วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2556

รัฐบาลขูดรีดผู้ใช้เบนซิน มาอุดหนุนดีเซล และLPG






ผมจำไม่ได้แล้วว่า ผมเคยเขียนบทความเกี่ยวกับความชั่วของรัฐบาลที่ร่วมมือกับ ปตท. ขูดรีดคนไทยมากี่บทความแล้ว เพราะเขียนไว้เยอะมาก

แต่บทความนี้ผมอยากจะย้ำให้คนไทยจำนวนมากที่โดนขูดรีด แต่ไม่รู้ตัวว่าโดนขูดรีดให้ได้รู้ว่า ผู้ที่ใช้น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ คือผู้ที่ถูกรัฐบาลและ ปตท. ขูดรีดไปมากที่สุดในรูปของ เงินกองทุนน้ำมันเชื่อเพลิง

กองทุนน้ำมัน ได้ขูดรีดจากผู้ใช้น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ เพื่อนำไปใช้ตรึงราคาน้ำมันดีเซล และ LPG ให้คงที่ บนแนวความคิดโบราณคร่ำครึว่า ผู้ใช้เบนซินคือคนรวย ผู้ใช้ดีเซลคือคนจนในสังคม

ประเทศไทยมีผู้ใช้รถดีเซลมากที่สุด มีการใช้เครื่องยนต์ดีเซลในกิจกรรมทั้งการขนส่ง และการเกษตรมากที่สุด

อีกทั้งรถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลก็ขายดีมากกว่ารถเบนซิน แต่การที่รัฐพยายามตรึงราคาน้ำมันดีเซล โดยไปขูดรีดกับผู้ใช้เบนซินและแก๊สโซฮอล์แทน ย่อมเป็นเหตุให้น้ำมันเบนซินของไทยแพงโคตร ๆ เปรียบเสมือนเตี้ยอุ้มค่อม

การที่รัฐบาลอุ้มราคาดีเซล ย่อมเป็นเหตุให้มีผู้ใช้รถจำนวนมากที่ไม่ได้คิดจะใช้รถเพื่อการค้าและการพาณิชย์(ขนส่ง) ก็หันไปซื้อรถกระบะมาวิ่งเพื่อส่วนตัวแทน เพราะหวังได้ราคาน้ำมันที่ถูกกว่า แต่รถกระบะมีตัวรถที่ยาวกว่า ก่อมลภาวะมากกว่า ทำให้รถติดมากกว่า

การที่รัฐอุดหนุนดีเซล เท่ากับบิดเบือนเจตนาการใช้รถของผู้จะซื้อรถไปด้วย

และการที่รัฐบิดเบือนราคาดีเซลโดยอ้างเรื่องการขนส่ง อ้างเรื่องกลัวสินค้าขึ้นราคา นั้นเป็นการอ้างที่ไม่ถูกต้องแล้วในวันนี้

เพราะขึ้นชื่อว่าผู้ทำการค้าการขนส่งในไทย ยามน้ำมันแพงมีแต่ขึ้นราคา ยามน้ำมันลด ทำเฉยเพื่อกินกำไรมาก ๆ ทั้งสิ้น จึงกลายเป็นว่า ตรึงราคาดีเซลก็ไม่ได้ช่วยให้ราคาสินค้าถูกลงหรือคงที่ได้ เพราะผู้ค้าย่อมมีเหตุอ้างเพื่อหากำไรไปได้เรื่อย

ผมขอยืนยันว่า หากรัฐบาลไทยโปร่งใส ปตท.ไม่สารเลว ยังไง ๆ น้ำมันเบนซินและดีเซลของไทยต้องมีราคาถูกกว่านี้แน่นอน โดยไม่ต้องมีกองทุนน้ำมันด้วยซ้ำ

เพราะขนาดพม่าซื้อน้ำมันจากไทยและมาเลเซียไปใช้ในประเทศ พม่ายังขายทั้งเบนซินและดีเซลได้ถูกกว่าราคาขายในไทยอีกด้วย ถ้าไม่เชื่อไปอ่านบทความนี้

คลิกอ่าน พม่าโชคดีที่ไม่มีบริษัทชั่ว ๆ อย่างปตท.

ยุคนี้คนที่ใช้เบนซินและแก๊สโซฮอล์ไม่ใช่คนรวยอีกแล้ว การที่น้ำมันเบนซินยิ่งแพงก็ย่อมมีผลกระทบประชาชนมากขึ้น ๆ อย่างเช่น มอไซค์รับจ้างต้องใช้น้ำมันลิตรละ 40 กว่าบาท สุดท้ายก็ต้องมาลงกับราคาค่าโดยสารกับประชาชนที่ใช้บริการ

จนเดี๋ยวนี้ค่าโดยสารมอไซค์รับจ้างเฉลี่ยแล้วแพงกว่าค่าแท๊กซี่มิเตอร์อีกจริงหรือไม่ ??

