะไร
The Patient Protection and Affordable Care Act ( PPACA ) คือชื่ออย่างเป็นทางการของกฎหมายประกันสุขภาพที่มาจากแนวคิดของโอบามา จึงมีชื่อเรียกแทนเสมือนเป็นชื่อเล่นว่า โอบามาแคร์ มีสาระสำคัญให้ชาวอเมริกันทุกคนต้องมีประกันสุขภาพ ผู้ที่ฝ่าฝืนจะต้องชำระค่าปรับ ทั้งนี้รัฐจะนำเงินที่ได้ไปเป็นงบประมาณช่วยเหลือผู้มีฐานะยากจน ซึ่งไม่สามารถซื้อประกันดังกล่าวเองได้ ทำให้ประชาชนบางส่วนไม่เห็นด้วย เนื่องจากถือเป็นการละเมิดเสรีภาพ

เจ้าหน้าที่รัฐจะได้รับผลกระทบจากภาวะ "โกเวอร์นเมนท์ ชัทดาวน์" อย่างไร
เจ้าหน้าที่ราว 3.3 ล้านคน ซึ่งมีตำแหน่งหรือรับผิดชอบงานที่ "สำคัญ" จะได้ทำงานต่อ แต่อาจได้รับค่าตอบแทนช้ากว่าปกติมาก แต่เจ้าหน้าที่อีกเกือบ 800,000 คนจะต้องหยุดงานโดยไม่รับค่าตอบแทน ขณะที่พิพิธภัณฑ์ทุกแห่ง อุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ รวมถึงอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ จะต้องปิดให้บริการ

ภาวะ "โกเวอร์นเมนท์ ชัทดาวน์" เกิดขึ้นล่าสุดเมื่อใด
ในสมัยของประธานาธิบดีบิล คลินตัน ระหว่างปลายปี 2538 ถึงต้นปี 2539 สืบเนื่องจากความขัดแย้งระหว่างคลินตันกับสภาคองเกรสเกี่ยวกับกฎหมายประกันสุขภาพ "เมดิแคร์" สำหรับผู้มีอายุเกิน 65 ปี รวมถึงผู้พิการ หรือมีภาวะทุพพลภาพทางกาย

เศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด
ขึ้นอยู่กับว่า ภาวะดังกล่าวจะกินระยะเวลานานแค่ไหน ถ้าเพียง 3-4 วัน เศรษฐกิจก็จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่ถ้านาน 3-4 สัปดาห์ มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส หนึ่งในบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลกประเมินว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ( จีดีพี ) ของสหรัฐในไตรมาสที่ 4 อาจลดลงราว 1.4%

ประธานาธิบดีสหรัฐได้รับเงินเดือนในช่วงนี้หรือไม่
โอบามายังคงได้รับเงินเดือนตามปกติ เดือนละ 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 12.6 ล้านบาท )

ชาวอเมริกันคิดอย่างไรกันบ้าง
ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนโดยสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ร่วมกับสำนักวิจัยโออาร์ซี ระบุ 46% มองว่าเป็นความผิดของพรรครีพับลิกัน 36% คิดว่าโอบามาต้องรับผิดชอบ ขณะที่ 13% มองว่าทั้งโอบามาและสภาคองเกรสต้องรับผิดชอบร่วมกัน


-----------------------

ยุคนี้ประเทศสหรัฐอเมริกา คนอเมริกันเขาเลือก สส.ส่วนใหญ่มาจากพรรครีพับลิกัน แล้วเลือกประธานาธิบดีที่มาจากพรรคเดโมแครต

นั่นเพราะคนอเมริกันเขาเชื่อในเรื่องหลักการคานอำนาจ

แล้วสภาไทยล่ะ สว. กับ สส. กำลังจะมาจากผู้ร่วมนอนเตียงนอนเดียวกันแล้ว


------------------

สกู๊ปจาก VOA voice of america

ผลกระทบการปิดทำการรัฐบาลสหรัฐฯ Government Shutdown VOA