แล้วยังมีคนจน ๆ ส่วนใหญ่ที่ใช้มอเตอร์ไซค์กันทั้งประเทศอีกล่ะ ? เพราะยิ่งไกลกรุงเทพน้ำมันก็ยิ่งแพง บนเขาบนดอยแก๊สโซฮอล์ลิตรละ 50 บาทไปแล้ว

ส่วนคนที่ใช้น้ำมันดีเซล เดี๋ยวนี้ก็เป็นคนรวยมากมายเช่น รถ SUV ราคาแพง ๆ หรือรถยุโรปขนาดใหญ่สุดหรู ก็ใช้ดีเซลกันเยอะ นี่เท่ากับคนรวยพวกนี้ได้โอกาสมาร่วมรับการอุดหนุนจากเงินกองทุนน้ำมันด้วย แบบนี้ยุติธรรมหรือไม่ ?

ถ้าจะให้พูดแบบประชดคือ มอไซค์คนจนอุ้มค่าน้ำมันให้รถ SUV ของเศรษฐี

ที่สำคัญ น้ำมันที่เกษตรกรใช้ เช่นรถไถ รถอีแต๋น รถแทรกเตอร์ ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมันระดับเดียว เกรดกับน้ำมันเครื่องยนต์คอมมอนเรลหรือเครื่องยนต์ดีเซล TDI ใช้ก็ได้ แต่ทุกวันนี้กลับไม่มีแยกประเภทดีเซลให้เกษตรกรใช้เฉพาะ

แล้วเชื่อไหม ? พวกพ่อค้าแม่ค้าที่มีรถกระบะดีเซลน่ะ รวยกว่าพนักงานตามบริษัทที่ขี่มอไซค์ไปทำงานเสียอีก !!

ฉะนั้น ในยุคนี้การให้เบนซินอุ้มดีเซล จึงถือเป็นความไม่ยุติธรรมในสังคม

เอ่อ.. นายกสมองเห้ที่ไหนมันเริ่มอุ้มดีเซลเป็นคนแรกหว่า ใบ้ให้ ที่หน้ามันเหลี่ยม ๆ น่ะ

----------

หมายเหตุ ไทยเป็นชาติเดียวที่ตรึงเฉพาะน้ำมันดีเซล ส่วนในชาติอื่น ๆ ถ้าเขาจะตรึงราคาน้ำมัน เขาจะตรึงทั้งดีเซลเบนซิน ความเชื่อที่ว่า ดีเซลแพงราคาสินค้าจะขึ้น จึงต้องตรึงดีเซล เป็นตรรกะที่ไอ้เหลี่ยมมันหลอกคนไทย .ให้พ่อค้าคนกลางร่ำรวยอื้อซ่ามาหลายปีแล้วครับ ไม่มีชาติไหนที่เขาใช้วิธีนี้ คือ คิดราคาเบนซินแพง ๆ เพื่อไปตรึงราคาดีเซล

-------------------------

LPG หนทางขูดรีดคนจนอีกครั้งของรัฐบาลและ ปตท.

เมื่อปี 2550 ประเทศไทยยังสามารถส่งออก LPG ไปขายต่างประเทศไทย แต่หลังจากนั้นก็นำเข้ามาตลอด เพราะปริมาณการใช้ LPG ในประเทศเพิ่มขึ้น แต่ !!

ไอ้ ปตท. มันโทษไปที่ผู้ใช้รถยนต์ที่เติม LPG เพิ่มขึ้น ทั้ง ๆ ที่ ได้ตัวต้นเหตุที่ทำให้ปริมาณLPG ไม่พอใช้ในประเทศ คือ กิจการปิโตรเคมีของกลุ่ม ปตท. ต่างหาก

พอมีคนรู้เท่าทัน ไอ้ปตท. มันก็อ้างว่า ปิโตรเคมีเอา LPG ไปสร้างผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มทำรายได้เข้าประเทศ แต่คนไทยที่ใช้ LPG ในภาคครัวเรือน และในรถยนต์ต่างหากที่ได้แต่เผา LPG ให้หมดไปอย่างไร้ค่า

ถุย !! ดูตรรกะเลว ๆ ของ ปตท. มันคิดสิครับ

มีบ้านไหนครัวเรือนไหนเปิดแก๊สทิ้งให้หมดไปเปล่า ๆ บ้าง ? ทุกบ้านก็มีไว้ทำอาหาร อาหารคือสิ่งที่ทำให้คนเรามีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อทำงานหาเงินได้ รวมทั้งบ้านไอ้พวกผู้บริหาร ปตท. ก็ด้วย ถ้าไม่กินอาหารแล้วจะอยู่ได้ไหม

แล้วมีรถสักกี่คันที่วิ่งผลาญ LPG เล่น ๆ ส่วนใหญ่เขาก็ใช้รถเพื่อการทำงาน การเดินทาง ซึ่งเป็นผลในทางเศรษฐกิจทั้งสิ้น

บริษัท ปตท. เกิดจากภาษีคนไทย ทรัพยากรพลังานในประเทศก็เป็นของคนไทย แต่กลายเป็นว่า พอ ปตท. แปรรูปเป็นเอกชน ปตท.มันกลับมองเห็นพลังงานของชาติเป็นของพวกมัน ที่คนไทยมาแย่งพวกมันไปใช้ ทั้ง ๆ ที่คนไทยทุกคนควรมีสิทธิได้ใช้ LPG ก่อนกิจการของกลุ่ม ปตท. ด้วยซ้ำ

และเงินส่วนขาดทุนกำไรของ ปตท. ในส่วน LPG ก็ได้เงินจากกองทุนน้ำมันที่ขูดรีดจากผู้ใช้เบนซินมาจ่ายให้แล้วไง

-----------------------

ปัญหาลักลอบนำ LPG ครัวเรือนมาใช้ในรถยนต์

มีผู้ค้ารายใหญที่รับ LPG ภาคครัวเรือนจาก ปตท. ไปลักลอบขายให้ปั๊มแก๊ส LPG เพื่อหวังเงินอุดหนุนและส่วนต่างจากรัฐ (ที่จริงก็ไม่ใช่เงินรัฐ แต่เป็นจากกองทุนน้ำมันที่ขูดรีดผู้ใช้เบนซินต่างหาก)

ซึ่งผมรู้ว่าและได้ยินมานานแล้วว่า มีวิธีสามารถแยกLPG ครัวเรือนออกจากาภาคขนส่งอย่างเด็ดขาดได้ง่าย ๆ กับLPG ภาคขนส่ง ก็คือ การเติมสารน็อคเครื่องยนต์เช่นก๊าซ DME(Dimethyl Ether) สักนิดหน่อยลงไปใน LPG ภาคครัวเรือน ซึ่งไม่เป็นอันตรายใด ๆ ต่อผู้บริโภค แต่จะทำให้ LPG ครัวเรือนที่มีก๊าซDME จะทำให้เครืองยนต์ LPG น็อคได้ ซึ่งงจะทำให้ไม่สามารถนำLPG ครัวเรือนไปใช้ในรถได้

และทำให้สามารถแยกราคา LPG ระหว่างภาคครัวเรือนและภาคขนส่งออกจากกันได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งถ้าจะให้กองทุนน้ำมันมุ่งไปอุดหนุนเฉพาะก๊าซLPG ภาคครัวเรือนอย่างเดียวได้

แต่ทำไม ปตท. พูดแล้วพูดอีกถึงวิธีนี้ แต่กลับไม่คิดจะทำจริง ๆ สักที ?

สาเหตุก็คงเพราะ จะได้มีข้ออ้างในการเพิ่มราคา LPG ได้นั่นเอง

หากไม่มีบริษัทปิโตรเคมีในเครือ ปตท. มาแย่งใช้ LPG แล้ว จำนวนการผลิต LPG ในประเทศเพียงพอกับความต้องการของภาคครัวเรือน และภาคขนส่ง อยู่แล้ว

แถม ปตท. ขายLPG ให้กับกิจการปิโตรเคมีของตัวเองในราคาที่ถูกกว่าภาคครัวเรือนใช้อีกด้วย มันเป็นการโกงประชาชนชัด ๆ

แล้วนี่ยังหาข้ออ้างมากมายเพื่อจะมาขึ้นราคา LPG อีก

---------------------

ผมขอสรุปง่าย ๆ ว่า

การแปรรูป ปตท. คือการแปรรูป ปตท.ให้เป็นโจร เพราะตัวเลขทุกอย่างของ ปตท. ทั้งปริมาณแก๊ส ปริมาณการผลิตน้ำมัน ปตท. มีการปกปิดและบิดเบือนตัวเลขทั้งสิ้น

ฉะนั้น ผมจึงจะขอย้ำในสิ่งที่เคยเขียนในบทความเก่า ๆ ว่า กำไร ปตท. ย่อมไม่ใช่กำไรที่แท้จริงตามที่เราเห็นหรอกครับ

ก่อนจะเหลือกำไรที่เราได้เห็นนั้น ปตท. มันคงเอาเงินไปจ่ายเบี้ยใบ้รายทางให้กับผู้มีอำนาจมากมายก่ายกองมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งจ่ายให้ไอ้ชั่วที่สั่งแปรรูป ปตท.

เรื่องการตบแต่งบัญชีกำไรนั้น ปตท. สามารถเอาเงินอุดปากเจ้าหน้าที่ได้ทุกหน่วยงาน เชื่อผมสิ

แบบที่เรียกว่า โกงแบบบูรณาการ นั่นแหละ

การโกงแบบบูรณาการ คือ โกงในทุกขั้นตอน ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทุกหน่วยงานที่ตรวจสอบ  ถ้าเอาเงินอุดปากได้ทั้งหมด การโกงก็จะกลายเป็น ไม่เคยมีการโกงในที่สุด

เฮ่อ.. บทความนี้ถือเป็นบทพิสูจน์ว่า คนใช้ดีเซลสามารถยอมรับความจริงที่ควรเท่าเทียมกันได้หรือไม่ หรือผู้ใช้ดีเซลดีแต่ปากด่า ปตท. แต่พอกระทบผลประโยชน์ตัวเอง ตัวเองก็รับไม่ได้เช่นกัน

ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ควรหัดละอายใจตัวเองได้แล้วครับ


การบิดเบือนกลไกราคาที่ถูกต้อง คือบ่อเกิดแห่งปัญหาที่แก้ยากและไม่สิ้นสุด !!



คลิกอ่าน เสี่ยเพ้งคิดเลิกรถใช้ LPG กับรัฐบาลชั่วขูดรีดประชาชน








วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2556

สันดานกิตติรัตน์ กับหนี้ครัวเรือน







ในหลายบทความที่ผ่านมา ผมได้เขียนว่า รัฐบาลที่มาจากพวกนายทุนมันไม่ต้องการให้คนไทยออมเงิน เพราะพวกมันจะเสียผลประโยชน์ เพราะพวกมันต้องการให้คนไทยใช้จ่ายเยอะ ๆ เป็นหนี้เยอะ ๆ โดยออกบัตรเครดิตมาล่อคนไทยหลากหลายอาชีพให้เป็นหนี้ โดยมันมีข้ออ้างที่เป็นประโยชน์แบบแถ ๆ หลอกควายที่หลงเชื่อมันได้เสมอ

ประเทศไทยมีหนี้ครัวเรือนพุ่งจาก 40% ของจีดีพี มาเป็น 80% ของจีดีพี ซึ่งถือว่ามากเหลือเกิน รัฐบาลที่ดีควรหาทางให้ประชาชนประหยัด หาทางช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชน

แล้วเป็นไง ของแพงทั้งแผ่นดิน แต่พวกหลงเชื่อรัฐบาล เห็นกงจักรเป็นดอกบัวพวกมันยังไม่รู้สึก

ในการประชุมพ.ร.บ.งบประมาณปี 2557 เมื่อหลายวันก่อน มีสส.ประชาธิปัตย์คนหนึ่งได้อภิปรายเรื่อง กองทุนการออมแห่งชาติ ว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ดำเนินการต่อ ทั้ง ๆ ที่กองทุนการออมนี้ควรเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2555 แล้ว แต่กลับไม่ได้การอุดหนุนงบประมาณจากรัฐบาลเห้ จนกองทุนไม่อาจเกิดขึ้นจริงได้

ซึ่งกองทุนการออมแห่งชาติก็คือ กองทุนที่สนับสนุนแรงงานนอกระบบประกันสังคม นอกระบบราชการ ฯ ให้สนใจมาออมเงิน โดยที่รัฐบาลจะร่วมสนับสนุนเงินสมทบด้วย

โดยที่รัฐบาลจ่ายเงินสมทบให้แก่สมาชิกตามระดับอายุของสมาชิก และเป็นอัตราส่วนกับจำนวนเงินที่สมาชิกสะสมเข้ากองทุน คือ

1. อายุ15-30 ปี รัฐจ่ายให้ 50% ของเงินสะสม แต่ไม่เกิน 600 บาทต่อปี

2. อายุ 30-50 ปี รัฐจ่ายให้ 80% ของเงินสะสม แต่ต้องไม่เกิน 960 บาทต่อปี

3. อายุมากกว่า 50 ปี แต่ไม่เกิน 60 ปี รัฐจะสมทบจ่ายให้ 100% ของเงินสะสม แต่ไม่เกิน 1,200 บาทต่อปี

เมื่อรัฐบาลเห้ มันไม่สนับสนุนให้กองทุนนี้เกิดขึ้น ทั้งๆ ที่กฎหมายได้ออกไปแล้ว จึงมีแรงงานนอกระบบได้ไปร้องศาลปกครองแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมา

และไอ้ตัวการไม่ให้กองทุนการออมเกิดขึ้น ก็คือ ไอ้กิตติรัตน์ นี่แหละครับ

--------------------

หนี้ครัวเรือนในความหมายของไอ้โกหกสีขาว

ข่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

“กิตติรัตน์” ฉุน ธปท. ออกบทวิจัย “หนี้ครัวเรือนพุ่ง” ชี้ชัดผิดตั้งแต่ต้นเพราะใช้คำนิยามผิดจากหลักสากล

โดยนายกิตติรัตน์กล่าวว่า

“ผมเชื่อว่าสถาบันการเงินต่างๆ ทราบดีว่า การกู้จากประชาชนกลุ่มนี้ไม่ใช่หนี้ครัวเรือน เพราะเป็นการปล่อยสินเชื่อให้เพื่อไปประกอบธุรกิจ และสุดท้ายก็จะมีเงินมาใช้คืนหนี้ และในส่วนของ ธปท.เอง เมื่อมันไม่ถูกมาตั้งแต่ต้น ดังนั้น ในแง่การวิจัยอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการเอาจีดีพีไปคำนวณเปรียบเทียบกับอัตราหนี้ครัวเรือนของประเทศอื่น ก็อาจจะเกิดข้อผิดพลาด และเกิดความกังวล เพราะต้องเข้าใจด้วยว่ายังมีรายละเอียดอีกหลายอย่างที่จะวิเคราะห์ได้"

"ตนเองไม่ต้องการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับบทวิเคราะห์ของ ธปท. จนอาจจะทำให้เกิดการขาดความเป็นประโยชน์ แต่อยากให้ไปดูบทวิเคราะห์ของสถาบันต่างๆ และนำไปศึกษาเปรียบเทียบกับมาตรฐานของหน่วยงานอื่นๆ ด้วย ทั้งหน่วยงานด้านสถิติต่างๆ เช่น สำนักงานสถิติแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รวมไปถึงหน่วยงานในระดับสากลอย่างกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่มีการกำหนดคำนิยามของคำว่าหนี้ครัวเรือนไว้อย่างชัดเจน"

"เนื่องจากคำว่าหนี้ครัวเรือนที่สากลใช้กันนั้น ส่วนใหญ่จะหมายถึงหนี้ที่เกิดจากบุคคลธรรมดาที่มีความสามารถในการก่อหนี้เพื่อลงทุนในทรัพย์สินที่มีความจำเป็น และเป็นประโยชน์ในระยะยาว เช่น การซื้อบ้าน รถยนต์ หรือการดูแลคุณภาพชีวิตของตนเองให้ดีขึ้น ขณะที่ประชาชนที่มีวัตถุประสงค์ในการกู้เพื่อนำไปประกอบกิจการ ต้องมีการนิยามหนี้ในกลุ่มนี้ใหม่ว่า เป็นสินเชื่อเพื่อการประกอบธุรกิจมากกว่า" ไอ้โต้งกล่าว


สรุปง่าย ๆ ก็คือ ไอ้โต้งจอมมุสา มันบอกว่า หนี้ครัวเรือนไม่ควรมากถึง 80% ของจีดีพี เพราะหนี้ส่วนใหญ่มาจากการกู้ไปลงทุนทำธุรกิจ ซึ่งตรงส่วนนี้ไม่ใช่หนี้ครัวเรือน แต่ควรจะเรียกว่าสินเชื่อเพื่อการลงทุน

-------------------------

ผู้ว่า ธปท. ต่อต่านรัฐบาลนายทุนสามานย์ ได้ตอบโต้ทันที

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าธปท. กล่าวว่า "นิยามหนี้ครัวเรือนของธปท. คือ สินเชื่อที่ปล่อยให้บุคคลธรรมดา และกิจการขนาดเล็กที่ไม่ได้จดทะเบียน ซึ่งเป็นนิยามเดิมที่ ธปท. ใช้ และเป็นไปตามหลักสากลเหมือนกับในต่างประเทศ"

"ประเด็นที่ ธปท. เป็นห่วงคือการเร่งตัวของหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นเร็วในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จาก 50% ของจีดีพี เป็น 80% ของจีดีพี หรือประมาณ 8 ล้านล้านบาท จากมูลค่าจีดีพี 10 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน โดยประมาณ 2% เป็นสินเชื่อเพื่อธุรกิจ ซึ่งเมื่อมีการหักลบออกไปแล้วกลับมีสัดส่วนหนี้ครัวเรือนสูงอยู่ถึง 78% ที่มาจากสินเชื่อบ้าน รถยนต์ และอุปโภคบริโภค ซึ่งหากเปรียบเทียบกับการเพิ่มขึ้นของรายได้ พบว่าหนี้ครัวเรือนเร่งตัวสูงกว่ารายได้มาก และเกรงว่าจะกระทบกับความสารถในการชำระหนี้ให้ลดลง"

"เป็นสัญญาณเตือนให้เฝ้าระวังและติดตามอย่างใกล้ชิด แต่ยังไม่เป็นปัญหาที่รุนแรง จนถึงขั้นที่ ธปท. ต้องออกมาตรการพิเศษมาดูแลหนี้ครัวเรือน เพราะการออกมาตรการจะต้องมีความระมัดระวัง เพราะอาจกระทบให้เศรษฐกิจภาพรวมยิ่งชะลอตัวลงแรง หากมีการใช้มาตรการแรงเกินไป เพราะในขณะนี้การอุปโภคบริโภคชะลอตัวลงมาก ซึ่งเป็นการปรับตัวของประชาชนที่ระมัดระวังการใช้จ่ายหลังจากที่มีการก่อหนี้เพิ่มขึ้น"

"เพราะหากปัญหาหนี้ครัวเรือนรุนแรงขึ้นจนถึงระดับ 85% ของจีดีพี ประเทศไทยอาจประสบปัญหาเหมือนสหรัฐ ที่มีปัญหาหนี้ครัวเรือนก่อเกิดวิกฤต เพราะไม่สามารถขายสินทรัพย์ เช่น บ้านและรถยนต์เพื่อเสริมสภาพคล่องได้" ผู้ว่า ธปท.กล่าว

สรุปก็คือ ต่อให้เอาหนี้จากสินเชื่อธุรกิจออกไป มันก็แค่ 2 % เท่านั้น หนี้ของบุคคลธรรมดาก็ยังมากถึง 78 % ของจีดีพี 

---------------------

พูดง่าย ๆ ว่า รมว.คลังของไทย มันเคยพยายามจะโทษเรื่องการส่งออกไปที่ ธปท. หาว่า ธปท. คงอัตราดอกเบี้ยสูง ทำให้ค่าเงินบาทแข็ง ส่งออกทรุด

แต่พอ ธปท.ลดดอกเบี้ยลง ก็ไม่ได้ช่วยให้ค่าเงินบาทอ่อนลงแต่อย่างใด ไอ้โต้งมันก็อยากให้ลดดอกเบี้ยลงมาก ๆ อีก

ที่ไหนได้ พอกระแสมาตรการ QE ของสหรัฐทำท่าเริ่มลดลงเท่านั้น ค่าเงินบาทอ่อนลงทันที เพราะนักลงทุนนำเงินออกจากตลาดทุนเพื่อทำกำไร

เมื่อค่าเงินบาทอ่อนลงเป็นปกติแล้ว ส่งออกก็ยังทรุดเหมือนเดิม !!

ไอ้โต้งมันอยากจะปลดผู้ว่าคนนี้ออก เพื่อพวกมันจะได้ดำเนินแผนชั่วได้เต็มที่ ผลาญได้เต็มที่ 

ส่วนเรื่องหนี้ครัวเรือนสูง ก็เป็นอุปสรรคสำหรับพวกมัน เพราะมันอยากจะกู้อีกเยอะ ๆ มากระตุ้นเศรษฐกิจให้คนไทยจับจ่ายใช้สอย แต่เป็นหนี้หัวโตก็ชั่งแม่มัน 

ขอแค่พวกนักการเมืองนายทุนอย่างพวกกูรวยก็พอ !!


คลิกอ่าน สกู๊ปฮารฺดคอร์ข่าว เห็นตรงกับผมเรื่องหนี้ครัวเรือน





วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เมื่อสกู๊ปฮาร์ดคอร์ข่าว คิดเหมือนผมเรื่องหนี้ครัวเรือน






คือผมเขียนบทความหลายบทความเกี่ยวกับการที่รัฐบาลที่มาจากพวกนายทุนมักชอบกระตุ้นให้ประชาชนใช้จ่าย โดยที่รัฐไม่ส่งเสริมการออมของประชาชนเลย

อย่างเช่นนโยบายรถคันแรก รัฐบาลนายทุนชอบอ้างว่า ทำให้บริษัทผลิตส่วนประกอบรถยนต์ในประเทศได้ผลประโยชน์และเกิดการจ้างงานแรงงานในประเทศ

แต่นั่นคือการอ้างแบบแถ ๆ ของพวกรัฐบาลนายทุน เพราะนายทุนที่ได้ประโยชน์นั้นเขาได้ประโยชน์เต็ม ๆ ส่วนประชาชนกลับเป็นหนี้ ซึ่งหนี้ที่หมายถึงนำเงินอนาคตมาใช้

ทุกวันนี้หนี้ครัวเรือนของคนไทยเพิ่มจาก 40 %ของจีดีพี ไปเป็น 80% ของจีดีพีแล้ว ลางหายนะเริ่มมาเยือน เพราะคนไทยนำเงินอนาคตมาใช้มากเหลือเกิน แต่พวกนายทุนกลับรวยเอา ๆ

ผมได้เขียนบทความเรื่อง รัฐบาลนายทุนชอบหลอกให้คนไทยใช้เงิน ไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่า จะมีคนเข้าใจในสิ่งที่ผมพยายามเตือนมากแค่ไหน เพราะผมก็มีแต่ข้อเขียน ไม่ได้มีภาพหรือตัวอย่างให้คนอ่านมองเห็นภาพตาม

แต่ผมดีใจที่เผอิญได้ดูสกู๊ปเรื่องหนี้ครัวเรือน ของรายการฮาร์ดคอร์ข่าว ซึ่งทำได้ออกมาตรงใจผมมาก

ลองดูสกู๊ปก่อนครับ


สิ่งที่นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ในสกู๊ปนี้ ได้เตือนว่า

"คนไทยอย่าลุ่มหลง อย่าไปติดกับไปกับนโยบายประชานิยมต่าง ๆ ของภาครัฐ อย่าลืมนะครับถ้าคุณก่อหนี้ในวันนี้ คือการนำเงินอนาคตมาใช้ และหากคุณเกิดปัญหา ภาครัฐก็ไม่ได้ช่วยอะไรคุณมากนัก"

นี่แหละครับ ตรงใจที่ผมอยากสื่อมาก





วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ทฤษฎี 2 สูงนโยบายหลอกลวงของเจ้าสัวธนินท์







ทฤษฎี 2 สูงของเจ้าสัวซีพี ธนินท์ เจียรวนนท์ ที่พร่ำบอกในการปาฐกถาหลาย ๆ แห่งว่า ดีอย่างโน้นดีอย่างนี้ โดยเจ้าสัวบอกควรเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 500 บาท และปล่อยราคาสินค้าเกษตรของไทยให้สูงขึ้น โดยเฉพาะสินค้าการเกษตร นั้น

ล้วนเป็นทฤษฎีที่หลอกลวงโดยแท้ เพราะเจ้าสัวซีพีเองก็รู้ดีว่า ประเทศจีนเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วจนเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เกือบจะที่สุดในโลกในวันนี้ได้ ก็เพราะการใช้ทฤษฎี 2 ต่ำต่างหาก นั่นคือ ค่าแรงต่ำ สินค้าจีนราคาถูกบุกตีตลาดโลก

แม้วันนี้อัตราค่าแรงขั้นต่ำจีนจะสูงขึ้น แต่การใช้กลยุทธสินค้าราคาต่ำตีตลาดโลกยังใช้ได้ผล แม้อาจจะมีปัญหาเรื่องคุณภาพในสินค้าจีนหลายประเภทก็ตาม

แต่สินค้าที่เป็นสินค้าไฮเทคของจีน ยี่ห้อดัง ๆ ก็กลับตีตลาดโลกจนประสบความสำเร็จเข้าเทคโอเวอร์บริษัทดัง ๆ ของชาติตะวันตกมาแล้วหลายบริษัท เช่น Lenovo เทคโอเวอร์ IBM pc เป็นต้น

(ล่าสุด Lenovo ก็ซื้อ Motorola ไปแล้ว)


ยิ่งการกำหนดราคาสินค้าเกษตรยิ่งต้องระวังให้มาก เพราะสินค้าการเกษตรมีอายุการเก็บรักษาสั้น ด้านคุณภาพก็ไม่ยากที่ประเทศอื่น ๆ จะพัฒนาให้ใกล้เคียงกัน หากใช้ทฤษฎี 2 สูง ของเจ้าสัว อย่างเช่น ข้าวไทยในโครงการจำนำข้าว แล้วเป็นไงล่ะ เจ๊งไม่เป็นท่า

เพราะข้าวไทยนอกจากจะแพงแล้ว คุณภาพที่เคยดีก็แย่ลง เพราะชาวนาไม่สนใจเรื่องคุณภาพ แต่สนใจเร่งการปลูกข้าวอายุสั้นเพื่อหวังเงินจำนำราคาแพง จนข้าวไทยคุณภาพตกลง

ซึ่งเจ้าสัวซีพี เป็นคนยุยงให้ปล่อยราคาข้าวไทยให้สูง ๆ ในรายการของสรยุทธ มาตั้งแต่ปี 2554 แล้ว

พอข้าวไทยราคาแพง ผู้ที่ได้ประโยชน์เต็ม ๆ กำไรเนื้อ ๆ ก็คือซีพี ที่สามารถขายปุ่ย ขายยาปราบศัตรูพืช ขายพันธุ์ข้าว ได้ในราคาที่สูงขึ้น ส่วนรัฐบาลไทยกลับมีหนี้ขาดทุนบาน !!


เจ้าสัวธนินท์ ในอดีต

------------------

หลายประเทศในยุโรปเจ๊ง เพราะ ทฤษฎี 2 สูง

หรือในยุโรปที่มีค่าแรงสูง เป็นเหตุสินค้าแพง ทำให้หลายประเทศต้องเจ๊งเพราะทฤษฎี 2 สูงนี่แหละ เช่น กรีซ โปรตุเกส สเปน และอีกหลายประเทศเป็นต้น

เพราะประเทศเหล่านี้ปล่อยให้ค่าแรงขั้นต่ำสูงขึ้น แต่ไม่ปรับปรุงภาคการผลิตให้เพิ่มขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ปรับปรุงคุณภาพแรงงานของตนให้คุ้มกับค่าแรงที่เพิ่มขึ้น เป็นเหตุให้สินค้าของประเทศเหล่านี้จึงไม่อาจแข่งขันกับสินค้าของชาติอื่น ๆ ได้

สุดท้ายยุโรปเลยเกิดภาวะวิกฤติเศรษฐกิจขึ้น เพราะค่าแรงประชาชนสูง แต่รายได้เข้าประเทศต่ำ ซึ่งไทยเราก็กำลังเริ่มเป็นแบบนี้แล้ว คือ สินค้าส่งออกของไทยทรุดฮวบ ค่าแรงขั้นต่ำกลับสูงกว่าคู่แข่งของไทยมาก

เพราะหากไม่สามารถอาจยกระดับสินค้าของประเทศตัวเองเป็นเกรดแบรนด์เนม สำหรับพวกไฮโซใช้ได้ล่ะก็ กลยุทธ์ปล่อยให้สินค้าราคาสูงจึงมีแต่เจ๊งกับเจ๊งเท่านั้น

ทำไมช่วงหลายปีที่ผ่านมา โซนี่ จึงขาดทุนยับ ? (ตอนนี้สถานการณ์โซนี่เริ่มดีขึ้น เพราะเริ่มตาสว่างแล้ว)

นั่นเพราะซัมซุง แอลจี สินค้าเกาหลีใต้มาตีตลาดด้วยคุณภาพที่ดีพอใช้ ซึ่งตอนแรกอาจยังดีสู้โซนี่ไม่ได้ แต่ราคาซัมซูงถูกกว่ามาก จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจขึ้นมา

ทำไมโนเกียกำลังจะเจ๊ง ?

ก็เพราะโนเกียหลงตัวเอง คิดว่า สินค้าของตัวเองไม่มีใครมาทาบรัศมีได้ โนเกียจึงขายโทรศัพท์มือถือแพงกว่ายี่ห้ออื่น ๆ แต่คุณสมบัติของโทรศัพท์กลับกั๊กเทคโนโลยีเอาไว้ จนกระทั่งมีไอโฟนขึ้นมา ราคาพอ ๆ กับโนเกียหรือค่อนไปทางต่ำกว่า แต่เทคโนโลยีไอโฟนกลับสูงกว่ามาก นี่จึงทำให้โนเกียสูญเสียอันดับ 1 ของโลกในที่สุด

แล้วทำไมยอดขายไอโฟน ถึงแพ้ซัมซูงในตลาดรวมสมาร์ทโฟนไปแล้ว ?

ก็เพราะซัมซูงถูกกว่าไง แม้คุณภาพอาจจะด้อยกว่าบ้างก็ตาม แต่เมื่อขายสินค้าได้มาก ก็จะมีทุนมาพัฒนาคุณภาพสินค้าให้ดีขึ้นตามมาเอง จนตอนนี้สมาร์ทโฟนซัมซูงจัดว่า เป็นสินค้ายอดนิยมไปแล้ว และขึ้นเป็น Smart Phone ยี่ห้อที่ขายดีที่สุดในโลก

เพราะยุคนี้คนเขาพิจารณารื่องราคาต้องมาก่อน แล้วค่อยดูคุณภาพตาม หากคุณภาพพอใช้แต่ราคาถูกมาก มันก็จูงใจให้เขาเลือกของถูกไว้ก่อน

ล่าสุด ตอนนี้สมาร์ทโฟน Huawei ขายดีที่สุดในจีน แซงซัมซุงและไอโฟนไปแล้ว

---------------------

กลับมาที่เจ้าสัวซีพี

เจ้าสัวธนินท์ เคยประกาศสนับสนุนเรื่องให้ประเทศไทยปลูกยางพารามาก ๆ อ้างว่า ประเทศจีนยังมีความต้องการสูง เพราะตลาดรถยนต์ในประเทศจีนกำลังเจริญเติบโต

แล้วเป็นไงล่ะ วันนี้ราคายางพาราตกต่ำไหม ?

ก็ดันไปเชื่อเจ้าสัวซีพีที่รวยจากขายต้นกล้ายาง พอคนไทยปลูกยางมาก ๆ เมื่อยางมีมากราคาก็ตกน่ะสิ

ของมันต้องมีน้อย ๆ แต่ความต้องการสูง ราคาถึงจะแพง

แต่เจ้าสัวซีพีหลอกให้คนไทยปลูกยางเยอะ ๆ เมื่อมีเยอะ ราคายางพาราก็ตก ใครได้ประโยชน์อีกล่ะ ?

ก็เจ้าสัวซีพีไง เพราะซีพีมีโรงงานผลิตรถมอเตอร์ไซค์ในจีน ซีพีมีโรงงานผลิตรถยนต์ MG ตอนนี้เลยได้ประโยชน์ซื้อยางพาราไปผลิตยางรถและยางมอเตอร์ไซค์ได้ในราคาถูกไง



-----------------

ขณะนี้สินค้าจีนมีปัญหาอยู่อย่างเดียว คือ มีสินค้าจีนหลายยี่ห้อที่ยังไร้คุณภาพอยู่ หากเมื่อไหร่จีนควบคุมสินค้าส่งออกให้มีคุณภาพดีอย่างทั่วถึงแล้วล่ะก็

สินค้าไทยถ้ายังแพงตามทฤษฎี 2 สูงของเจ้าสัวซีพีต่อไป ก็เตรียมเจ๊งอีกหลายอย่าง ภาคส่งออกของไทยต้องทรุดฮวบอีกนานครับ

แล้วยิ่งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเริ่มเมื่อไหร่

คนไทยที่ชอบเลือกงาน ขี้เกียจ อยากได้ค่าแรงสูงแต่ขอทำงานน้อย ๆ ก็จะยิ่งตกงานมากขึ้น

ส่วนข้าวไทยถ้ายังแพงแบบนี้ต่อไป เมื่อเปิด AEC แล้วคนไทยคงจะหันไปกินข้าวเขมร ข้าวพม่า ข้าวเวียดนามแทนเหมือนกัน

------------

อัพเดทบทความ พฤษภาคม 2560


พอดีได้ดูคลิปที่เขาแชร์กันในไลน์ ที่คุณสุทธิชัย หยุ่น สัมภาษณ์เจ้าสัวธนินท์ ผู้ที่เคยสนับสนุนให้ค่าแรงขั้นต่ำอย่างน้อยต้อง 500 บาท/วัน

คุณหยุ่น เขาถามถึงเรื่อง ประเทศไทย 4.0 ว่า ซีพีได้ดำเนินการอะไรเกี่ยวกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 บ้าง

เจ้าสัวบอกว่า "อย่างเช่น โรงงานผลิตอาหารของซีพีบางโรงใช้คนงานแค่ 7 คนเท่านั้น เพราะแรงงานที่เหลือใช้หุ่นยนต์ทำงานแทนคนงาน"

ผมเลยนึกถึงบทความเก่านี้เลย ไม่รู้ว่า ใช่โรงงานนี้ของซีพีรึเปล่า ที่มีคนงานแค่ 7 คนเท่านั้น ผมดูคลิปกระบวนการผลิตเพลินเลย (ตามลิงค์ด้านล่าง)

และยังมีอีกหลายคลิปที่กำลังเตือนแรงงานไทยว่า อย่าหลงตัวเอง เรียกร้องค่าแรงสูง ๆ จนมากนัก แต่คุณภาพการทำงานกลับไม่ได้เรื่องล่ะ เพราะไม่งั้นต่อไปจะได้ตกงานเพราะหุ่นยนต์กันอีกเพียบในอนาคตแน่ ๆ เหอะ ๆ

คลิกอ่าน ถ้าคนไทยมัวแต่เลือกงานหวังแต่ค่าแรงสูง ๆ ระวังจะตกงานเพราะหุ่นยนต์

คลิกอ่าน สิ่งที่เจ้าสัวซีพีสำรอกล้วนเพื่อประโยชน์ตัวเอง